14 กุมภาฯ นับว่าเป็นวันที่ทุกพื้นที่ทั่วโลกกลายเป็นสีชมพูอมแดงพร้อมใจกันจัดพื้นที่ฉลองวันแห่งความรัก เชิดชูความรักที่บริสุทธิ์ของ ‘เซนต์วาเลนไทน์’ หรือ ‘วาเลนตินุส’ (St. Valentine, Valentinus)
เซนต์วาเลนไทน์ถูกสั่งประหารโดยการตัดศีรษะเนื่องจากตกหลุมรักสาวตาบอด ‘จูเลีย’ และได้อ้อนวอนพระเจ้าขอให้เธอกลับมามองเห็นอีกครั้ง ครั้นเมื่อดวงตาของจูเลียกลับมามองเห็นโลกอันกว้างใหญ่ก็ทำให้ทุกสารทิศที่ได้ยินข่าวนี้เกิดความเลื่อมใสในพระเจ้าหากแต่ในสมัยนั้นการนับถือพระเจ้าถือเป็นความผิดร้ายแรง เซนต์วาเลนไทน์จึงถูกลงโทษ แต่ด้วยความรักที่เขามีให้กับจูเลียก่อนที่จะถูกประหารเซนต์วาเลนไทน์ได้เขียนจนหมายถึงหญิงคนรักลงท้ายด้วยคำว่า ‘From Your Valentine’ และถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คริสตศักราช 269 จึงกลายมาเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักแสนบริสุทธิ์ (อ่านเรื่องราวของเซนต์วาเลนไทน์)
วันเวลาผ่านล่วงเลยมาหลายพันปีเข้าสู่วันวาเลนไทน์ของปี 2025 กาลเวลาแปรเปลี่ยนทำให้มุมมองความรักและวันวาเลนไทน์ในแต่ละยุคสมัยก็แปรผันไปตามกัน ในปีนี้ Spacebar VIBE ได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามถึงมุมมองของความรักและวันวาเลนไทน์ของคนทั้งสี่วัยที่แตกต่างกัน เริ่มตั้งแต่วัยเรียนชั้นมัธยมศึกษาไปจนถึงวัยเรียนชั้นอุดมศึกษาหรือนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย วัยทำงาน Gen Y ที่ผ่านชีวิตการทำงานมาหลายปีและ Gen Z ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยทำงาน รวมถึงวัยผู้ใหญ่ในฐานะพ่อแม่ของเด็กรุ่นใหม่ ในแต่ละวัยต่างก็มีมุมมองความรักที่ต่างกัน และนี่คือมุมมองความรักของแต่ละวัย
มุมมองความรักและวันวาเลนไทน์ของน้องๆ วัยมัธยมฯ
จากภาพที่แสดงฝั่งซ้ายคือน้องปันปัน (@pqnxintosep) และฝั่งขวาคือน้องลิตา (@litota_lita) สองสาววัยมัธยมศึกษาที่มีมุมมองความรักในรูปแบบของลูกที่มีต่อพ่อแม่ น้องๆ บอกกับเราว่าวันวาเลนไทน์เป็นการแสดงความรักต่อกันไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม แต่วันวาเลนไทน์ก็เป็นอีกวันที่พิเศษสำหรับทั้งสอง
ในเรื่องของความทรงจำในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เป็นเพราะยังเป็นเพียงแค่วัยรุ่นที่กำลังเติบโต ความทรงจำในวันวาเลนไทน์ของน้องๆ จึงเป็นเพียงวันที่จะมีเพื่อนๆ เอาสติกเกอร์รูปหัวใจมาแลกกันแปะตามเสื้อผ้าเท่านั้น
เมื่อถามถึงความสำคัญในมุมมองของน้องๆ เอง ทั้งสองบอกกับเราว่ามันก็เป็นวันที่พิเศษวันหนึ่งที่ผู้คนจะสามารถแสดงความรักต่อกันมากกว่าวันปกติ ไม่ว่าจะกับใครก็ตามทั้งพ่อแม่ เพื่อน พี่น้อง หรือคนรัก แต่ถ้าหากต้องการจะแสดงความรักกันควรทำทุกวันไม่ใช่แค่ทำเฉพาะวันวาเลนไทน์ที่มีเพียงปีละครั้ง
