ในสังคมที่กว้างใหญ่ซึ่งประกอบด้วยคนหลากหลายประเภท ‘ทั้งผู้ที่ถูกอุ้มชู’ และ ‘ผู้ที่โดนทอดทิ้ง’ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ความยากจน ทำให้ผู้คนยากจนมากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แม้จะพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาสักเพียงใด ก็ทำได้แค่เพียงเงยหน้าขึ้นมาหายใจ ไม่มีสิทธิ์ที่จะหลุดออกมาจากบ่อโคลนความยากจนนั้นได้ ทำให้เราต้องมาตั้งคำถามกับตัวเองว่านี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบนโลกนี้หรือ หรือมันไม่ปกติกันแน่ . . .
SHOPLIFTERS (ครอบครัวที่ลัก) ภาพยนตร์สัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องจากทั่วทุกมุมโลก การันตีด้วยรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ในปี 2018 โดยผู้กำกับชาวญี่ปุ่นยอดฝีไม้ลายมือ ‘ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ (Hirokazu Koreeda)’ ด้วยหนังดีที่เขาเคยทำออกมาหลายต่อหลายเรื่อง อาทิ Air Doll (2009), Our Little Sister (2015), Like Father, Like Son (2013) พร้อมก้าวกระโดดไปอีกขั้นกับการกำกับภาพยนตร์ดราม่าเกาหลี ที่เพิ่งได้รับรางวัลปาล์มทองคำไปอีกครั้งในเทศกาลเมืองคานส์อย่าง Broker (2022) และสำหรับ Shoplifters (2018) ที่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ความดีงามและความทรงจำที่มีร่วมกับหนังเรื่องนี้ยังไม่เคยเลือนลางไปตามกาลเวลาเลย
SHOPLIFTERS (ครอบครัวที่ลัก) ภาพยนตร์สัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องจากทั่วทุกมุมโลก การันตีด้วยรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ในปี 2018 โดยผู้กำกับชาวญี่ปุ่นยอดฝีไม้ลายมือ ‘ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ (Hirokazu Koreeda)’ ด้วยหนังดีที่เขาเคยทำออกมาหลายต่อหลายเรื่อง อาทิ Air Doll (2009), Our Little Sister (2015), Like Father, Like Son (2013) พร้อมก้าวกระโดดไปอีกขั้นกับการกำกับภาพยนตร์ดราม่าเกาหลี ที่เพิ่งได้รับรางวัลปาล์มทองคำไปอีกครั้งในเทศกาลเมืองคานส์อย่าง Broker (2022) และสำหรับ Shoplifters (2018) ที่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ความดีงามและความทรงจำที่มีร่วมกับหนังเรื่องนี้ยังไม่เคยเลือนลางไปตามกาลเวลาเลย

‘SHOPLIFTERS’ เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย “คุณย่าฮัตสุเอะ” (คิริน กีกิ) ที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของทุกคนในบ้าน “โอซามุ” (ลิลี แฟรงกี้) พ่อผู้เป็นเสาหลักและยังรวมถึงหน้าที่ต้องคอยลักเล็กขโมยน้อยเพื่อนำสิ่งของมาใช้ภายในบ้าน โดยมีลูกชาย “โชตะ” (ไคริ จิโอ) ผู้ไม่ได้เรียนหนังสือ คอยเป็นมือขวาช่วยพ่อของเขาขโมยของ และยังมีคุณแม่ “โนบุโยะ” (ซากุระ อันโดะ) ที่ไม่ได้อยู่บ้านดูดายแต่ยังต้องออกไปรับจ้างเป็นสาวโรงงาน และน้าสาว “อากิ” (มายุ มัตสึโอกะ) สาววัยรุ่นที่ยังอายุไม่เยอะ เธอจึงต้องออกไปทำงานโดยใช้เรือนร่างความเยาว์วัย ตอบสนองตัณหาของผู้อื่นเพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้องตนเอง
ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ต้องดิ้นรน ด้วยสมาชิกในบ้านที่หลายคน และในสังคมไม่ได้มีโอกาสให้พวกเขาลืมตาอ้าปากสักเท่าไรนัก ถึงแม้จะอยู่ในประเทศญี่ปุ่นที่โอบล้อมไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่งพวกเขาได้มาเจอกับเด็กหญิงตัวเล็ก “ยูริ” (มิยู ซาซากิ) นั่งอยู่คนเดียวหน้าบ้านด้วยเหตุผลมาจากพ่อเลี้ยงและแม่ของเธอที่ชอบมีปากเสียงกัน และชอบทำร้ายยูริอีกด้วย
โอซามุ (พ่อ) และ โนบุยะ (แม่) จึงเกิดตัดสินใจพาสาวน้อยยูริกลับไปอยู่ที่บ้านด้วย และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวปลอมๆ แห่งนี้ ถ้าจะมองตามบริบทของกฎหมายก็คือการลักพาตัวนั่นเอง แต่ก็ทำให้เราต้องมาย้อนตั้งคำถามกับตัวเองว่าการปล่อยให้เด็กอยู่ในครอบครัวที่ทำร้ายเธอนั้นใช่เรื่องถูกศิลธรรมจริงๆ หรือ? การนิ่งดูดายปัดเป่าความช่วยเหลือของผู้ที่ต้องการมันถูกแล้วจริงๆ ใช่ไหม? ความดีงามกับความถูกต้องนั้นสวนทางกัน เป็นสิ่งที่ถูกย้ำเตือนให้คิดอยู่ตลอดเวลาในขณะดูหนังเรื่องนี้
ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ต้องดิ้นรน ด้วยสมาชิกในบ้านที่หลายคน และในสังคมไม่ได้มีโอกาสให้พวกเขาลืมตาอ้าปากสักเท่าไรนัก ถึงแม้จะอยู่ในประเทศญี่ปุ่นที่โอบล้อมไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่งพวกเขาได้มาเจอกับเด็กหญิงตัวเล็ก “ยูริ” (มิยู ซาซากิ) นั่งอยู่คนเดียวหน้าบ้านด้วยเหตุผลมาจากพ่อเลี้ยงและแม่ของเธอที่ชอบมีปากเสียงกัน และชอบทำร้ายยูริอีกด้วย
โอซามุ (พ่อ) และ โนบุยะ (แม่) จึงเกิดตัดสินใจพาสาวน้อยยูริกลับไปอยู่ที่บ้านด้วย และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวปลอมๆ แห่งนี้ ถ้าจะมองตามบริบทของกฎหมายก็คือการลักพาตัวนั่นเอง แต่ก็ทำให้เราต้องมาย้อนตั้งคำถามกับตัวเองว่าการปล่อยให้เด็กอยู่ในครอบครัวที่ทำร้ายเธอนั้นใช่เรื่องถูกศิลธรรมจริงๆ หรือ? การนิ่งดูดายปัดเป่าความช่วยเหลือของผู้ที่ต้องการมันถูกแล้วจริงๆ ใช่ไหม? ความดีงามกับความถูกต้องนั้นสวนทางกัน เป็นสิ่งที่ถูกย้ำเตือนให้คิดอยู่ตลอดเวลาในขณะดูหนังเรื่องนี้

เรื่องราวของภาพยนตร์ดำเนินเรื่องไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ ให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ภาพที่ถูกจัดวางเป็นอย่างดี เสียงดนตรี และแอมเบียนท์ย่านโตเกียวมีทั้งสงบและวุ่นวาย ทำให้เรารู้สึกร่วมไปด้วยกับตัวละคร แต่เมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ก็ยังทำเรารู้สึกช็อกได้อย่างแนบเนียนไม่ตะขิดตะขวงใจเลย ต้องยอมรับว่าผู้เขียนเองนั้น เสียน้ำตา จุกอก และได้รับการปลอบประโลม ไปพร้อมๆ กับตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตลอดเวลา
และเพื่อไม่ให้เป็นการสปอยล์ไปมากกว่านี้เราอยากชวนทุกท่านไปรับชมภาพยนตร์เรื่อง ‘SHOPLIFTERS’ ซึ่งมีฉายอยู่ตอนนี้ในช่องทาง NETFLIX พร้อมอยากชวนทุกท่านมาตั้งคำถามว่า “ครอบครัวของสำหรับเราคืออะไร?” ไปด้วยกัน!
คุณย่าฮัตสุเอะ
“คนเราเลือกพ่อแม่ไม่ได้หรอกนะ”
คุณแม่โนบุโยะ
“แต่ถ้าเลือกเองได้ มันก็จะเหนียวแน่นขึ้น ใช่ไหมคะ”
คุณย่าฮัตสุเอะ
“อะไรที่เหนียวแน่น?”
คุณแม่โนบุโยะ
“ก็... สายใยไง สายใย”
คุณย่าฮัตสุเอะ
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ย่าก็เลือกเธอเหมือนกันนะ”
และเพื่อไม่ให้เป็นการสปอยล์ไปมากกว่านี้เราอยากชวนทุกท่านไปรับชมภาพยนตร์เรื่อง ‘SHOPLIFTERS’ ซึ่งมีฉายอยู่ตอนนี้ในช่องทาง NETFLIX พร้อมอยากชวนทุกท่านมาตั้งคำถามว่า “ครอบครัวของสำหรับเราคืออะไร?” ไปด้วยกัน!