‘รักษาการประธานสโมสร’ ตำแหน่งของชายธรรมดาผู้มาด้วยใจ ‘โตโน่’ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์

12 ธ.ค. 2567 - 11:00

  • แน่นอนว่าทุกคนต่างรู้จัก ‘โตโน่’ กันดีในฐานะศิลปินที่ผ่านทั้งการร้องเพลงและผลงานแสดงที่ฝากฝีไม้ลายมือเอาไว้มากมายหลายบทบาทซึ่งเป็นอาชีพหลักของเขา

  • และหลายคนก็คงรู้จักเขาเพิ่มเติมมาบ้างกับบทบาทใหม่ในปัจจุบันของ ‘โตโน่’ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ จะเป็นอย่างไรไปติดตามกันในบทสัมภาษณ์นี้

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Hero.jpg
Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo01.jpg

“สวัสดีครับ เดี๋ยวผมขอเวลาแป๊บนึงนะครับ ขอไปเสริมหล่อแป๊บ”   

คำทักทายอย่างอ่อนน้อมแสนสุภาพเป็นกันเองในช่วงบ่ายแก่ๆ วันหนึ่งจากผู้ชายตัวสูงใหญ่ ผิวขาว รูปลักษณ์สะดุดตาที่สวมเสื้อยืดลายนักฟุตบอลสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี พร้อมกางเกงฟุตบอลและรองเท้าวิ่ง เหมือนกับนักฟุตบอลอาชีพที่เตรียมมาลงซ้อมเดินเข้ามาในช็อปของสโมสรฯ พูดถึงชื่อทีมหลายคนคงจะเดาได้ไม่ยากว่าเขาคนนี้คือ ‘โตโน่’ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ 

ผมเห็นถึงความพร้อมของเขาจากที่เดินเข้ามาในร้านค้าของสโมสร ยังคิดอยู่แวบหนึ่งเลยว่านี่มันนักฟุตบอลอาชีพชัดๆ แทบไม่เห็นคราบของร็อคเกอร์หรือนักแสดงเลยในยามที่เขาเดินทางมายังสนามแห่งนี้  

แน่นอนว่าทุกคนต่างรู้จัก โตโน่ กันดีในฐานะศิลปินที่ผ่านทั้งการร้องเพลงและผลงานแสดงที่ฝากฝีไม้ลายมือเอาไว้มากมายหลายบทบาทซึ่งเป็นอาชีพหลักของเขา และหลายคนก็คงรู้จักเขาเพิ่มเติมมาบ้างกับตำแหน่งใหม่ที่ประกาศเป็นข่าวออกมาสักพักกับหน้าที่ ‘รักษาการประธานสโมสรฟุตบอล’ 

จากชีวิตของศิลปินคนหนึ่งที่หลงใหลในกีฬาฟุตบอล จัดสรรเวลามาลงเล่นกีฬาชนิดนี้เพื่อความสุขส่วนตัว สู่การแบกภาระรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ไว้บนบ่า หลายครอบครัวตอนนี้ต้องพึ่งพาเขา วันนี้ผมมีโอกาสได้มาคุยกับเขาเลยขออัพเดตสักหน่อยว่า ณ เวลานี้เขามีส่วนทำให้สโมสรแห่งนี้เดินหน้าไปได้อย่างไรบ้าง บทสัมภาษณ์ต่อไปนี้คือเรื่องราวบทบาทใหม่ในปัจจุบันของ ‘โตโน่’ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ รักษาการประธานสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo02.jpg

เตะบอลเพื่อความสนุก อยู่ๆ ก็มีภาระอันหนักอึ้งบนบ่า 

“แรกๆ นอนไม่หลับเลยนะ เพราะมันต้องคิดเยอะต้องวางแผนเยอะ ถ้าเรารับต้องเจองานหนักแน่” 

