ชนะในเกมที่ควรชนะ เสมอในเกมที่ควรเสมอ และไม่พลาดในเกมที่ไม่ควรพลาด

22 มกราคม 2567 - 03:48

Thailand-in-Asian-cup-2023-group-stage-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ผ่านพ้นไปแล้วสองนัดสำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย หรือ เอเชียนคัพ 2023

  • ทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย เพิ่งยันเสมอ ทีมชาติโอมาน 0-0 เก็บเพิ่มอีก 1 คะแนน มีโอกาสเข้ารอบต่อไปค่อนข้างสูง

ผ่านพ้นไปแล้วสองนัดสำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย หรือ เอเชียนคัพ 2023 ที่ประเทศกาตาร์ มาถึงตอนนี้ทีมที่เข้ารอบแล้วแน่ๆ ได้แก่ทีมเจ้าภาพอย่าง ทีมชาติกาตาร์, ทีมชาติอิรัก, ทีมชาติออสเตรเลีย, ทีมชาติอิหร่าน และทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ส่วนทีมที่ตกรอบแน่ๆ แล้วมี 2 ทีม และเป็นชาติอาเซียนทั้งคู่นั่นก็คือ ทีมชาติเวียดนาม กับ ทีมชาติมาเลเซีย 

ในขณะที่ทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทยเพิ่งจบเกมนัดที่สองไปหมาดๆ เมื่อคืนนี้ โดยสามารถทำตามเป้าได้สำเร็จ ด้วยการยันเสมอ ทีมชาติโอมาน 0-0 เก็บเพิ่มอีก 1 คะแนน ทำให้ตอนนี้มีอยู่ 4 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม F โอกาสเข้ารอบต่อไปค่อนข้างสูง เพราะตอนนี้การันตีจบ 3 อันดับแรกแน่นอนแล้ว ซึ่งจากเกมล่าสุดต้องบอกว่าเราทำได้ดีมาก มีอะไรให้น่าชื่นชมพอสมควร มีด้านใดบ้างเราจะมาติดตามกัน

Thailand-in-Asian-cup-2023-group-stage-SPACEBAR-Photo01.jpg

วินัยเกมรับยอดเยี่ยม เหมือนได้ทีมใหม่ 

"เราไม่เสียประตูเลยทั้งสองนัดติดต่อกัน เป็นเรื่องที่ต้องชมเชยลูกทีมทุกคนที่เล่นกันได้อย่างมีระเบียบวินัย ช่วยกันเล่นด้วยความทุ่มเท หากแต่เป้าหมายของเราคืออยากประสบความสำเร็จมากกว่านี้ไม่ใช่แค่ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์เท่านั้น"  

นี่คือคำพูดของ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชทีมชาติไทยที่ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมเมื่อคืนนี้ โดยเป็นการพูดถึงเกมรับของทีมที่เล่นกันได้เป็นอย่างดีแทบทุกคน รับส่งกันอย่างมีวินัย ทุกคนช่วยกันเล่น ช่วยกันวิ่ง สิ่งที่เราเห็นในยุคก่อนๆ แบบผู้เล่นตัวบนยืนห้อย ไม่ลงมาเล่นเกมรับ แทบจะไม่มีให้เห็นเลย อย่างในช่วงครึ่งหลังที่เราโดนทีมชาติโอมานขึงใส่อยู่ตลอด แต่ก็ไม่มีผิดพลาดเลย  

สำหรับคนที่ต้องชื่นชมมากๆ เลยก็คือ ปฏิวัติ คำไหม ผู้รักษาประตูมือ 1 ที่เล่นได้ดีมาก มีสมาธิตลอด บวกกับมีจังหวะเซฟช่วยทีมอยู่หลายครั้ง ถัดมาก็คือ พรรษา เหมวิบูลย์ กับ เอเลียส ดอเลาะ คู่เซ็นเตอร์ที่ช่วยกันเล่น สื่อสารกันดีทั้งเกม สกัดจังหวะอันตรายๆ ได้เสมอ และรายหลังยังเกือบโหม่งทำประตูในครึ่งแรกได้ด้วย และคนสุดท้ายที่ต้องชื่นชมมากที่สุดเลยก็คือ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ถ้านัดที่แล้วเราให้เครดิตวีระเทพ ป้อมพันธุ์ อย่างไร นัดนี้เราก็ต้องชมเชย ‘เจ้านิว’ แบบนั้นเลย เพราะมิดฟิลด์จากทีม ‘ปราสาทสายฟ้า’ เล่นได้โดดเด่นทั้งเกมรุกและรับ ครองบอลได้ เติมเกมดี มีจังหวะวิ่งมาเกี่ยวบอล ทำลายจังหวะโอมานได้หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องชมภาพรวมทั้งทีมที่รักษาวินัยเกมรับได้ดีมากๆ ทำให้ได้ผลเสมอสุดสำคัญนี้มา

Thailand-in-Asian-cup-2023-group-stage-SPACEBAR-Photo02.jpg

เปลี่ยนจากเล่นไปวันๆ เป็นมีเป้าหมายที่ชัดเจนในทุกๆ เกม 

"ก่อนเริ่มเกมเราได้วางแผนไว้เพื่อจะเก็บ 3 แต้ม แต่พอเวลาผ่านไปเราต้องเปลี่ยนแผน เพราะมองว่าการมี 1 คะแนนก็เพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปของรายการนี้" 

อีกหนึ่งคำพูดของเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นที่สัมภาษณ์ไว้หลังเกมถึงเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ก่อนเริ่มเกมกับโอมาน ก่อนจะมีการเปลี่ยนแผนระหว่างเกม สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าทัพ ‘ช้างศึก’ ยุคใหม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนทุกเกมที่ลงแข่งขัน รวมไปถึงในระหว่างเกมก็มีการปรับและเล่นตามแนวทางอย่างชัดเจน มีกลยุทธ์รองรับตลอด ไม่เหมือนในยุคเก่าๆ ที่เหมือนจะเล่นให้จบในแต่ละจังหวะไปแค่นั้น อย่างในเกมนี้ตอนครึ่งแรกเราก็มีจังหวะพอสวนกลับอยู่เรื่อยๆ เพราะยังตั้งเป้า 3 แต้ม แต่ในครึ่งหลังจะเห็นว่าเราเน้นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ เพราะทางอิชิอิมองว่าคะแนนเดียวก็เพียงพอที่จะเข้ารอบ ดังนั้นเลยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงบุกเยอะจนอาจทำให้เสียประตู สุดท้ายก็เก็บคลีีีนชีทได้ 2 นัดติด ซึ่งส่วนนี้ต้องบอกว่าดีมากๆ เพราะเราควรชนะในเกมที่ควรชนะ เสมอได้ก็ควรเสมอ แต่อย่าไปแพ้ในเกมที่เราควรจะชนะหรือเสมอ  

ภาพรวมของอิชิอิต้องบอกว่าสามเกมที่ผ่านมาเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีวิธีการเล่นและทรงบอลที่ดีขึ้น ต้องมารอดูกันว่าอนาคต ‘ช้างศึก’ ในมืออิชิอิจะเป็นอย่างไร แล้วก็อย่าลืมรอให้กำลังใจทีมชาติไทยในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่จะเจอกับทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ในวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม เวลา 22.00 น. ถ่ายทอดสดทาง PPTV HD ช่อง 36 เหมือนเดิม

Thailand-in-Asian-cup-2023-group-stage-SPACEBAR-Photo03.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์