“จริงๆ แล้ว ฉันเป็นประธานบริษัท ฉันรวยมาก ถึงขนาดที่สามารถซื้อทุกประเทศในโลกได้ แต่ก็ไม่ซื้อหรอก เพราะไม่อยากเอิกเกริก” คำพูดที่กล่าวมาข้างต้นมีความเป็นจริงกี่เปอร์เซ็นต์
คำตอบคือ 0 เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องจริงเลย แต่มันคือพฤติกรรมการพูดไปเรื่อยของคนไทย เพื่อสร้างสีสันให้วงสนทนามีความตลกมากขึ้น ซึ่งเมื่อถามว่าคำพูดข้างต้นนี้ มีใครได้รับผลกระทบหรือไม่ ก็คือไม่มีทั้งสิ้น มีแต่ผู้ฟังที่กำลังนั่งขำและหาคำถามมาถามต่อให้เจ้าของคำพูดได้พูดต่อไปแบบไม่มีสิ้นสุด
พฤติกรรมการพูดไปเรื่อยมีมานานแล้ว มันเกิดขึ้นในวงสนทนาของกลุ่มเพื่อนสนิทเสียมากกว่า เพื่อเพิ่มสีสัน และจะสนุกมากขึ้นเมื่อเพื่อนในวงสนทนาพากันต่อบทให้มันดูเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น
แต่ในปัจจุบันเมื่อโลกโซเชียลเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์มากขึ้น พฤติกรรมการพูดไปเรื่อยก็เริ่มกระจายออกมาจากกลุ่มเพื่อนสนิท เป็นโลกโซเชียลแทน แน่นอนว่ามันสามารถเรียกรอยยิ้มให้กับผู้อ่านข้อความประเภทนี้ได้ดี และดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คนไทยที่มีพฤติกรรมนี้ แต่ที่เราเห็นบ่อยๆ เพราะเราอ่านภาษาไทยกันนี่เนอะ แต่ในต่างประเทศก็มีเช่นกัน มันก็คือสีสันในบทสนทนาที่หาความจริงไม่ค่อยได้นั่นแหละ
“วันนั้นหิวน้ำมาก เลยไปซื้อน้ำเปล่ามาดื่ม แต่หน่วยเงินของเราไม่ใช่เงินบาทหรอก เราใช้เพชรในการจ่ายแทนเงิน” แน่นอนว่าประโยคนี้ ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงแน่ๆ ในกลุ่มบุคคลทั่วไป แต่ถ้าสุลต่านก็ไม่แน่นะ แต่ใครกันจะใช้เงินได้สิ้นเปลืองขนาดนั้น
ถ้าถามว่า พฤติกรรมการพูดไปเรื่อยของคนไทยนั้น มันเกิดจากอะไร ถ้าให้เดาก็คงเกิดจากสถานการณ์ในตอนนั้นที่มันอาจจะตรึงเครียดเกินไป จนคนที่เป็น Extrovert ทนไม่ไหวขออนุญาตสร้างสีสันด้วยคำพูดที่หาแก่นสารไม่ได้ต่อบทไปเรื่อยมาพูดแทนแล้วกัน อย่างน้อยมันก็ได้รอยยิ้มนะ
แต่ถ้าถามว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน จากประสบการณ์การนั่งฟังเพื่อนๆ ที่นั่งต่อบทสนทนากันจนเนื้อเรื่องมันออกจักรวาลไปแล้ว คิดว่าถ้ามันเหนื่อย เดี๋ยวมันก็หยุดเองแหละ
แต่ก็มีบางคนที่ฟังแล้วเครียด รู้สึกเหมือนว่าคนพูดนั้นโอ้อวดจังเลย ก็อยากจะบอกว่า ปล่อยวางความเครียดแล้วสนุกไปกับมันบ้างก็ได้ ปล่อยใจจอยๆ ชีวิตจะได้มีรอยยิ้มมากขึ้น เพราะสถานการณ์ในประเทศตอนนี้ ก็เครียดจนไม่รู้จะเครียดยังไงแล้วแหละเนอะ
ถ้าหากนึกไม่ออก ว่าความพูดไปเรื่อยของคนไทยมันจะไปถึงจุดไหน มันก็เคยอยู่ในจุดที่ ยายป๋อมแป๋ม พูดกับศิลปินเกาหลีอย่าง NCT DOJAEJUNG ว่าที่ทุกคนเรียกเขาว่ายาย เพราะอายุ 107 ปี แล้ว และหนุ่มๆ ก็ดันเชื่อซะด้วย มันจะขนาดไหน ก็ลองดูคลิปด้านล่างเลยได้ เริ่มต้นที่ 4.46 นาที ของคลิป