ประโยคแรกหลังจากเริ่มสัมภาษณ์ที่ผมยิงคำถามเบสิคไปว่า ก่อนหน้านี้ที่แค่เตะบอลหาความสุขให้ชีวิต วันดีคืนดีต้องมาแบกรับภาระหนักอึ้งแบบนี้เขารู้สึกอย่างไร แม้เขาจะเป็นคนที่ชอบทำอะไรเพื่อสังคมส่วนรวม ยินดีช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้วเป็นปกติ แต่การต้องมารับเผือกร้อนเช่นนี้อาจจะหนักหนาสาหัสกว่าที่ผ่านมาและต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล เขาได้เริ่มเล่าให้ฟังต่อว่าทำไมถึงตัดสินใจรับหน้าที่นี้ 

“สุดท้ายผมก็ตัดสินใจรับ เพราะพอมาคิดอย่างถี่ถ้วนว่าแล้วอะไรคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดล่ะ มันก็คือถ้าเราทำไม่สำเร็จแล้วทีมพัง ไม่มีเงิน พอมาดูภาพรวมเราก็เห็นว่ามันจะพังอยู่แล้วนี่ ต่อให้เราไม่ทำมันก็พัง แต่ถ้าเราทำมันอาจจะมีลุ้นนะ ก็เลยคิดว่าทำเถอะในเมื่อมันไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าพูดถึงในแง่ปากท้องของนักเตะเราช่วยได้ยังไงก็ดีกว่าไม่ช่วยแน่ๆ” 

มาถึงตอนนี้ผมก็เลยสงสัยว่าแล้วเขากลัวไหมว่าถ้าทำไม่ได้ขึ้นมาอาจจะมีคนมาเหยียบย่ำซ้ำเติม เขาตอบกลับทันทีว่า..นี่แหละที่คือข้อเสียถ้าเขาตัดสินใจรับงานนี้ 

“โตโน่แม่งกระจอกว่ะ ทำไม่ได้ว่ะ นี่คือข้อเสียว่าถ้าผมทำไม่ได้ขึ้นมาผมอาจจะโดนแบบนี้ก็ได้ แต่ผมคิดว่าถ้าคนรู้เรื่องฟุตบอลและเปิดใจมองปัญหาจริงๆ จะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันยากซึ่งเราก็คิดแบบนั้น ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันเสียอะไร นอกจากเหนื่อยสมอง เสียเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตไปถ่ายละครเพื่อหาเงินคิวหนึ่งได้เป็นแสนแลกกับการมาที่นี่ แต่ถ้าเราทำได้ขึ้นมาอีก 50 ครอบครัวจะมีชีวิตที่ดีขึ้น พ่อค้าแม่ค้าแถวนี้จะมีรายได้มากขึ้น ตรงนี้คือสิ่งที่เราคิดว่าคุ้มที่จะเสี่ยงไปกับมัน”

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo03.jpg

คุยกันมาได้สักระยะผมยังไม่เห็นถึงความกลัวของผู้ชายคนนี้เลยว่าหวาดหวั่นไหมว่าจะโดนอะไรบ้างถ้าเกิดเขาทำไม่สำเร็จ ที่รู้สึกได้คือโตโน่คิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้เพื่อนพี่น้องทุกคนอยู่รอดต่อจากนี้ซึ่งตอนนี้ก็คอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้วว่าเจ้าตัวจะรับหน้าที่นี้อย่างน้อยไปจนจบฤดูกาล ผมเลยขอถามความรู้สึกของเขาในเรื่องนี้ต่อ 

“ก็หนักใจอยู่นะ เพราะว่าตอนแรกเราคิดว่าจะอยู่ในตำแหน่งนี้แค่ช่วงที่ทีมเจอวิกฤติ จากที่นักฟุตบอลทำงานกันสามเดือนแล้วได้เงินแค่คนละ 5,000 บาท เลยคิดว่าเต็มที่ก็เลกเดียว เพราะพอเราเข้ามาทีมมันก็เริ่มไปต่อได้แล้วไง เราก็บอกเขาไปว่าตอนนี้มันผ่านวิกฤติมาแล้ว มันไม่ต้องมีเราแล้วก็ได้ แต่ว่าเขาก็อยากให้ทำต่อจนจบ ก็เลยยื่นเงื่อนไขไปว่าถ้าให้ทำต่อพี่ก็ต้องซัพพอร์ตกันทุกส่วนเหมือนเดิมนะ" 

