หอมหวานและขื่นขม คือรสชาติความจริงของชีวิตมนุษย์ที่ทุกคนต่างต้องพบเจอ บ้างทำร้ายจิตใจจนอยากอาละวาดโวยวายสาดอารมณ์ บ้างเก็บงำความขื่นขมมาร้อยเรียงเป็นหนังสือ แต่สำหรับ ‘Reality Club’ วงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟ-ร็อกจากประเทศอินโดนีเซีย กลับเลือกหยิบนำเรื่องราวทั้งที่น่าจดจำและน่าสบถถ้อยคำใส่ มาเรียบเรียงและระบายอย่างละเมียดละไมผ่านบทเพลงของพวกเขาแทน
Reality Club วงดนตรีเจ้าของผลงานเพลงฮิตอย่าง Anything You Want และ Am I Bothering You? ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 4 คน ได้แก่ ฟาเธีย อิซซาติ (Fathia Izzati) นักร้องนำ หญิงสาวหนึ่งเดียวของวง, ไฟซ์ โนวาสโกเทีย ซาริปดิน (Faiz Novascotia Saripudin) นักร้องนำและมือกีต้าร์, นูกิ วิจักโซโน (Nugi Wicaksono) มือเบส และคนสุดท้าย อีรา พาติโก (Era Patigo) มือกลองประจำวง
วงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟ-ร็อกวงนี้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2016 และเคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ‘วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟยอดเยี่ยม’ ถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปี 2022 อีกทั้งยังได้ปล่อยอัลบั้มเต็มมาแล้วถึง 3 อัลบั้ม ได้แก่ Never Get Better (2017), What Do You Really Know? (2019) และอัลบั้มล่าสุดอย่าง Reality Club Presents... (2023) ที่นำเสนอความรู้สึก ห้วงอารมณ์ต่างๆ เฉกเช่นกับฉากในละคร
ด้วยบทเพลงที่โดดเด่นและน่าสนใจของพวกเขา อีกทั้งยังสบโอกาสที่ทางวงเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย วันนี้ Spacebar VIBE จึงมาพูดคุยกับพวกเขา และทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับการมาประเทศไทยครั้งแรก และพูดคุยกับพวกเขาให้ผ่อนคลายสบายใจ อีกทั้งยังอัพเดตเรื่องราวใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่ง นูกิ มือเบสของวงแอบบอกกับเราด้วยว่า นี่เป็นเรื่องราวที่เราจะได้รู้เป็นที่แรก เพราะทันที่ที่ลงจากเครื่องบิน พวกเขาก็เดินทางมาหาเราเลย
Q: ฟาเธียบอกเราว่าธีมของอัลบั้มใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกไปอย่าง Reality Club Presents... ถูกวางไว้ให้มีลักษณะเป็นภาพยนตร์ขนาดย่อม แต่ไม่ยอมบอกว่าเพราะอะไร
ไฟซ์: เราได้ไอเดียตอนเขียนเพลงครับ เรามารู้ตอนที่กำลังเขียนว่าเราต่างคนต่างได้พบเรื่องราวกันมาคนละแบบ แม้มันจะใกล้เคียงกันมากก็ตาม มุมมองต่อแต่ละเรื่องราวก็แตกต่างกันออกไปด้วย เราเลยอยากนำเรื่องราวเหล่านี้มาผูกรวมแล้วเล่าเป็นเหมือนซีนต่างๆ ของภาพยนตร์ เพราะจริงๆ พวกเราก็ชอบดูหนังกันอยู่แล้วด้วย
ฟาเธีย: จริงๆ ส่วนใหญ่ตอนเราเขียนเพลงกัน เราจะจินตนาการว่าอยากให้มันเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ของเรื่องอะไรสักเรื่อง เราเลยทำมิวสิกวิดีโอออกมาให้เหมือนภาพยนตร์ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวโรแมนติกเสียมาก
Q: อย่างนี้หมายความว่าทุกคนก็เป็นคนโรแมนติกด้วยหรือเปล่า
ทุกคน: ใช่ครับ สุดๆ เลยครับ (หัวเราะ)
ฟาเธีย: เอาจริงๆ พวกเราเป็นพวกสิ้นหวังกับเรื่องความรักมากค่ะ เพลงส่วนใหญ่เลยจะเป็นเพลงอกหักรักคุด หรือไม่ก็แอบรักข้างเดียว ยิ่งส่วนมากไฟซ์เป็นคนเขียนเพลงด้วย เขาก็จะเขียนมันออกมาจากเรื่องที่เขาเคยเจอ มันก็เลยยิ่งไปกันใหญ่
ไฟซ์: ใช่ครับ มันเป็นเรื่องราวของผมเอง เรื่องเศร้าๆ มันเป็นของผมคนเดียวเลย (มองค้อนฟาเธียอย่างขำขัน)
Q: ซึ่งพวกคุณใช้เวลาทำถึง 2 ปีเลยกว่าจะได้เป็นอัลบั้มออกมา
