ซึ่งความสนุกก็เริ่มก่อตัวตั้งแต่ก่อนเข้างานกันเลยทีเดียว กับการถ่ายรูปที่ซุ้มสุดจี๊ดหน้างานของเหล่า ‘เบิ้บเบิ้ล’ ที่แต่ละคนจัดเต็มแต่งตัวมาในธีม “เทเลทับบี้แห่งสรวงสวรรค์” ได้อย่างตีโจทย์แตกกระจาย สีสันฉูดฉาดถูกใจน้องนวยเขาสุดๆ แถมหน้างานยังมีของที่ระลึกสุดแสบที่อาจจะไม่มี ‘พระพุธคุณ’ แต่มี ‘พระพุธคูล’ ทั้งที่ต้องเสียเงินซื้ออย่างเสื้อใบหน้านวยสุดเฟี้ยว หรือของแจกฟรีอย่าง การ์ดมิลลิพร้อมคำคมสุดฮา, ยาดม!?, หรือสูจิบัตรสุดแปลกที่ห้ามเปิดจนกว่าจะมีคำสั่งมาจากมิลลิ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ทำให้เกิดไวบ์แปลกๆ ที่เรียกน้ำย่อยให้รู้สึกตื่นเต้นก่อนจะเข้างานที่รายละเอียดเป็นความลับได้ดีอยู่เหมือนกัน อารมณ์แบบตอนเด็กๆ ที่เราต่อแถวเข้าเครื่องเล่นในสวนสนุกที่ไม่รู้ว่าจะเข้าไปเจออะไร มันมวนๆ ท้อง ตื่นเต้นๆ ร้อนๆ หนาวๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเผลอไปซัดเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องสุดพิเศษที่เข็นมาขายหน้างานหรือเปล่า

ต่อมาเมื่อเข้าไปยังด้านในของสถานที่จัดงานอย่าง โรงละครอักษรา King Power ที่รอบข้างตกแต่งไปด้วยบรรดาทวยเทพจากสรวงสวรรค์ สวยงามและดูศักดิ์สิทธิ์เสียจนเหล่า ‘เทเลทับบี้จากสรวงสวรรค์’ ที่พาเหรดเข้างานกันมาก็มีออกลูกเขินๆ อยู่เหมือนกัน แต่ภายหลังจากโชว์ดำเนินไปก็ไม่ได้มีอะไรติดขัดหรือไม่เหมาะสม แถมนวยยังหยิบยกเอาความสถานที่ใดๆ มาแซวให้เรียกเสียงฮากันแบบน่ารักๆ
ย้อนกลับมาที่ก่อนเริ่มงาน หลังเข้าไปนั่งตากแอร์ฉ่ำๆ ตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับงานครั้งนี้กันอยู่สักพัก จนเวลาล่วงเลยเลทจากในตารางไปนิดๆ แต่ก็ไม่ได้มากมาย ไฟก็ดับลงพร้อมกับการปรากฏตัวของแสตนอัพคอมเมดีตัวตึงจาก ‘ยืนเดี่ยว’ อย่าง ‘โนะ นนทบุเรี่ยน’ ก็เรียกเสียงฮากระจายได้ดียิ่งนัก และเมื่อได้รู้ว่าตัวเขาเป็นหนึ่งในคนคุมโชว์ในวันนี้ เราก็พอแอบเดาได้ว่าวันนี้เราจะได้พบกับอะไร จนมาถึงการปรากฏตัวของนวยแบบเท่ๆ เราก็ได้รับการเฉลยว่าช่วงแรกของงาน เราจะได้ชมการเดี่ยวไมโครโฟนจากนวย แทนการส่งสารในใจที่เธออยากบอกเหล่า ‘เบิ้บเบิ้ล’ มาตลอด

