ในโลกของคนดังโดยเฉพาะในวงการบันเทิงเกาหลีเรามักได้ยินคำว่า ‘ซาแซง (Sasaeng) และ ‘สตอล์กเกอร์’ (Stalker) อยู่บ่อยครั้ง ทั้งสองคำนี้มักถูกใช้ในบริบทของการคุกคามความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่แท้จริงแล้วคำสองคำนี้มีความหมายและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป
ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาในวงการเพลงไทยได้เกิดประเด็นที่พาให้ทุกคนไม่ได้หลับไม่ได้นอนกับข่าวของ แสตมป์ อภิวัชร์ ในเรื่องราวที่เดิมทีบอกเล่าว่ามีแฟนคลับสาวมาคอยคุกคามโดยตัวของนักร้องดังให้คำจำกัดความเธอว่า ‘ซาแซง’ จนตนเองและภรรยารู้สึกไม่ปลอดภัย แต่สุดท้ายเรื่องราวกลับพลิกผันเมื่อนักร้องหนุ่มออกมายอมรับว่าตนพูดไม่หมดและซาแซงสาวนั้นคือชู้รักของตัวเอง
วันนี้เราขอพาไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างคำว่า “ซาแซง” และ “สตอล์กเกอร์” ว่าแท้จริงแล้วมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ซาแซง (Sasaeng)
คำว่า ‘ซาแซง’ มาจากภาษาเกาหลี มีรากศัพท์จากคำว่า ‘ซา’ (사) ที่แปลว่า ‘ส่วนตัว’ และ ‘แซง’ (생) ที่แปลว่า ‘ชีวิต’ เมื่อนำคำสองคำมารวมกันแล้วหมายถึง ‘ชีวิตส่วนตัว’ ในวงการบันเทิงเกาหลีจึงให้คำจำกัดความของ ‘ซาแซง’ ว่าหมายถึงแฟนคลับที่หลงใหลในตัวศิลปินอย่างมากจนถึงขั้นล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของศิลปิน
ลักษณะของซาแซง
- สืบค้นชีวิตส่วนตัว มักจะสืบหาข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ตารางงาน หรือแม้แต่ข้อมูลครอบครัวของศิลปิน
- ติดตามไปทุกที่ เมื่อรู้ตารางงานแล้วซาแซงจะติดตามศิลปินไปทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ทำงาน สนามบิน หรือสถานที่ส่วนตัว
- มากกว่าความรักคือการอยากรู้ทุกการเคลื่อนไหว เช่น แอบติดตั้งกล้องวงจรปิดในโรงแรมที่ศิลปินพัก ซื้อข้อมูลเที่ยวบิน หรือแอบบุกรุกบ้าน
- ความคลั่งรักเกินขอบเขต พฤติกรรมของซาแซงส่วนใหญ่เกิดจากความรักหรือความคลั่งไคล้ที่เกินขอบเขต โดยเชื่อว่าการเข้าใกล้ศิลปินในลักษณะนี้จะทำให้ตนเองมีความสัมพันธ์กับศิลปินมากขึ้นหรือทำให้ศิลปินจำตนได้
สตอล์กเกอร์ (Stalker)
คำว่า ‘สตอล์กเกอร์’ มาจากภาษาอังกฤษ มีความหมายว่า ‘ผู้ติดตามหรือสะกดรอย’ ในความหมายทั่วไปสตอล์กเกอร์คือผู้ที่เฝ้าติดตามบุคคลอื่นโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม หรือกระทำการที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย
ลักษณะของสตอล์กเกอร์
- สะกดรอยตามแบบผิดกฎหมาย มักสะกดรอยตามเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นคนดังหรือคนทั่วไปโดยไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ถูกติดตาม
- ข่มขู่และก่อกวน สตอล์กเกอร์มักแสดงตนให้รู้ว่ามีอยู่แต่ไม่ปรากฏตัวให้เห็น เช่น ส่งข้อความข่มขู่ โทรศัพท์คุกคาม หรือปรากฏตัวในสถานที่ที่เป้าหมายอยู่เพื่อสร้างความหวั่นกลัว
- มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ในบางครั้งสตอล์กเกอร์อาจลงมือทำร้ายร่างกายหรือทรัพย์สินของเป้าหมาย
- แรงจูงใจ มาจากความหลงใหลส่วนตัว ความรักที่ไม่สมหวัง หรือความตั้งใจที่จะควบคุมเป้าหมาย
จากที่กล่าวมาข้างต้น ซาแซงและสตอล์กเกอร์มีบางสิ่งที่คล้ายกันในขณะเดียวกันก็มีความแตกต่าง เมื่อลองเปรียบเทียบกันแล้วพบว่า
แรงจูงใจ
- ซาแซง: ส่วนใหญ่เกิดจากความคลั่งไคล้ในศิลปินหรือคนดัง
- สตอล์กเกอร์: อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความรัก ความโกรธ หรือความต้องการควบคุม
เป้าหมาย
- ซาแซง: มุ่งเป้าไปที่คนดังโดยเฉพาะ เช่น ไอดอล นักแสดง
- สตอล์กเกอร์: เป้าหมายอาจเป็นใครก็ได้ ไม่จำกัดเฉพาะคนดัง
ระดับความรุนแรง
- ซาแซง: แม้ว่าจะล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวแต่บางกรณีอาจไม่ได้ตั้งใจทำให้ศิลปินหวาดกลัว
- สตอล์กเกอร์: มักมีพฤติกรรมที่ทำให้เป้าหมายรู้สึกไม่ปลอดภัย และอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง
แม้ว่าทั้งซาแซงและสตอล์กเกอร์จะมีพฤติกรรมที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวเหมือนกันแต่กลับมีแรงจูงใจและเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามพฤติกรรมทั้งสองลักษณะล้วนแล้วแต่สร้างความอันตรายต่อบุคคลอื่นและสมควรได้รับการจัดการอย่างจริงจัง ไม่ว่าศิลปิน คนดัง หรือใครก็ตาม ไม่มีใครสมควรได้รับความหวั่นกลัวจากการถูกติดตามอันคุกคามและการใช้ความรุนแรงที่เกิดจากความรักอันเกินขอบเขต
หากใครที่อ่านแล้วรู้สึกว่าตนเองเข้าข่ายการเป็นซาแซงหรือสตอล์กเกอร์โดยไม่รู้ตัว ลองปรับจูนความคิดและพฤติกรรมของตัวเองสักนิด ก่อนที่มันจะสายเกินกว่าจะแก้ไขได้ เพราะหากผู้ที่ถูกคุกคามรู้สึกไม่ปลอดภัยและรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีสุดท้ายจะแก้ไขอะไรไม่ได้และจะกลายเป็นผู้มีคดีติดตัวในที่สุด