นูกิ: ใช่ครับ พวกเราใช้เวลาทำกันนานมากๆ เพราะฉะนั้นตอนทำเสร็จเลยรู้สึกโล่งมาก ตัวเบาหวิวเลยครับ (หัวเราะ) เพราะว่าในการทำเพลงครั้งนี้เรารู้สึกว่าสารตั้งต้น หรือเรื่องราวต่างๆ ที่เราหยิบมาเล่ามันดีมากๆ และดนตรีที่ทำออกมาก็ดีมากด้วยเช่นกัน เราเลยตั้งตารอกันสุดๆ ว่าแฟนๆ ที่ได้ฟังจะคิดอย่างไรกับเพลงของเรา
ฟาเธีย: อีกอย่างคือการทำงานของเพลงในอัลบั้มนี้กับอัลบั้มก่อนๆ ของเรามันต่างกันมาก แนวเพลงในอัลบั้มนี้ก็จะมีความป็อบมากขึ้น เนื้อเพลงก็โตขึ้นด้วย ในอัลบั้มนี้เราใส่ตัวตนและสิ่งที่พวกเราอยากทำเข้าไปแบบ 100% เลย เราเลยลุ้นกันมากว่าคนที่ได้ฟังจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่เราก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมากค่ะ มีแฟนเพลงเพิ่มขึ้นจากทั่วโลกเยอะมาก อายุของกลุ่มคนที่ฟังก็ขยายมากขึ้นด้วย ตอนนี้เรามีทั้งเด็ก 12-13 ไปจนถึงผู้ใหญ่อายุ 60 กว่าปีที่เป็นแฟนคลับเลย
อีรา: พอเห็นแบบนี้แล้ว รู้สึกชื่นใจมากๆ นะครับ เพราะตอนที่เราทำอัลบั้มกันนี่ถึงขั้นไปกลางเต้นท์นอนในสตูดิโอเลย กิน นอน ใช้ชีวิตวนกันอยู่ในนั้น เนื่องจากห้องอัดไกลจากบ้านพวกเรามาก ตอนนั้นเราเลยเหมือนเด็กๆ ที่ไปเข้าค่ายกันเลยครับ อ่อ! แต่ยกเว้นนูกินะครับ เขาถูกไล่ไปนอนข้างนอก เพราะกรนดังมาก (หัวเราะ)
Q: จากเพลงของพวกคุณ และศิลปินคนอื่นๆ ในอินโดนีเซีย ดูเหมือนว่า Bedroom Pop จะเป็นแนวดนตรีที่ได้รับความนิยมและส่งผลต่อการทำเพลงเป็นอย่างมาก
อีรา: ผมว่าผมรู้นะว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะคนอินโดนีเซียเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์กันมาก
ไฟซ์: ใช่ครับ ทุกคนเลยอยากจะแสดงออกและสร้างงานของตัวเอง ซึ่งเพลงแนวนี้มันเข้าถึงคนได้ง่ายมากด้วย ฟังง่าย ฟังตอนไหน เมื่อไรก็ได้
นูกิ: จริงครับ อีกอย่างผมว่าพอทุกคนอยากเริ่มทำเพลง อยากสร้างสรรค์ผลงานกันเอง พวกดนตรีหรือบีตฟรีแนวนี้มีเยอะมากที่สุดในอินเทอร์เน็ตครับ ผมว่านี่เลยน่าจะเป็นสาเหตุหลักๆ ที่มันมีอิทธิพล
ฟาเธีย: เพราะคนเข้าถึงง่ายทุกทาง ทั้งคนผลิตและคนฟัง
Q: อย่างนี้คนอินโดนีเซียน่าจะชอบดนตรีกันมากแน่เลย
ฟาเธีย: ชอบสุดๆ เลยค่ะ ไม่ใช่แค่ดนตรีนะ แต่งานกิจกรรมต่างๆ ที่จัดก็มักจะเต็มไปด้วยคนตลอดเลย แล้วคนอินโดนีเซียไม่ได้ออกไปทำกิจกรรม ไปปาร์ตี้สังสรรค์กันแค่วันศุกร์หรือสุดสัปดาห์นะคะ เราออกกันทั้งอาทิตย์ (หัวเราะ)
Q: พวกคุณเคยเดินไปตามถนนแล้วได้ยินเพลงของตัวเองกันไหม
ไฟซ์: ผมเคยครับ เขินสุดๆ ผมเคยไปออกเดตแล้วร้านกาแฟดันเปิดเพลงของพวกเราขึ้นมาพอดี แล้วคนที่ผมไปเดทด้วยก็ถามผมว่า “นี่เพลงนายหรือเปล่า?” ผมก็แบบ “ใช่” แต่ก็ตอบออกไปแบบเขินๆ นะครับ มันกึ๋ยๆ อ่ะ
Q: มีเพลงแล้ว มีอัลบั้มแล้ว มีคอนเสิร์ตทัวร์เอเชียแล้ว เป้าหมายต่อไปคืออะไร
ฟาเธีย: อยากได้รางวัลค่ะ เราถูกเสนอชื่อมา 4 ครั้งแล้ว แต่ยังไม่เคยได้เลย (หัวเราะ) แต่เอาจริงๆ เราอยากขยายฐานแฟนให้กว้างมากกว่านี้ ได้มีโอกาสไปเล่นในประเทศต่างๆ มากกว่านี้ค่ะ
นูกิ: แล้วก็อยากลองแนวเพลงใหม่ๆ ด้วยครับ เราไม่เคยได้ทำเพลงที่เป็นป็อบจ๋าๆ เลยสักที ไม่แน่ในอนาคตก็อาจจะมีครับ
Q: ถ้าให้เลือก 1 เพลงสำหรับแฟนๆ ชาวไทย พวกคุณอยากเลือกเพลงอะไรให้พวกเรา
ทุกคน: เพลง 'Am I Bothering You?' เพราะเป็นเพลงที่สนุกและน่าจะทำให้ทุกคนอารมณ์ดีขึ้นได้ ถึงแม้เพลงจะถามว่า ‘ฉันรบกวนคุณหรือเปล่า?’ แต่ก็หวังว่าพวกเราจะไม่ได้รบกวนเวลาทุกคนมากจนเกินไปในการมาฟังเพลงของพวกเรา หวังว่าทุกคนจะรักและสัมผัสได้ถึงความจริงใจของพวกเรา Reality Club กันนะครับ /ค่ะ
