เชื่อว่า ผู้ชายทุกคนมักจะได้รับคำสอนที่ว่า “อย่าไปชิงสุกก่อนหามใครนะ” และผู้หญิงทุกคนมักจะได้รับคำสอนที่ว่า “ให้รักนวลสงวนตัว อย่าให้พรหมจรรย์ที่มีขาดก่อนแต่งงาน” เป็นคำสอนที่กรอกหูมาตั้งแต่เด็ก ยันปัจจุบันจากเหล่าผู้ใหญ่ที่ยังคงสานต่อคำสอนที่มีมานมนาน
แต่ในยุคปัจจุบันกลับมีความเห็นที่แตกต่างในเรื่องการ ‘อยู่ก่อนแต่ง’ และ ‘แต่งก่อนอยู่’ และมักจะเกิดเป็นบทสนทนาพาที ที่สามารถหยิบยกขึ้นมาเป็นเรื่องราวให้โต้วาทีกันได้ผ่านเหตุผลนานัปการ
ก่อนที่จะมาพูดถึงเรื่องการ ‘อยู่ก่อนแต่ง’ และ ‘แต่งก่อนอยู่’ เรามาพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับวัฒนธรรมการเลี้ยงดูบุตรหลานของแต่ละบ้านกันก่อน วัฒนธรรม ประเพณี และคำสอนของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน บางบ้านก็ปล่อยให้บุตรหลานได้ใช้ชีวิตได้ตามต้องการเพียงแค่อยู่ในสายตา แต่บางบ้านก็มีการขีดกรอบจำกัดให้บุตรหลานเพื่อป้องกันสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นและไม่ควรเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้ ก็เพราะความรัก และความห่วงใยที่มีให้บุตรหลาน แต่แค่การแสดงออกที่ต่างกัน
ในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีมากขึ้น การสื่อสารรวมไปถึงข่าวสารต่างๆ มีมากขึ้น ข่าวซุบซิบคนดังมีให้เห็นมากขึ้น ที่ไม่ได้ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์แบบสมัยก่อน แต่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ จึงกลายมาเป็นประเด็นถกเถียงที่มีข่าวซุบซิบของคนดังมาเป็นท็อปปิคหลัก ไม่ว่าจะเป็นคนนั้นแต่งงานกับคนนั้นได้ไม่นานก็หย่าร้าง หรือคนนั้นอยู่กินกับคนนั้นมาเป็นสิบปีเพิ่งจะได้มีโอกาสจัดงานวิวาห์อย่างเป็นทางการ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเหมือนดั่งแง่คิดให้คนรุ่นใหม่ได้คำนึงถึงเรื่องการ ‘อยู่ก่อนแต่ง’ และ ‘แต่งก่อนอยู่’
ในปี 2023 นี้ ยังคงมีประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับการอยู่ก่อนแต่งของคนในสมัยใหม่ ที่ในสายตาของผู้ใหญ่หลายๆ คนอาจจะมองว่า ดูไวไฟ และไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิงเลย ดูไม่เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่คนในรุ่นก่อนได้วางไว้ ในขณะที่การแต่งก่อนอยู่นั้น คนในสมัยใหม่มองว่า มันเป็นเหมือนการแบกรับความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ที่บางคนรับมือได้ แต่บางคนกลับไม่ใช่แบบนั้น ด้วยความที่เรื่องของครอบครัว เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
สำหรับข้อดีของการแต่งก่อนอยู่ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติครอบครัวฝ่ายหญิง และตัวของฝ่ายหญิงเอง รวมไปถึงความโรแมนติกเล็กๆ กับการไปมาหาสู่กันระหว่างสองครอบครัว โดยที่ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวล และเสื่อมเสียเกียรติ
อย่างไรก็ตามการอยู่ก่อนแต่งก็มีข้อดีอีกมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าใจในลักษณะนิสัยของกันและกัน เพราะบางคนในช่วงเวลาส่วนตัวเราอาจจะไม่ได้มองเห็นในมุมนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องให้ตัดสินใจได้ว่า จะลงเอยชีวิตคู่กับคนๆ นี้หรือไม่
จากที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า การจะอยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของคนสองคนและครอบครัวของทั้งสองฝ่ายด้วย เพราะการแต่งงาน ถ้ากล่าวกันตามตรงแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนหรอก แต่มันเป็นเรื่องของครอบครัวสองครอบครัวเสียมากกว่า ชั่งน้ำหนักความพร้อมของตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มทำอะไรลงไป เพราะสุดท้ายการแต่งงานกับใครสักคนก็คงไม่มีใครอยากแต่งงานกับคนต่อๆ ไปหลายๆ รอบหรอกนะ