“เราก็จะช่วยทีมต่อไปเหมือนเดิม แต่จะไม่ช่วยอะไรที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนนะ เราจะเข้ามาช่วยหาเงินให้ ที่สำคัญผมทำคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องร่วมใจกัน เหมือนแฮชแท็กที่ผมคิดขึ้นมาว่า #เกษตรศาสตร์รวมเป็นหนึ่ง ผมเลยอยากสานสัมพันธ์กับทุกๆ คนที่รู้จักทีมนี้ทั้งบรรดาศิษย์เก่า น้องๆ นิสิตปัจจุบัน เหล่าอาจารย์ และที่สำคัญในทีมเราทั้งหมด รวมไปถึงเด็กเก็บบอล รปภ. พ่อค้าแม่ค้า”

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo04.jpg

“ผมต้องไปแนะนำตัวว่าเรามาทำหน้าที่ตรงนี้นะ มาทำเพราะอะไร มีความจริงใจที่อยากจะช่วยให้ดีขึ้น มีแผนงานที่ชัดเจน อย่างวันแรกบัญชีสโมสรมีเงิน 859 บาท และเราจะเพิ่มมันยังไง ที่ผ่านมาที่ผมทำก็มีอย่าง ‘ตั๋วปี’ ใครที่ซื้อก็จะได้รับส่วนลดราคาสินค้าในร้านค้าสโมสร 10% มีส่วนลดกับร้านอาหารใกล้ๆ ได้เสื้อแข่งฟรีหนึ่งตัว และ Boxset อาหารเวลามาดูเกมในบ้าน แล้วก็มีการดึงนักศึกษามาช่วยงานซึ่งให้เงินเขาด้วย มันก็ทำให้เขาได้ประสบการณ์ มีรายได้ ส่วนเราก็ได้คนมาช่วยทำงาน และที่สำคัญมันได้สร้างความผูกพันในบ้านหลังนี้ไปพร้อมๆ กัน”

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo05.jpg

เวลาผ่านไปสองเดือน ทุกอย่างกำลังดีขึ้นแต่ก็ยังมีสิ่งที่อยากแก้ไขอยู่ 

ใครที่ติดตามข่าวคราวในวงการฟุตบอลกันมาน่าจะเห็นว่าสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี เจอกับปัญหาเรื่องนายทุนผู้สนับสนุนทิ้งทีมกันไปดื้อๆ ทำให้นักฟุตบอลไม่ได้รับเงินเดือน นี่คือปัญหาหลักที่ตอนนี้โตโน่แก้ไขขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง 

“มันดีขึ้นมากๆ ครับ จากที่ตอนแรกทุกคนเตะกันไปจะสามเดือนแล้วได้เงินกันแค่คนละ 5,000 บาทซึ่งมันอยู่ไม่ไ้ด้แน่ๆ แต่ตอนนี้เรามีเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 60% แล้ว และก็ดูจะมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนๆ ในทีมทุกคนเขาก็ขอบคุณกันด้วยการกระทำจากผลงานในสนามแต่ละนัด เรารู้สึกถึงกันและกันตลอด ผมว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าผมทำเพื่อพวกเขา 100% จากความจริงใจและความตั้งใจที่ออกมา เพราะสมมุติว่าถ้านี่คือหน้าที่ของผมหรือผมเป็นเจ้าของสโมสรนี้ มีผลได้ผลเสียหรือผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองมันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ แต่อันนี้พวกเขารู้กันดีว่าผมปิดประตูเลยเรื่องรายได้ นี่ไม่ใช่งานหลักด้วยแต่ทำมันเหมือนเป็นงานหลักเลย” 

พอรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ทีมดีขึ้นในเรื่องตัวเงินแล้ว ผมอยากรู้เรื่องของแฟนบอลบ้างก็เลยยิงคำถามต่อว่าแล้วเขารู้สึกยังไงที่แฟนบอลเข้ามาซัพพอร์ตกันขนาดนี้ 

“ชื่นใจ ภูมิใจมากๆ เลย อันนี้แหละคือสิ่งที่เยียวยาจิตใจเรา ความสุขมันรู้สึกได้ตั้งแต่ในทีมเลยที่พอเราช่วยกัน ร่วมมือร่วมใจกัน นักเตะก็ดูมีแววตาที่มีความหวังมากขึ้น ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือบรรยากาศบนสแตนด์เชียร์มันก็ทำให้ย้อนนึกไปถึงตอนก่อนว่ายน้ำข้ามโขง เพราะตอนนั้นมันก็หนัก ทะเลาะอะไรกันไม่รู้ โยงนู่นนี่ไปหมด แต่สิ่งที่มันมีค่ามากๆ คือตอนที่เราว่ายอยู่แล้วเห็นผู้คนมากมายมาให้กำลังใจเรา มาช่วยโรงพยาบาล มันคือสิ่งที่มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่สนามอินทรีจันทรสถิตย์ในตอนนี้”

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo06.jpg

จากคำตอบนี้ต้องบอกว่าทำเอาผมรู้สึกเซอร์ไพรส์ไม่น้อยเลยที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ที่ย้อนให้นึกถึงตอนที่เขาว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง เพื่อหาเงินช่วยโรงพยาบาล เพราะทุกอย่างมันแทบจะอยู่ในโมเดลเดียวกันเลย คือเห็นคนเดือดร้อนและอยากจะช่วยในแบบที่ตัวเองไหวและพอทำได้  

“ทุกวันนี้พอผมได้เห็นพ่อแม่จูงลูกมาดูบอลก็ทำให้นึกถึงตอนพ่อเสียช่วงที่ผมยังเด็กๆ ว่าเราก็มีความทรงจำที่มีค่ากับพ่อแม่เยอะแยะเลย พอได้มาเห็นเด็กๆ เขาได้สัมผัสบรรยากาศต่างๆ ในสนามนี้ ทั้งเสียงเชียร์ การแข่งขันตรงหน้า ทุกคนรวมใจกัน เราก็รู้สึกมีความสุขไปกับมันแล้วว่าได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวและหลายๆ คนเขามีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน”  

พอเห็นหลายอย่างเป็นไปได้ด้วยดีและอย่างน้อยโตโน่ก็จะอยู่กับทีมในตำแหน่งนี้ไปจนจบซีซัน ผมเลยอยากรู้ว่าเวลาที่ยังเหลืออีกพอสมควรเขาได้เห็นปัญหาอะไรที่ยังต้องแก้ไขอยู่ไหม 

“เรื่องของคนครับ เราไม่ได้ทำงานกับ AI เราทำงานกับคนหลายสิบคน แต่ละคนมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน บางคนชอบแบบนี้ บางคนชอบแบบนั้น เราคือคนที่ต้องทำให้ทุกอย่างมันเดินต่อไปให้ได้ แม้ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยปัญหาแต่ผมก็เชื่อว่าคนเราไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน ถ้าใจเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือต้องการจะทำให้ดีขึ้น สุดท้ายแล้วแม้ว่าความคิดจะไม่ตรงกันยังไงมันก็จะคุยกันเพื่อหาทางออกและร่วมกันเดินหน้าต่อได้”  

