เมื่อพูดถึงวงการเพลง หรือวงการไอดอลญี่ปุ่น บรรดาแฟนเพลงที่อยู่ต่างประเทศต่างรู้กันดีและคุ้นชินกับคำว่า ‘เกาะทำ เกาะใช้’ กับภาพลักษณ์ของวงการที่มุ่งเน้นแต่แฟน ๆ ในประเทศ และบ่อยครั้งกลายเป็นปล่อยแฟน ๆ ทั่วโลกลอยแพ ถ้าอยากจะมารับชมศิลปินที่ตัวเองชอบ แฟนคลับเหล่านั้นก็ต้องขวนขวายกันเอาเอง แต่กลับกันกับศิลปิน J-Pop กลุ่มนี้ที่พังทลายกำแพงกั้นระหว่างประเทศเสียจนหมดสิ้น ตั้งแต่เพลงที่มีเนื้อร้องภาษาอังกฤษ จนถึงการเป็นศิลปิน J-Pop กลุ่มแรกที่สามารถบุกทลายชาร์ต Billboard Global Top 5 ได้ตั้งแต่เพลงเดบิวต์
Travis Japan กลุ่มบอยแบนด์จากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 7 คน ได้แก่ ชากะ (Chaka), โนเอล (Noel), ชิสึ (Shizu), ชิเมะ (Shime), อูมิ (Umi), มาชู (Machu) และ เก็นตะ (Genta) โดยชื่อวงนั้นตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักออกแบบท่าเต้นชาวอเมริกัน ‘‘Travis Payne’ (ผู้เคยร่วมงานกับเหล่าศิลปินระดับโลกอย่าง Lady Gaga และ Michael Jackson ฯลฯ) ที่หนุ่ม ๆ เคยร่วมงานด้วยตั้งแต่ปี 2012
Travis Japan เป็นวงที่ได้รับการยกย่องถึงการแสดงอันน่าหลงไหล โดยเฉพาะการเต้นที่พร้อมเพรียงของสมาชิกทั้ง 7 จนผู้ชมไม่อาจละสายตาไปไหน ซึ่งได้เป็นที่พิสูจน์แล้วในรายการยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง America’s Got Talent ที่เรียกว่าตกแฟนคลับหน้าใหม่ไปได้อย่างล้นหลาม
และแล้วครั้งนี้ก็ถึงเวลาที่บอยแบนด์กลุ่มนี้ได้มาเยือนประเทศไทยเนื่องในงานโชว์เคส ‘Travis Japan: Road to Thailand’ และเราเองก็มีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขา บทสัมภาษณ์ครั้งนี้จะมีเรื่องราวแบบไหน เชิญอ่านกันได้เลย
นิยามความเป็น Travis Japan คืออะไร ?
ชิสึ (Shizu): ถ้าให้พูดถึง Travis Japan คงต้องนึกถึงสไตล์การเต้นที่โดดเด่นเป็นอย่างแรกเลยครับ เพราะมีท่วงท่าที่เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ช่วงหลังมานี้ทุกคนจึงพยายามร้องเพลงให้ดีขึ้นครับ (หัวเราะ) แล้วก็กรุ๊ปของเราอยู่กันเหมือนครอบครัว เพราะฉะนั้น เชื่อว่าถ้าแฟน ๆ ได้มาดูผลงานของ Travis Japan ทุกคนก็จะรู้สึกได้ว่าสนิทกับเรามากขึ้นแน่ ๆ ครับ
รู้สึกอย่างไรบ้างที่เป็นศิลปิน J-Pop กลุ่มแรกที่สามารถบุกชาร์ต Billboard Global Top 5 ได้
เก็นตะ (Genta): รู้สึกดีใจมากๆ ครับที่ได้ติด Top Chart ระดับโลกแบบนี้ แต่ทั้งนี้มันก็ไม่ใช่ผลงานของ TRAVIS JAPAN ฝ่ายเดียวนะครับ ต้องยกความดีความชอบให้แฟนๆ ด้วยที่คอยช่วยเหลือกันมา หลังจากนี้ไปก็ยังอยากให้แฟนๆ ช่วยสนับสนุนและติดตามพวกเราต่อไปเรื่อยๆ นะครับ และหวังว่าในที่สุด เราจะไปถึงในระดับที่สูงกว่านี้ครับ
ทุกคนฝึกฝนกันมากว่า 10 ปีแล้ว อะไรเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด
ชิสึ (Shizu): ก็อย่างที่ทราบกันครับว่าวงเราเป็นวงที่ฝึกฝนกันมานาน จนกระทั่งวันที่ 8 เดือน 8 ปี 2019 ทางค่ายได้มีการจัดคอนเสิร์ตรวมที่มีหลาย ๆ วงมาร่วม ซึ่งวันนั้นมีวงที่ชื่อว่า Snow Man ได้ประกาศเดบิวต์ในคอนเสิร์ตครั้งนั้นครับ ทั้ง ๆ ที่เราก็เป็นเด็กฝึกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่วงนี้กลับได้ประกาศเดบิวต์ในวันนั้น โดยพวกเรา [Travis Japan] ยังไม่ถูกประกาศ พอหลังจบงานทุก ๆ คนก็ปล่อยโฮเลยครับ มีแต่ความรู้สึกที่ว่า นี่เรายังพยายามกันไม่พอเหรอ แต่อีกใจหนึ่งก็แอบคับแค้นใจครับ (หัวเราะ) ที่พวกเรายังไม่ได้เดบิวต์สักที ความแค้นนั้นก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกที่ว่า พวกเราต้องพยายามให้มากขึ้นไปอีก!
