ข่าวร้อนแรงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นข่าวของ ‘แสตมป์ อภิวัชร์’ ที่ก่อนหน้านี้ได้มีคลิปจากงานคอนเสิร์ตของเขาเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ที่ได้พูดถึงกรณีที่หายจากวงการไปเป็นเวลานานถึงสองปี โดยเนื้อหาภายในคลิปที่แสตมป์ออกมาพูดต้องการจะสื่อว่าทั้งตัวเขาเองและภรรยาถูกคุกคามจาก ‘ซาแซง’ มาเป็นเวลากว่าสิบปี ทั้งโดนข่มขู่ คุกคามและได้บอกว่าทั้งตัวเขาและภรรยาไม่รู้จักกับซาแซงคนนี้เป็นการส่วนตัว
แสตมป์ อภิวัชร์ ได้บอกอีกว่าแฟนหนุ่มของซาแซงทำงานอยู่ในวงดนตรีวงหนึ่ง เขาได้พูดถึงไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่ปี 2565 ว่ามักจะมีการสร้างสถานการณ์ก่อกวนสร้างความรำคาญใจให้กับเขาและภรรยาทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย จนเขาต้องหลีกเลี่ยงโดยการไม่รับงานร่วมกับวงดนตรีวงนั้น แต่ก็มีงานหนึ่งที่้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 แสตมป์ อภิวัชร์์ อ้างว่ามีคนมาดูต้นทางที่หน้าห้องพักศิลปินและมีการถ่ายคลิปเพื่อนำไปบอกกับคนอื่นๆ ในวงการเพลงว่าภรรยาของเขาคุกคามคู่กรณีก่อน หลังจากเหตุการณ์นี้คู่กรณีทั้งสองคนก็ลาออกจากวงไป
หลังจากที่คู่กรณีของแสตมป์ย้ายออกมาจากวงเก่าและมาเริ่มต้นทำงานกับวงดนตรีวงใหม่ทางแสตมป์ก็ใช้วิธีเดิมคือการหลีกเลี่ยงการร่วมงาน จนกระทั่งในวันที่ 21 ตุลาคม 2566 ในงานดนตรีอีกงานหนึ่งก็ยังเจอคู่กรณีทั้งสองคนทำพฤติกรรมเช่นเดิม และวันที่ 28 ตุลาคม 2566 คู่กรณีได้ไปดักรอผู้บริหารค่ายเพลงใหญ่ค่ายหนึ่งเพื่อไปบอกเล่าเหตุการณ์ว่าถูกคุกคามโดยภรรยาของแสตมป์ ทำให้ผู้บริหารท่านนั้นได้ติดต่อมาทางแสตมป์ อภิวัชร์ เพื่อรับฟังเรื่องราวจากอีกทางหนึ่ง ทางผู้บริหารรู้สึกว่าทางแสตมป์และภรรยากำลังตกที่นั่งลำบากจึงไปขึ้นศาลเพื่อเป็นพยานให้
เหตุการณ์ในชั้นศาลปี 2567 พ่อของคู่กรณีซึ่งเป็นทหารชั้นพลเอกในจังหวัดพิษณุโลกได้ขึ้นศาลแทนลูกสาวของเขา โดยได้ข่มขู่ถึงเรื่องยศพลทหารของเขา และข่มขู่ให้ถอนฟ้องลูกสาว หากไม่ถอนฟ้องจะยัดคดีทางการเมืองให้กับแสตมป์ อภิวัชร์ นอกจากนี้พ่อของคู่กรณียังบุกไปที่บ้านของแม่เขาเพื่อคุกคามอีกด้วย และเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ นิว ภรรยาของแสตมป์ถูกแฮกบัญชีอินสตาแกรมและนำบัญชีของเธอไปบล็อกบัญชีของคนอื่นๆ เป็นจำนวนหลายบัญชี จนกระทั่งวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ภรรยาของเขาชนะคดีด้วยการรับสารภาพของคู่กรณีที่ยอมจำนนด้วยหลักฐานและกล่าวขอโทษทางฝ่ายของแสตมป์ จากการฟ้องร้องมีการเรียกเงินค่าเสียหายสิบล้านบาทแต่ทางคู่กรณีบอกว่าจ่ายไม่ไหวจึงได้เรียกเงินค่าเสียหายเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาทแทน
จากคลิปวิดีโอดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และล่าแม่มดเพื่อตามหาตัว ‘ซาแซง’ ดังกล่าวว่าคือใคร และเกิดการแขวนรูปของ ‘แจม’ โดยภาพดังกล่าวคือภาพในงานหมั้นของเธอที่ได้ถ่ายรูปกับเจ้าบ่าว โดยปรากฏภาพเจ้าบ่าวถือหน้ากากรูปของแสตมป์ อภิวัชร์ ทำให้ชาวเน็ตพุ่งเป้าไปที่แจม และสืบเสาะไปได้อีกว่าแจมเลิกรากับเจ้าบ่าวในภาพนานแล้ว และตอนนี้กำลังคบหากับ ‘แก๊ป’ ซึ่งเป็น Sound Engineer ของวง Tilly Birds