“จุดประสงค์หลักของเราคือทีมทีมนี้ การสร้างแรงบันดาลใจ สร้างคอมมูนิตี้ของคนรักฟุตบอลให้มาเจอกัน ถึงแม้ว่ามันจะมีปัญหาส่วนตัวอะไรเราก็ต้องนึกถึงส่วนรวมหรือทุกคนก่อนเสมอ ต่อให้วันหนึ่งไม่มีผมแล้วสโมสรแห่งนี้ก็จะขับเคลื่อนกันต่อได้ด้วยตัวเอง”

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo07.jpg

ผลงานทีมดีขึ้นมากๆ ถึงขั้นมีลุ้นเลื่อนชั้น 

“มันก็คงจะเจ็บปวดนะถ้าเราเต็มที่กับมันสุดๆ แล้วในทีมไม่มีใครเต็มที่กับเราด้วย แต่บอกก่อนนะว่าผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องผลการแข่งขันอยู่แล้ว คือถ้าเพื่อนๆ เราใจไม่สู้ สมมุติว่าได้เงิน 50% ก็เล่น 50% ได้เพิ่มก็ตั้งใจขึ้นมาอีกหน่อย ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วผมมีสิทธิ์ไม่ 100% บ้างได้ไหม ดังนั้นเรื่องจะเลื่อนชั้นหรือไม่สำหรับ่ผมคือเรื่องรอง เรื่องหลักคือจะทำยังไงให้คนในทีมทุกคนมีรายได้ไปดูแลครอบครัว ส่วนเรื่องในสนามก็มาทำเต็มที่ 100% ไปด้วยกัน ถ้าผมเต็มที่แต่คุณไม่เต็มที่มันก็ทำงานด้วยกันลำบาก ไปไม่ถึงเป้าหมายแน่ๆ”  

คำตอบที่โตโน่ตอบมาอาจจะยังอยู่ในช่วงกลางๆ เพราะฤดูกาลนี้ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ไม่แปลกที่จะต้องเผื่อใจกันไว้ด้วย แต่ผมก็สงสัยอยู่ดีว่า ถ้าเลื่อนชั้นขึ้นมาจริงๆ เขาจะยังอยากทำต่อไหม 

“คำตอบเหมือนเดิมคือ การที่ผมจะอยู่ต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนเต็มที่ขนาดไหน แฟนบอลเป็นยังไง พอเห็นว่าเราแพ้จะหายไปไหม จะมาเฉพาะช่วงที่เราฟอร์มดีหรือเปล่า ในความเห็นผมการจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสเราต้องอยู่ด้วยกันในทุกๆ ช่วงเวลา ลำบากก็สู้ไปพร้อมกัน แพ้เราก็มาเสียใจและแก้ไขไปด้วยกัน แล้วถ้าวันหนึ่งมันสำเร็จเราก็มายินดีมีความสุขไปด้วยกัน” 

อีกคำตอบของเขาที่ผมรู้สึกประทับใจมากคือ เขาเองเชื่อว่าทุกวันนี้ที่คนเข้ามาเชียร์ทีมไม่ใช่เพราะเขา แต่เป็นเพราะเห็นในความใจสู้ของสโมสรแห่งนี้ที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน 

“ผมเชื่อว่าที่คนมาเชียร์กันเยอะไม่ใช่เพราะประธานเป็นโตโน่ เพราะไม่งั้นเอาดาราคนไหนมาเป็นประธานก็ได้ ผมคิดว่าเขาเข้ามาเพราะรู้สึกได้ว่าทีมนี้สู้ สมมุติลองเป็นโตโน่เวอร์ชันที่ไม่เอาอะไร แค่เข้ามาเอาหน้า ไม่ทุ่มเทใจไปกับมัน ผมคิดว่าคนเขาก็ดูออก แต่ตอนนี้ที่เขามาเพราะรู้ว่านักเตะทีมนี้กำลังลำบากแต่ก็ยังสู้ มันก็สะท้อนอะไรบางอย่างเหมือนกันนะ มันอาจจะสร้างกำลังใจดีๆ ให้คนที่รักฟุตบอลหลายๆ คน แล้วถ้าเป็นแบบนี้เราก็อาจสร้างสังคมฟุตบอลที่มันยั่งยืนได้”