คำตอบคือ 0 เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องจริงเลย แต่มันคือพฤติกรรมการพูดไปเรื่อยของคนไทย เพื่อสร้างสีสันให้วงสนทนามีความตลกมากขึ้น ซึ่งเมื่อถามว่าคำพูดข้างต้นนี้ มีใครได้รับผลกระทบหรือไม่ ก็คือไม่มีทั้งสิ้น มีแต่ผู้ฟังที่กำลังนั่งขำและหาคำถามมาถามต่อให้เจ้าของคำพูดได้พูดต่อไปแบบไม่มีสิ้นสุด
พฤติกรรมการพูดไปเรื่อยมีมานานแล้ว มันเกิดขึ้นในวงสนทนาของกลุ่มเพื่อนสนิทเสียมากกว่า เพื่อเพิ่มสีสัน และจะสนุกมากขึ้นเมื่อเพื่อนในวงสนทนาพากันต่อบทให้มันดูเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น
แต่ในปัจจุบันเมื่อโลกโซเชียลเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์มากขึ้น พฤติกรรมการพูดไปเรื่อยก็เริ่มกระจายออกมาจากกลุ่มเพื่อนสนิท เป็นโลกโซเชียลแทน แน่นอนว่ามันสามารถเรียกรอยยิ้มให้กับผู้อ่านข้อความประเภทนี้ได้ดี และดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คนไทยที่มีพฤติกรรมนี้ แต่ที่เราเห็นบ่อยๆ เพราะเราอ่านภาษาไทยกันนี่เนอะ แต่ในต่างประเทศก็มีเช่นกัน มันก็คือสีสันในบทสนทนาที่หาความจริงไม่ค่อยได้นั่นแหละ
“วันนั้นหิวน้ำมาก เลยไปซื้อน้ำเปล่ามาดื่ม แต่หน่วยเงินของเราไม่ใช่เงินบาทหรอก เราใช้เพชรในการจ่ายแทนเงิน” แน่นอนว่าประโยคนี้ ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงแน่ๆ ในกลุ่มบุคคลทั่วไป แต่ถ้าสุลต่านก็ไม่แน่นะ แต่ใครกันจะใช้เงินได้สิ้นเปลืองขนาดนั้น
ถ้าถามว่า พฤติกรรมการพูดไปเรื่อยของคนไทยนั้น มันเกิดจากอะไร ถ้าให้เดาก็คงเกิดจากสถานการณ์ในตอนนั้นที่มันอาจจะตรึงเครียดเกินไป จนคนที่เป็น Extrovert ทนไม่ไหวขออนุญาตสร้างสีสันด้วยคำพูดที่หาแก่นสารไม่ได้ต่อบทไปเรื่อยมาพูดแทนแล้วกัน อย่างน้อยมันก็ได้รอยยิ้มนะ
แต่ถ้าถามว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน จากประสบการณ์การนั่งฟังเพื่อนๆ ที่นั่งต่อบทสนทนากันจนเนื้อเรื่องมันออกจักรวาลไปแล้ว คิดว่าถ้ามันเหนื่อย เดี๋ยวมันก็หยุดเองแหละ
แต่ก็มีบางคนที่ฟังแล้วเครียด รู้สึกเหมือนว่าคนพูดนั้นโอ้อวดจังเลย ก็อยากจะบอกว่า ปล่อยวางความเครียดแล้วสนุกไปกับมันบ้างก็ได้ ปล่อยใจจอยๆ ชีวิตจะได้มีรอยยิ้มมากขึ้น เพราะสถานการณ์ในประเทศตอนนี้ ก็เครียดจนไม่รู้จะเครียดยังไงแล้วแหละเนอะ
ถ้าหากนึกไม่ออก ว่าความพูดไปเรื่อยของคนไทยมันจะไปถึงจุดไหน มันก็เคยอยู่ในจุดที่ ยายป๋อมแป๋ม พูดกับศิลปินเกาหลีอย่าง NCT DOJAEJUNG ว่าที่ทุกคนเรียกเขาว่ายาย เพราะอายุ 107 ปี แล้ว และหนุ่มๆ ก็ดันเชื่อซะด้วย มันจะขนาดไหน ก็ลองดูคลิปด้านล่างเลยได้ เริ่มต้นที่ 4.46 นาที ของคลิป