มาชู (Machu): แล้วก็การที่ได้ไปฝึกฝนที่อเมริกาเป็นเวลา 7 เดือนก่อนที่จะเดบิวต์ จริงๆ ตอนที่ไปทางค่ายไม่ได้กำหนดว่ามันจะยาวนานแค่ไหน แค่ว่าพวกเราจะต้องมี result หรืออะไรกลับมาเป็นผลงาน พวกเราทั้ง 7 คนเลยต้องพิสูจน์ตัวเอง พยายามทำผลงานร่วมกัน เป็นช่วงที่ทุกคนตั้งใจกับการซ้อมและการโชว์เป็นอย่างมาก คิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ก็ยากลำบากสำหรับทุก ๆ คนเลยครับ
ทางวงเคยได้ร่วมงานกับผู้มีอิทธิพลในวงการเพลง อย่างโปรดิวเซอร์ Poo Bear ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินระดับโลก และนักออกแบบท่าเต้นอย่าง Travis Payne ที่เคยทํางานร่วมกับเหล่าซูเปอร์สตาร์แห่งวงการเพลงป๊อป อาทิ Michael Jackson ช่วยแชร์โมเมนต์การทํางานกับบุคคลเหล่านี้ให้ฟังหน่อย
ชิเมะ (Shime): ส่วนใหญ่เวลาทำเพลงนักร้องกับโปรดิวเซอร์เขาจะแยกกันอยู่ เป็นห้องอัดกับห้องคอนโทรล แต่พอทำงานกับคุณ Poo Bear เขาก็รู้สึกว่ามันดูห่างไกลกัน ไม่ใกล้ชิดเอาซะเลย จึงให้เราไปร้องข้างๆ แบบ 1:1 เลยครับ ระหว่างทำงานเลยรู้สึกว่าสนิทสนมมากๆ และเป็นกันเองแบบสุดๆ คุณ Poo Bear เป็นคนที่ใส่ใจในการทำงานมากๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีประสบการณ์หนึ่งเลยครับ
เก็นตะ (Genta): ช่วงที่ได้ทำงานกับ Travis Payne คือช่วงเพลง Moving Pieces ครับ โดยมีเขาเป็นคนออกแบบท่าเต้นให้ ส่วนการเรียนจะเป็นการเรียนแบบออนไลน์ เป็นการเรียนที่ใกล้ชิดและอบอุ่นมากๆ ครับ ทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง Travis Japan เป็นลูกๆ โดยมีคุณ Travis Payne เป็นคุณพ่อ เป็นช่วงการทำงานที่สนุกสนานมากๆ ครับ และตอนที่คุณ Travis Payne มีโอกาสได้บินมาญี่ปุ่น เขาก็พาพวกเราไปเลี้ยงข้าวครับ ในอนาคตหลังจากนี้ก็หวังว่าจะได้ออกผลงานดีๆ อีกมากมายจนกลายเป็น Big Star แล้วสักวันจะกลับไปเลี้ยงข้าว Travis Payne ครับ
ทราบมาว่าพวกคุณมีทัวร์คอนเสิร์ต “Travis Japan Concert Tour 2024 Road to Authenticity” เป็นอย่างไรบ้าง
มาชู (Machu): ครั้งนี้เป็นการทัวร์คอนเสิร์ตที่ใช้เพลงจากอัลบั้ม Road to A ซึ่งเป็นอัลบั้มใหม่ทั้งหมดครับ โดยงานนี้มีโนเอล (Noel) พี่ใหญ่ของวงมาเป็นโปรดิวเซอร์หลัก เรื่อง Setlist ของคอนเสิร์ตนี้ก็ได้เคาะกันตั้งแต่มีตติ้งครั้งแรกแล้ว แน่นอนว่าโนเอล (Noel) เป็นคนคอยจัดการดูแลความเรียบร้อยต่าง ๆ และในคอนเสิร์ตมีการรันซ้อมถึง 20 ครั้งเลยครับ ซึ่งปกติในการซ้อมคอนเสิร์ตส่วนมากเขาจะไม่รันกันเยอะขนาดนี้ แต่มันก็มีข้อดีนะครับ เพราะพอรันบ่อยๆ ทุกคนก็จะชินไปเอง พอวันจริงก็จะไม่ตื่นเวทีหรือแพนิค และทุกๆ ครั้งที่ซ้อมก็เหมือนได้พัฒนาตัวเองไปด้วย เลยอยากให้ทุกคนได้มาดูคอนเสิร์ตครั้งนี้กันเยอะ ๆ ครับ
รู้สึกยังไงที่ได้จัดโชว์เคส Travis Japan: Road to Thailand ครั้งแรกในประเทศไทย
มาชู (Machu): ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเรา TRAVIS JAPAN ได้เดินทางมาไทยในฐานะศิลปินกลุ่ม รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เจอแฟนๆ ชาวไทยที่งานโชว์เคสเมื่อวันก่อน จริงๆ ก็ทราบแหละครับว่าที่ผ่านมาก็มีแฟนคลับคนไทยหลายๆ คนที่บินไปดูคอนเสิร์ตถึงที่ญี่ปุ่น ครั้งนี้พวกเรามาหาถึงไทยแล้วนะครับ! หวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้จัดคอนเสิร์ตที่ไทย จะได้กลับมาหาแฟนๆ อีกรอบ ในระหว่างนั้นพวกผมก็จะพยายามพัฒนาตัวเองและโชว์เพื่อที่จะได้มีโอกาสมาโชว์ที่ประเทศไทย หวังว่าทุกคนจะรอจนถึงตอนนั้นนะครับ