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo08.jpg

พลังแห่งการช่วยเหลือทั้งจากคนใกล้ตัวและคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน 

ผมได้ดูคลิป Vlog ล่าสุดในช่อง One Man Team ที่พูดถึงสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี ได้เห็นว่าช่วงหนึ่ง โตโน่ พูดขอบคุณคนที่ชื่อ ‘พี่ควีน’ ซึ่งมาช่วยดูแลหญ้าให้สนามเหย้าของทีม เลยอยากรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับการที่ทุกคนพร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ 

“ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากๆ เลยนะที่ทุกคนเข้ามาช่วยเหลือกัน อย่างตอนนี้ก็มีเรื่องของการประกวดมาสคอตที่หลายคณะเขาก็มาแข่งกันออกแบบเพื่อให้มันเกิดสิ่งที่เรายังไม่มีและมันจะดีขึ้น ผมก็ตั้งตารอเลย แล้วก็มีเตรียมเงินรางวัลไว้ให้ด้วย เช่นเดียวกันกับน้องๆ เชียร์ลีดเดอร์ที่เข้ามาช่วยนำเชียร์ในแต่ละนัด”  

แล้วคนใกล้ตัวเขาล่ะมีใครที่ซัพพอร์ตบ้าง ผมถามต่อ 

“นัดเจอมหาสารคามมากันเยอะเลย ทั้งณิชา, ลำเพลิน วงศกร, พี่บอย ท่าพระจันทร์ ซึ่งพอมากันแล้วก็แพ้เลย (หัวเราะ) ล้อเล่นนะครับ จริงๆ แล้วผมรู้สึกขอบคุณทุกคนมากๆ มันมีความหมายกับทุกคนมากทั้งนักฟุตบอล แฟนบอล รวมไปถึงวงการฟุตบอลไทยเลยนะ เพราะถ้าทุกคนช่วยกันยังไงมันก็ต้องดีขึ้น ผมไม่ใช่คนที่เก่งทุกเรื่อง ทำมีเดียไม่เป็น ก็ได้เพื่อนจากแบรนด์ Joma (แบรนด์เสื้อแข่งสโมสร) มาช่วยทำให้ หรืออย่างพี่เมษ์ (ผู้จัดการส่วนตัว) ก็ไม่เคยต้องมาดูแลนักฟุตบอล ปกติรับแต่งานวงการบันเทิง เดี๋ยวนี้ผู้จัดการต้องมาดูโปรไฟล์นักฟุตบอล มาบอกผมว่า “โน่ ที่เกาหลีเขาส่งนักเตะมา กูก็ดูไม่รู้เรื่องอ่ะ” (หัวเราะ) ผมก็ต้องส่งไปให้พี่ใหม่ (สันติ ไชยเผือก-หัวหน้าผู้ฝึกสอนเกษตรศาสตร์ เอฟซี) ดูเพื่อตัดสินใจ” 

“สำคัญที่สุดต้องไม่มีใครได้ผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะผมไม่เอาผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น ดังนั้นคนที่ผมพาเข้ามาก็ต้องเป็นเหมือนกัน อย่างตอนแรกที่ผมเข้ามาแล้วเห็นว่านักฟุตบอลได้เงินเดือนน้อยเพราะโดนหักแต่ทำไมฝ่ายอื่นยังได้เงินเต็ม ในเมื่อเราคือเกษตรศาสตร์ เอฟซีเหมือนกัน เราก็ขอความร่วมมือว่าช่วยกันหน่อยนะซึ่งทุกคนก็เต็มใจ เพราะเขาเข้าใจว่าเราทำเพื่อทุกคน ไม่ได้เอามาเข้ากระเป๋าเราเลย พอเราทำให้เห็นว่าจริงใจจริงๆ ทุกคนก็อินไปด้วยกัน”