สุดท้ายน้องๆ ได้ฝากความรักมาถึงคุณพ่อและคุณแม่ของทั้งคู่ด้วย โดยน้องลิตาได้บอกว่า “ปะป๊าหม่าม้ารักนะคะ” และน้องปันปัน ได้บอกว่า “รักพ่อแม่นะคะ ขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตเสมอมาค่ะ”
มุมมองความรักและวันวาเลนไทน์ของวัยอุดมศึกษา
ขยับช่วงวัยขึ้นมาอีกนิด เราได้มีโอกาสคุยกับน้องน้ำขิงถึงมุมมองความรักของคนในวัยที่กำลังเรียนในชั้นอุดมศึกษาหรือระดับมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นวัยที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และเป็นช่วงวัยสุดท้ายก่อนที่จะต้องก้าวออกมาใช้ชีวิตจริงๆ นอกห้องเรียน
น้องน้ำขิงได้บอกกับเราว่าวันวาเลนไทน์อาจจะเป็นวันสำคัญของคนที่มีคู่ สำหรับน้องน้ำขิงเองที่มองเห็นหลายๆ คนแสดงความรักต่อกันก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่พิเศษเช่นกัน ในวันวาเลนไทน์หลายๆ ปีที่ผ่านมาถึงจะไม่มีใครแต่่น้องน้ำขิงมีเพื่อนๆ ที่ยังคงมอบความรักและมิตรภาพให้กัน มีสติกเกอร์ที่เป็นสัญลักษณ์ยอดฮิตของวันวาเลนไทน์มอบให้กัน มีดอกไม้ มีขนมมาแลกกัน
ในเรื่องของมุมมองเกี่ยวกับความสำคัญของวันวาเลนไทน์ในปัจจุบันน้องน้ำขิงบอกเราว่ามันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่สำหรับน้องน้ำขิงแล้วมันก็สำคัญเพราะหนึ่งปีมันมีแค่หนึ่งครั้ง ถึงแม้ว่าวันวาเลนไทน์จะสำคัญขนาดไหนแต่การแสดงความรักก็สามารถบอกกันได้ทุกวันไม่จำเป็นต้องรอปีละครั้งในวันวาเลนไทน์
ก่อนจากกันน้องน้ำขิงได้ฝากช่องทางของเราให้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่จะได้บอกรักพี่สาวและคุณพ่อคุณแม่ด้วยว่า “รักพ่อแม่และพี่สาวมากนะคะ ขอบคุณที่คอยสนับสนุนหนูทุกอย่างเลยในทุกช่วงที่ผ่านมาค่ะ”
มุมมองความรักและวันวาเลนไทน์ของวัยเพิ่งเริ่มต้นทำงาน
ขยับจากวัยอุดมศึกษามาที่วัยทำงานกับสองวัยรุ่นที่เพิ่งเรียนจบมาได้ไม่นานอย่าง น้องมาร์ค (@lxndmark.k) และน้องแบม (@bxmm_sptr) กันบ้าง น้องๆ ทั้งสองได้ให้มุมมองในวันวาเลนไทน์ไว้ว่าเป็นวันพิเศษสำหรับคนที่มีแฟนและไม่มีแฟน เป็นวันที่ใช้แสดงความรักในรูปแบบต่างๆ ได้
สำหรับวันวาเลนไทน์ในอดีตของน้องๆ ทั้งสองมีความทรงจำมากมายแต่ในความทรงจำส่วนมากคงเป็นช่วงสมัยเรียนที่มีกิจกรรมยอดฮิตคือการแปะสติกเกอร์รูปหัวใจและแลกขนมกัน ส่วนความสำคัญของวันวาเลนไทน์ในปัจจุบันทั้งสองคนมองว่ามันอาจจะเป็นวันที่ทำให้เรารู้สึกนึกถึงคนที่เรารักมากกว่าวันปกติ แต่ความรักที่มีก็รักเหมือนเดิมทุกวัน
ในเรื่องของการแสดงความรักกันทั้งสองได้บอกเราว่าจริงๆ แล้วควรจะแสดงความรักต่อกันทุกวัน ทำให้คนที่เรารักได้รับรู้ว่าเรารักเขา แต่วันวาเลนไทน์ก็อาจจะเป็นอีกวันที่บอกรักกันมากเป็นพิเศษ เช่น การโพสต์แสดงความรักในสตอรี่ไอจี ถึงแม้ว่าในวันปกติเราจะไม่ได้แสดงความรักให้ใครเห็นแต่ในวันวาเลนไทน์ก็ถือเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้โพสต์รูปคู่กันทำให้มันเป็นวันพิเศษอีกหนึ่งวัน
