สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับฯ ชื่อดัง เผยว่าเขาเคยคิดที่จะสร้างภาคต่อของ E.T. the Extra-Terrestrial โดยให้เรื่องราวเกิดขึ้นในอวกาศและทางสตูดิโอก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไม่เดินหน้าต่อเพราะรู้สึกว่าไม่เหมาะสมกับภาพยนตร์ต้นฉบับที่เป็นตำนาน
สตีเวน สปีลเบิร์ก กล่าวว่า “ผมเคยคิดเล่นๆ อยู่สักพักเผื่อจะคิดเรื่องราวออก แต่สุดท้ายสิ่งเดียวที่ผมคิดได้ก็คือหนังสือของ วิลเลียม คอตซ์วิงเคิล เรื่อง The Green Planet ที่เล่าถึงดาวบ้านเกิดของ E.T. พวกเราจะได้เห็นว่าเขาอาศัยอยู่อย่างไร แต่สุดท้ายแล้วผมคิดว่ามันเหมาะเป็นนิยายมากกว่าการเป็นภาพยนตร์”
หนังสือ The Book of the Green Planet วางจำหน่ายในปี 1985 เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจาก E.T. กลับไปยังดาวบ้านเกิดแต่พบว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปจากที่เขาเคยรู้จัก ในขณะเดียวกันเขายังคงแอบเฝ้ามอง ‘เอลเลียต’ เพื่อนมนุษย์ของเขาที่กำลังเติบโตขึ้นจากระยะไกล
สปีลเบิร์ก เคยกล่าวถึง E.T. ว่าได้รับแรงบันดาลใจจากการหย่าร้างของพ่อแม่เขาในปี 1966 ซึ่งเป็นปีที่เขามีอายุ 20 “การหย่าร้างทำให้เราเกิดความรับผิดชอบโดยเฉพาะถ้าคุณมีพี่มีน้อง เราทุกคนต้องดูแลกันและกัน แล้วถ้าเกิดว่าเอลเลียตหรือเด็กคนนั้นที่ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อจำเป็นต้องรับผิดชอบสิ่งมีชีวิตบางอย่างเพื่อเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของเขาล่ะ?”
แม้ว่า E.T. จะออกฉายมากว่า 40 ปีแล้วแต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้รับความรักและความนิยมสูงสุดของสปีลเบิร์ก โดยคว้า 4 รางวัลออสการ์ แถมทำรายได้ทั่วโลกเกือบ 800 ล้านดอลลาร์ และเคยเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลจนกระทั่ง Jurassic Park โค่นสถิติในปี 1993
E.T. the Extra-Terrestrial ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ไซไฟสำหรับเด็ก หากแต่เป็นเรื่องราวของมิตรภาพ การเติบโต และการเยียวยาหัวใจที่โดดเดี่ยว การที่สปีลเบิร์กปฏิเสธที่จะทำภาคต่ออาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ E.T. เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบและยังคงอยู่ในใจผู้ชมตลอดกาล
เรื่อง: อารียา ธีรการุณวงศ์