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo09.jpg

ปลายทางของ ‘โตโน่’ กับ ‘เกษตรศาสตร์ เอฟซี’ 

“ในตอนนี้ช่วงระยะสั้นผมว่าเราทำได้ดีแล้วนะ ทำมันได้ดีมากด้วย นักฟุตบอลเริ่มอยู่ได้ พอมีเงินมาดูแลครอบครัว มีแฟนบอลเข้ามาดูมาเชียร์กันมากขึ้น ส่วนช่วงระยะกลางตอนนี้ไปจนถึงเลกสองผมก็อยากสร้างความมั่นคงให้ทีมนี้มากขึ้น อย่างคนที่จะเข้ามาทำต่อจากผมก็อยากให้เขาเสียสละให้ทีมนี้ได้เหมือนกัน ณ ตอนนี้พอทุกอย่างมันดีขึ้นก็อยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป อย่าย้อนกลับมาเหมือนวันที่มีปัญหาแค่นั้นพอ” 

นี่คือปลายทางของโตโน่ที่มองไว้กับการทำหน้าที่รักษาการประธานสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ ผมถามต่อไปว่าอยากขอบคุณอะไรหรือใครบ้างที่มีส่วนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ 

“ขอบคุณทุกคนมากเลยจริงๆ ผมอยากฝากถึงทุกคนที่รักฟุตบอลไทย แฟนบอลทุกคนที่ได้อ่านสัมภาษณ์นี้ว่าเส้นทางมันยังอีกยาวไกลนะครับ มันไม่ใช่หนังที่เรารู้ตอนจบว่ามันจะจบแบบไหน สิ่งที่เราทำได้คือการทำให้ดีที่สุดทั้งในและนอกสนาม มันจะยั่งยืนและดีขึ้นได้ไหมทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ข่าววันนี้บอกว่าดีขึ้นซึ่งก็ดีขึ้นจริงๆ แต่เรายังต้องทำงานหนักกันต่อไป พัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก แล้วในเมื่อเรามีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์ด้วยกัน จากทีมที่เกือบจะโดนยุบก็มีลุ้นเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แม้เราจะไม่รู้ตอนจบว่าจะไปถึงเป้าไหม อาจจะตายตอนจบก็ได้ แต่เชื่อว่าถ้าผมยังอยู่ในตำแหน่งนี้ทุกอย่างจะต้องชัดเจน เช่น เราแพ้เพราะอะไร ไม่สำเร็จเพราะอะไร เลือดเกษตรทุกคนต้องก้าวไปพร้อมกันครับ”

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo10.jpg

ช่วงท้ายของการพูดคุยก่อนที่โตโน่ต้องไปซ้อมต่อผมเห็นกับตาว่าบรรยากาศในสนามอินทรีจันทรสถิตย์เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ทั้งมาออกกำลังกายบ้าง มาดูทีมซ้อมบ้างเลยอยากรู้ว่าคนเยอะแบบนี้ตลอดไหม   

“มีนะ มีเยอะเลย ซึ่งก็เป็นกำลังใจของนักฟุตบอลนะ เพราะสาวๆ ที่นี่ก็สวย (หัวเราะ) อย่าง จักรพันธ์ พรใส เขาก็กระชุ่มกระชวยขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์เพราะอาจทำให้ชีวิตเขาลำบาก แต่มันก็เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของเขา (หัวเราะ)”

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo11.jpg

ยิงฟรีคิกเข้า = เสื้อหมด และสเปอร์ทีมรักในฤดูกาลนี้ 

ก่อนจะส่งโตโน่ไปซ้อมอีกเรื่องที่ไม่คุยไม่ได้คือ ฟรีคิกสุดสวยที่โตโน่ยิงใส่ทีมชาติไทยชุด U23 ต่อหน้าต่อตามาซาทาดะ อิชิอิ ซึ่งเขาบอกว่าไม่คิดว่ามันจะเข้า พร้อมพูดถึงผลงานของสเปอร์ ทีมรักของเขาในปีนี้ 