มุมมองความรักและวันวาเลนไทน์ของวัยทำงาน
ขยับจากน้องๆ จบใหม่มาเป็นวัยทำงานเต็มตัวกันบ้างกับ คุณกิ๊บ ที่ปัจจุบันพักอาศัยด้วยกันกับแฟน แน่นอนว่าการพบหน้ากันทุกวันทำให้การแสดงความรักต่อกันสามารถทำได้มากเท่าที่ต้องการ โดยมุมมองวันวาเลนไทน์ของวัยทำงานแบบเธอ เธอมองว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก เพราะอยู่บ้านเดียวกันเลยไม่จำเป็นต้องรอวันวาเลนไทน์ แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในวัยมัธยมฯ ที่เป็นวัยปั๊ปปี้เลิฟก็อาจจะมองว่ามันสำคัญ
พอโตขึ้นประสบการณ์ในวันวาเลนไทน์กลับแทบจะไม่มี แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในวัยที่ยังเรียนก็อาจจะมีเอาดอกไม้ ช็อกโกแลตไปแอบให้รุ่นพี่ มอบให้แล้วก็วิ่งหนี มีการติดสติกเกอร์ให้คนที่แอบชอบหรือให้เพื่อนกันเอง เป็นอีกหนึ่งสีสันวันวาเลนไทน์ที่สนุกจนยังจดจำได้เสมอ
ส่วนตัวคุณกิ๊บมองว่าในตอนนี้วันวาเลนไทน์ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก มันอาจจะเป็นวันพิเศษขึ้นมานิดนึงแต่ก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายกว่าวันอื่นๆ และการแสดงความรักแค่ในวันวาเลนไทน์ก็อาจจะน้อยไปเมื่อเทียบกับสเกล 365 วัน จะมาบอกรักกันวันเดียวก็น้อยไป ความรักควรแสดงให้เห็นกันบ้าง อาจจะไม่ทุกวันแต่ขอให้แสดงให้เห็นว่ารักกันเสมอก็พอ
มุมมองความรักและวันวาเลนไทน์ของวัยคุณพ่อคุณแม่
มุมมองของวัยเรียนผ่านไป วัยทำงานผ่านไป มาสู่วัยคุณพ่อคุณแม่บ้าง เราได้มีโอกาสพูดคุยกับครูสอนโยคะคนสวย คุณตาล (@tarnbird.yoga) ผู้เป็นอีกหนึ่งคุณแม่ที่มอบทุกอย่างให้กับลูกน้อย
มุมมองในวันวาเลนไทน์ของคุณตาล เธอบอกกับเราว่าเป็นสมัยเด็กๆ ก็คงตื่นเต้นไปกับวันวาเลนไทน์ แต่พอโตขึ้นมันก็คือวันธรรมดาวันหนึ่ง ความทรงจำในวันวาเลนไทน์ในช่วงเด็กๆ คงนึกถึงดอกกุหลาบสีแดงกับสติกเกอร์หัวใจสีแดง
ในปัจจุบันวันวาเลนไทน์สำหรับน้องๆ วัยรุ่นก็คงสำคัญ แต่กับเธอเองที่มีครอบครัวแล้วมองว่ามันเป็นวันธรรมดาที่ไม่ได้สำคัญอะไรมากนักเพราะเรารักกันทุกวันอยู่แล้ว เธอยังบอกอีกว่าการแสดงความรักกันควรแสดงออกทุกวันเพราะมันสำคัญมากๆ สำหรับชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเป็นการกอด การหอม หรือแค่การถามสารทุกข์สุกดิบเล็กๆ น้อยๆ ก็นับว่าเป็นการแสดงความรักต่อกันแล้ว
ถ้าให้เลือกบอกรักได้หนึ่งคนคุณตาลเลือกที่จะบอกรักลูก เธอบอกว่าเพราะลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างของเรา เราจะรักเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่เรารักได้