มิลลิ โดดเด่นมากจริงๆ กับบุคคลิกของเธอในการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะเวลาอิมโพรไวส์หรือการเล่นแซวกับคนดูนอกบทที่บอกได้เลยว่า “นวย เนล อิท” เรียกเสียงฮาได้ทุกดอก เชื่อว่าถ้าวัตถุดิบในเรื่องเล่าหลักถูกขัดเกลามาให้เนี๊ยบ หรือเติมแต่งใส่สีตีไข่ ให้มีจุดพีคจี๊ดๆ กว่านี้ การเดี่ยวไมโครโฟนของเธอจะดีกว่านี้ได้อีก แต่จริงๆ ก็เก่งมากๆ แล้วถ้าคิดจากปัจจัยว่านี่เป็นการเดี่ยวครั้งแรกของนวย โดยตัวเรื่องที่เธอเล่าในสโคปเวลาเกือบ 1 ชม. อาจจะมีหย่อนๆ ในช่วงแรกที่คนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก และตัวเนื้อหาในหัวข้อแรกที่เป็นการเล่าที่มาของเพลง ‘พักก่อน’ เองก็อาจจะกระชับหรือจัดจ้านกว่านี้ได้อีก เพราะหลังจากเข้าเรื่องการด่าแมลงสาบที่นำไปสู่การ ‘แรป’ ครั้งแรกของเธอ ที่ตัวเรื่องกระชับและมีจุดสนุกอยู่เยอะ ก็พิสูจน์ให้เราได้เห็นเลยว่านวยเดี่ยวไมโครโฟนได้แบบสบายๆ ซึ่งหลังจากเรื่องแมลงสาบก็เหมือนทุกคนจะต่อติดไปแล้ว เรื่องราวหลังจากนั้นก็ออกมาครบรสทั้งฮา ซึ้ง กินใจ โดยเฉพาะหลายๆ เรื่อง น่าจะโดนใจแฟนๆ ของนวยไม่น้อย อาทิจุดเริ่มต้นของเพลง ‘สุดปัง’ ที่เกี่ยวกับการบูลลี่ หรือเรื่องราวระหว่างนวยกับแม่ซึ่งเป็นที่มาของท่อนเวิร์สแรกในเพลง ‘Welcome’ ที่อาจจะกินใจใครหลายคน ซึ่งขอย้ำอีกทีว่าการเดี่ยวไมโครโฟนเป็นศาสตร์และศิลป์ที่มีความยาก และไม่ใช่ใครจะทำได้ง่ายๆ แต่นวยมีแววจริงๆ ในด้านนี้ ถ้าจะมีอะไรที่น่าเป็นห่วงแทนในพาร์ทนี้คือบรรดาแฟนคลับชาวต่างชาติที่อาจจะไม่สันทัดภาษาไทย ทำให้พวกเขาอาจจะตกหล่นความสนุกในส่วนตรงนี้ไป

หลังจากจบช่วงเดี่ยวไมโครโฟนก็ได้เวลาของสนุกแบบที่ทุกคนรอคอย กับบรรดาเพลงฮิตที่นวยพาเหรดจัดมาเต็มๆ เริ่มกันแบบซึ้งๆ ด้วยแรร์โมเมนต์ที่หลายคนน่าจะได้เห็นเป็นครั้งแรก กับการเล่นเปียโนสดของนอยพร้อมร้องเพลง ‘Welcome’ ที่เราพึ่งได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังมาจากพาร์ทเดี่ยวเมื่อตะกี้นี้ ‘Welcome’เวอร์ชั่นนี้จึงพิเศษขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว ที่เหลือก็เป็นไปตามมาตรฐานความสนุกสนานในแบบฉบับมิลลิ โดยเฉพาะช่วงที่นวยขอให้ทุกคนยืนขึ้นมาโยกมันไปกับเพลง ภาพเหล่าเทเลทับบี้สีฉูดฉาดยืนเต้นโยกหัวกันท่ามกลางโรงละครอักษราที่รายล้อมไปด้วยทวยเทพ นับว่าเป็นภาพอันเซอเรียลที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็น อีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกประทับใจคือการที่นวยนำเพลง ‘รักนะเว้ย’ มาร้องโต้ตอบกับแฟนคลับ เป็นอีกโมเมนต์ดีดีที่ไม่คิดมาก่อนว่าเพลงฮิตติดหูจังหวะดุๆ ดิบๆ แบบนี้ พอพลิกมาใช้ให้ถูกสถานการณ์ มันกลับกลายเป็นการบอกรักกันระหว่างศิลปินและแฟนคลับที่ทรงพลังไม่น้อย ก่อนที่จะเข้าช่วงท้ายของงานด้วยความในใจจากมิลลิถึงเหล่าแฟนคลับที่บอกเลยว่าได้มีเสียน้ำตา แถมยังได้อวยพรวันเกิดเจ้านวยล่วงหน้า ปิดท้ายด้วย Goodbye Session ที่ให้บรรดาแฟนคลับทุกคนขึ้นไปร่ำลานวยแบบใกล้ชิดถึงบนเวที

สุดท้ายนี้โดยรวมแม้บางช่วงอาจจะมีผิดคิวเล็กน้อยสลับกันไปมาบ้าง แต่ทุกอย่างก็ออกมาธรรมชาติน่ารักเสียจนกลายเป็นความสนุกสนานได้เสียหมด ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องขอยืนยันอีกครั้งว่าเมื่อได้มาดูสดๆ หรือสัมผัสบรรยากาศแบบใกล้ชิด ต้องบอกเลยว่าคำว่า ‘ศิลปิน’ ของ ‘มิลลิ’ ไม่ใช่แค่เพียงแรปเก่งหรือร้องดี แต่มันคือความใส่ใจแฟนเพลง เต็มที่กับโชว์ พร้อมที่จะแผ่มวลแห่งความสนุกสนานให้กับผู้คนตลอดเวลา
ซึ่งหลัง Goodbye Session ก็เป็นช่วงเวลาของกิจกรรมพิเศษทั้งแฟนมีต แฟนไซน์ ซึ่งเราก็ขออุบความทรงจำอันแสนพิเศษไว้ให้เป็นโมเมนต์ลับๆ ระหว่าง “เบิ้บเบิ้ล” และ “มิลลิ” ไว้น่าจะดีกว่า