“ผมว่ามันโชคดี เพราะทุกคนคงคิดว่าผมจะเปิดไปเสาสอง แต่พอเห็นว่ามันน่าจะยิงได้ก็เลยลองซะหน่อย ถ้าไม่เข้าก็ไม่เสียอะไรอยู่แล้วนี่ แต่ถ้าเข้าขึ้นมาเสื้อทีมมันคงจะขายได้ดีขึ้นไง (หัวเราะ) จริงๆ ตอนยิงเข้าไป็ได้ก็ดีใจนะ แต่สมองผมมันรับไม่ทัน เพราะนี่มันลูกแรกในอาชีพนักฟุตบอลกูเลยนะ แล้วยิงทีมชาติด้วย (หัวเราะ)”   

“จริงๆ ในคลิปที่เห็นกันมันตัดไปก่อนด้วยนะ เพราะพอดีใจแท็กมือเพื่อนเสร็จคิดว่าอิชิอิเขากลับไปแล้ว ก็เลยตะโกนแซวเล่นๆ ไปว่า “อิชิอิอยู่ไหม ดูๆ ดูนี่ พอจะติดทีมชาติได้ไหมครับ จดชื่อผมไว้นะ” แล้วพอจบแมตช์เขาก็มาหา บอกว่าฟรีคิกที่ยิงเข้าสวยมากเลยนะ แต่เขาตอบจริงจังเลยว่า “คุณยิงฟรีคิกสวยจริง แต่ใน 20 นาทีที่ลงไปเนี่ยคุณได้บอลน้อยเกินไป ได้บอลแค่ 5 ครั้ง คุณไม่สามารถติดทีมชาติได้นะ” (หัวเราะ)” 

“ส่วนสเปอร์ปีนี้เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย ปีนี้เล่นบอลพร้อมที่จะชนะได้ทุกทีม แล้วก็พร้อมจะแพ้ได้ทุกทีม ชอบนะเพราะมันไม่น่าเบื่อ ปัญหาทีมปีนี้อาจจะอยู่ที่เรื่องนักเตะเจ็บเยอะด้วย อย่างกองหน้าเจ็บก็ยิงกันไม่ค่อยได้ แต่สุดท้ายแล้วเราก็เปลี่ยนทีมเชียร์ไม่ได้อยู่แล้ว มันจะแย่ขนาดไหนก็ต้องรักต่อไป แล้วก็มีความสุขมากๆ ที่ได้ไปดู มันเหมือนความฝันเรา ยิ่งได้ไปดูโครงสร้างการทำงานของเขาตอนไปเยี่ยม Stadium Tour ด้วย เพราะก็อยากเอามาปรับใช้กับทีนี่ด้วยนี่แหละว่าเราจะพัฒนาอะไรตรงไหนได้บ้าง

Tono-Phakhin-Kasetsart-FC-interview-SPACEBAR-Photo12.jpg

ตลอดการสนทนาครั้งนี้ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทั้งที่เขาไม่มีความรู้ในเรื่องนี้มาก่อนถึงสามารถพลิกสถานการณ์ของทีมเกษตรศาสตร์ เอฟซี สโมสรที่อาจจะต้องยุบทีมลงไปแล้วด้วยซ้ำเพราะขาดสภาพคล่องให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งทั้งนักฟุตบอลและแฟนบอล แววตาของโตโน่ที่ผมเห็นไม่ใช่แค่แววตาแห่งความมุ่งมั่นในตำแหน่งรักษาการประธานสโมสร เขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีแต่ความจริงใจและตั้งใจที่อยากจะเห็นเพื่อนๆ ในทีมทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างปกติสุข เขาพร้อมจะเสียสละทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีรายได้กลับมาแม้แต่บาทเดียว นี่คงเป็นอะไรที่บ่งบอกได้ว่า ‘ถ้าเราทำอะไรสักอย่างด้วยใจรักและตั้งใจกับมันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์