หลังจากคลิปเป็นไวรัลทางฝั่งของ Tilly Birds ได้ออกมาเคลื่อนไหวว่าทางวงไม่ได้นิ่งนอนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ข้อมูลที่ได้รับจากทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ตรงกัน และแฟนของแจมเป็น Sound Engineer ของวงจริง เหตุผลที่ไม่ออกมาพูดให้เร็วกว่านี้เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว รวมถึงเรื่องของคดีที่ตอนนี้ยังไม่ถึงที่สิ้นสุด และคดีที่ฟ้องร้องกันอยู่นั้นที่รับข้อมูลมาไม่ใช่คดีคุกคามแต่เป็นคดีชู้สาว
ต่อมา ‘แก๊ป’ ได้ออกมาอธิบายว่าเรื่องที่แสตมป์ออกมาพูดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้เป็นฝ่ายของแสตมป์ต่างหากที่ติดต่อมาหาแฟนของเขาเอง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังเวทีที่ทางแสตมป์อ้างว่าถูกคุกคามความจริงแล้วเขาโดนกระทำก่อนและยอมรับว่าถ่ายคลิปวิดีโอจริงเพื่อเป็นการป้องกันตัวเนื่องจากทางภรรยาของแสตมป์ได้ตะโกนด่าเขาด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทางตัวศิลปินก็เดินเข้ามาหาเรื่องและผลักอกของเขาอย่างรุนแรงอีกด้วย ในส่วนของคดีความปัจจุบันยุติไปแล้ว และยืนยันว่าในการฟ้องร้องไม่ใช่เรื่องการคุกคามแต่เป็นเรื่องชู้สาว สาเหตุที่แฟนสาวไม่ออกมาพูดหรืออธิบายเนื่องจากสภาพจิตใจย่ำแย่ตนจึงขอออกมาพูดแทน
ในวันที่ 19 มกราคม 2568 เพจ Facebook ‘โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้’ ได้ออกมาอ้างว่าตนเองเป็นเพื่อนกับแสตมป์ อภิวัชร์ และเป็นหนึ่งในพยานของคดีการฟ้องร้อง โดยการที่เขาออกมาพูดหรืออธิบายในครั้งนี้เนื่องจากเขารู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่แสตมป์ได้พูดไว้ในคอนเสิร์ต เพราะการพูดอธิบายนั้นไม่ใช่ทั้งหมดของเรื่องจริงและทำให้เกิดความวุ่นวายทั้งต่อสังคมและศิลปินวงอื่นๆ ที่มีสาเหตุมาจากคน 4 คน โดยเนื้อหาในโพสต์แรกคือแชทที่แสตมป์ได้ทักหาเขาในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 โดยสารภาพผิดว่าเขาโกหกว่าภรรยาไม่เคยให้เงินเขาเลย แต่จริงๆ แล้วเขานำเงินที่ได้จากภรรยาไปเลี้ยงแจม โพสต์ที่สองมีเนื้อหาเป็นแชทที่คุยกันในช่วงปี 2566 เป็นช่วงที่แสตมป์และภรรยาอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยเนื้อหาในแชทเป็นการอธิบายว่าตนเองอึดอัดและโดนภรรยายึดโทรศัพท์ไปเพื่อไม่ให้เล่นโซเชียล รู้สึกอยากหย่ากับภรรยามากๆ ที่ทำแบบนี้กับเขา นอกจากนี้ยังมีประโยคที่ฝากบอกถึงแจมอีกด้วยว่าคิดถึง เป็นห่วง และอยากเจอแจมแต่ไม่สามารถติดต่อกับแจมได้
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแสตมป์ อภิวัชร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่เกิดขึ้นใจความว่า เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอโทษที่ไม่ได้ออกมาพูดครบทุกประเด็นทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง และยอมรับว่าสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมดที่ทำให้หลายคนเดือดร้อนอยู่นั้นเกิดจากการนอกใจภรรยาของตัวเขาเอง และได้กล่าวขอโทษถึงวง Tilly Birds, โอม Cocktail และศิลปินคนอื่น ๆ ที่พลอยติดร่างแหจากการเล่าเรื่องดังกล่าวของตน ยอมรับผิดว่าเคยมีความสัมพันธ์กับแจมจริง และขอโทษในสิ่งที่่เกิดขึ้น แต่ยังขอยืนยันว่าเรื่องการคุกคามและข่มขู่ด้วยคดีทางการเมืองนั้นเคยเกิดขึ้นจริง และสาเหตุที่ถอนฟ้องคดี 3 คดีเนื่องจากถูกข่มขู่ด้วย ม.112 ซึ่งมีวัตถุพยานเป็นแชท ส่วนกรณีของภรรยาที่ฟ้องเรื่องมือที่สามก็จบลงด้วยการรับค่าชดเชยเป็นจำนวนเงินหนึ่งล้านบาท
เรื่อง: อารียา อรรคสุข