[Space Song] The Greng Jai Piece อัลบั้มชุดสองกับกลิ่นอายไทยๆ ของ ภูมิ วิภูริศ

2 ก.พ. 2566 - 03:08

  • ชวนฟังเพลงจากอัลบั้ม The Greng Jai Piece อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 จาก ภูมิ วิภูริศ ศิลปินอินดี้ไทยโกอินเตอร์เจ้าของเพลง ‘Lover Boy’ ที่หยิบยืมเครื่องดนตรีไทยมาผสมผสานอย่างกลมกล่อม

space_song_the_grengjai_piece_album_SPACEBAR_Thumbnail_347c761e08.jpeg
หลังจากรอมานานกว่า 6 เดือน นับตั้งแต่เพลง ‘Healing House’ ที่เราได้ชื่นชมกับหลอดนีออนกับซีนภาพที่สวยงามจับใจ ถึงเวลาแล้วที่เราได้ฟังเพลงจากอัลบั้ม “The Greng Jai Piece” กันอย่างเต็มมัดเต็มหน่วยด้วยจำนวนเพลงทั้งหมด 8 เพลง จากศิลปิน ภูมิ วิภูริศ (Phum Viphurit) ที่หลายคนคุ้นเคยกันดีจากเพลง ‘Lover Boy’ 
 
ภูมิยังคงความเป็นตัวเองทั้งในเรื่องของเมโลดี้ และสไตล์การร้อง แต่ความพิเศษนอกเหนือจากนั้นของอัลบั้ม The Grengjai Piece ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 คือเขาได้นำความเป็นไทยมาปรับใช้กับดนตรีของเขา ถ้าใครเปิดฟังกันตอนนี้จะได้ยินเสียงฉิ่ง เสียงกลองโทน และแซมเปิลที่มีสเน่ห์ที่น่าสนใจ
 
space_song_the_grengjai_piece_album_SPACEBAR_Photo01_930e9eaef5.jpeg
Phum Viphurit /Instagram
ก่อนที่อัลบั้มจะปล่อยให้ฟังกันบนแพลตฟอร์มต่างๆ Rats Records ได้หย่อนมิวสิกวิดีโอเพลง ‘Welcome Change’ บทเพลงว่าด้วยการโอบอ้อมกอดความเปลี่ยนแปลงและความสัมพันธ์ ให้ชมกันบน Youtube เมื่อเดือนธันวาคม 2022 ภูมิเล่าว่าเพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพถ่ายของพ่อแม่ในช่วงปี 1980s สมัยที่พวกเขายังอยู่ด้วยกันในชั้นมัธยมปลาย อย่างไรก็ตาม ภูมิเติบโตจากเลี้ยงดูของแม่ในฐานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เพลงนี้ถือเป็นบทกวีสรรเสริญให้กับความรักที่ทำให้เขาได้ถือกำเนิดขึ้นมา 
 
ภูมิยังเผยภาพปกอัลบั้มใหม่ให้กับแฟนเพลงทุกคนเมื่อเดือนกันยานยน 2022 บนปกอัลบั้มเป็นตัวสลอธใบหน้าสสุดพริ้มกับกีตาร์สีฟ้าคู่ใจนั่งท่ามกลางผู้คนที่จอแจในบริเวณวัดที่โดยรวมดูเผินๆ แล้วคล้ายกับงานวัด ซึ่งถือว่าเป็นการนำเสนอวัฒนธรรมไทยได้อย่างน่าสนใจ ภาพปกอัลบั้มนี้สร้างสรรค์ขึ้นโดย Sarawut Panhnu ด้วยองค์ประกอบภาพลายไทยแสนละเมียด
space_song_the_grengjai_piece_album_SPACEBAR_Photo02_590ad3440c.jpeg
Phum Viphurit /Instagram
สิ่งที่น่าพูดถึงเกี่ยวกับอัลบั้ม The Greng Jai Piece คือการทดลองใช้เครื่องดนตรีไทยภายในเพลงภาษาอังกฤษ ที่ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับตัวศิลปินอยู่พอสมควร เราอาจได้ยินเสียงฉิ่งที่เด่นชัดในดนตรีฉากหลังของเพลง ‘Temple Fair’ คลอไปกับเสียงกีตาร์และเสียงเคาะจังหวะจากกลองโทนที่นิ่มนวล เป็นการเจอกันระหว่างเพลงแนวอินดี้และเครื่องดนตรีไทยที่มีความลงตัวอย่างน่ามหัศจรรย์ อีกทั้งยังได้แรงบันดาลใจมู้ดอารมณ์มาจาก มนต์รักทรานซิสเตอร์ ผลงานชิ้นเอกของ เป็นเอก รัตนเรือง 
 
เพลง Temple Fair จัดลิสต์ไว้เป็นเพลงแรกของอัลบั้ม ซึ่งถัดต่อมานั้นเป็นเพลงที่จะพาทุกคนโยกหัวไปกรูฟจากเครื่องดนตรีที่หลากหลาย โดยเพลงนี้มีชื่อว่า ‘Lady Papaya’ เพลงที่ภูมิรับแรงบันดาลใจมาจากเพลงไทยเก่า จนเขาถึงกับนำท่อนเพลงไปทำเป็นแซมเปิล แม้ว่าเพลงจะมีความยาวไม่กี่นาที แต่ก็นับว่าเป็นเพลงบรรเลงแนวทดลองที่น่าสนใจไม่แพ้กับเพลงอื่นๆ 
 
อีกหนึ่งเพลงที่น่าพูดถึงในอัลบั้มนี้คือ ‘Greng Jai Please’ กับเนื้อเพลงที่สะท้อนความเป็นตัวภูมิออกมาคือการเป็นคน ‘ขี้เกรงใจ’ เป็นความรู้สึกสองขั้วที่ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่คิดได้อย่างตรงๆ เพราะคำนึงถึงความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามที่อาจเป็นผู้มีอาวุโส หรือตำแหน่งสูงกว่า คำว่า ‘เกรงใจ’ ไม่มีในภาษาอังกฤษ และยังเป็นนิสัยที่สะท้อนความเป็นคนไทยได้อีกด้วย
space_song_the_grengjai_piece_album_SPACEBAR_Photo03_18a62b80f2.jpeg
Phum Viphurit /Instagram
นอกจากเพลงที่กล่าวมาทั้งหมด ยังมีเพลง ‘Tail End’ โปรเจกต์ที่ภูมิและ ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ ร่วมงานกันเป็นครั้งแรก และเพลง ‘Kiko’s Letter’ การร่วมงานกับ ยูยะ หรือ STUTS ศิลปินชาวญี่ปุ่น เนื้อหาที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของกิโกะ ผู้โหยหาซึ่งความรักแต่มิเคยได้รับการเติมเต็ม 
 
The Greng Jai Piece เป็นอัลบั้มชุดที่ 2 จาก ภูมิ วิภูริศ ที่เต็มไปด้วยห้วงความรู้สึก และถูกเอื้อนเอ่ยผ่านเนื้อเพลงที่ประกอบด้วยถ้อยคำที่สละสลวยและสวยงามในแบบที่หลายคนคงคุ้นเคยกับภาษาเพลงของเขาจากบทเพลงอื่นๆ ก่อนหน้า  
 
สามารถฟังอัลบั้มเพลง The Greng Jai Piece ได้แล้ววันนี้บนสตรีมมิงทุกแพลตฟอร์ม
 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์