สมกับการรอคอย 20 ปี กับคอนเสิร์ตใหญ่ของวงลิปตาที่มีชื่อว่า "มาม่า Presents Lipta 20 ปี คอนใหญ่ไฟกะพริบ" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งต้องบอกเลยว่านี่เป็นคอนเสิร์ตที่คุ้มค่ากับการรอคอยมาก
เริ่มต้นด้วยการฉายภาพ VTR รวมภาพคอนเสิร์ตใหญ่ที่ผ่านมาของวง ก่อนจะนำเข้าสู่โชว์หลักด้วยกราฟิกบนจอสกรีนขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่เวทีทั้งหมด ประกอบกับแสง สี และพลุอย่างอลังการ การแสดงเริ่มต้นด้วยเพลง "แทนอารมณ์" ตามด้วยเพลงฮิตหลายเพลงอย่าง "ลองคุย" "กอดตัวเอง" "นี่ฉันเอง" "ปฏิเสธไม่ไหว" และ "ปฏิเสธอย่างไร" หลังจากทักทายแฟนๆ แล้ว พี่แทนและพี่คัตโตะได้เริ่มต้นด้วย อัลบั้มแรก LIPTA สามเพลงรวด แบบสดๆ ทั้ง "เธอเคยบ้างไหม?" "ถ้าฉันเปลี่ยนใจเธอได้" และ "Playgirl" เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก โดยเฉพาะ "Playgirl" ที่มีฉากหลังเป็นสวนดอกไม้และน้ำพุกลางป่าดาววิ๊บวั๊บ สร้างบรรยากาศที่สวยงามและโรแมนติกตามด้วยเพลงจากอัลบั้ม Can You See Me? อีกสามเพลงฮิตอย่าง "อ่อนแอ" ที่มาพร้อมฉากซีเปีย สร้างความรู้สึกถึงความอบอุ่นและโหยหาอดีต ต่อด้วย "ลมหายใจของเมื่อวาน" ที่มีฉากขาวดำ สื่อถึงอารมณ์ความเศร้าในท่ามกลางความรักครั้งก่อน และได้รับความอบอุ่นหัวใจมาในตอนท้าย และ "คนที่เจ็บกว่า" ที่ทำให้นึกถึงช่วงเวลาเมื่อครั้งที่เพลงเหล่านี้เพิ่งออกใหม่ๆ
คอนเสิร์ตครั้งนี้มีแขกรับเชิญมากมาย เริ่มจาก fellow fellow มาร่วมร้องเพลง "ใจอยากบอกรัก" และปิดท้ายด้วยเพลง "Proud" ของตัวเอง พอได้ยินแบบสดๆ ยิ่งรู้สึกว่าเพลงนี้มีพลังมากขึ้น ช่วงต่อมาเป็นช่วง "LIPTA B-SIDE & เพลงตามคำขอ" ให้แฟนๆ เลือกเพลงที่ไม่ค่อยได้ฟังภายใน 15 นาทีโดยมี แนตตี้และกุ๊กจากวง No One Else มาร่วมเล่นดนตรีบนมินิสเตจกลางฮอลล์ ได้ฟังเพลงอย่าง "ไม่ต้องกลัว" "เจ้าอ้วน" "เชื่อฉัน" และ "รอเธอเสียใจ" ซึ่งจังหวะฮาคือตอนที่พี่คัตลืมเนื้อเพลง "เชื่อฉัน" ทั้งๆ ที่เป็นเพลงของตัวเอง เล่นทำเอาแฟนๆ หัวเราะกันลั่น แต่ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองมากขึ้น โดยเป็นช่วงที่ให้แฟนเพลงได้มีส่วนร่วมไปกับคอนเสิร์ตในครั้งนี้อีกด้วย ซึ่ง่ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเพลงที่ร้องส่วนใหญ่นั้นเป็นเพลงที่ทางวงไม่ได้เตรียมตัวไว้เลย ทำเอาแฟนๆ มีความสุขกันทั้งฮอลล์
แขกรับเชิญคนที่สองคือ นนท์ ธนนท์ ที่เปิดตัวด้วยเพลง "คบแล้วห้ามเลิก" ในจังหวะแบบแจ๊ส แต่ก็มีช็อตฮาคือตอนที่มีการส่งคิวผิด ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนเป็นตลกขบขัน ทำให้เห็นว่านนท์ยังคงนิสัยขี้เล่น ขี้แซวเหมือนเดิม
ต่อมาเมื่อนนท์และพี่คัตร้องเพลง "ไม่ต้องขอโทษ" ร่วมกัน ประสานเสียงได้ไพเราะมาก ถือเป็นการร้องร่วมกันที่ลงตัวสุดๆ
ต่อกันด้วยแขกรับเชิญแบบวง ซึ่งรอบนี้มาเป็นรายการ ‘เสือร้องไห้’ ที่สร้างความบันเทิงด้วยการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะพี่เอ็ด 7 วิ ที่ปล่อยมุกเรื่อยเปื่อย และมีกิจกรรมแจกเงินหมื่นให้ผู้ชมที่ร่วมสนุก ส่วนแขกรับเชิญคนถัดไปคือ อิ้งค์ วรันธร ที่มาร้องเพลง "ไม่รู้เมื่อไหร่" และร้องเพลงร่วมกับพี่แทนในช่วงเมดเล่ย์รวมเพลงฮิตของหลายศิลปิน ต่อด้วย guncharlie ที่มาร่วมร้องเพลง "อยู่ได้แล้ว" กับพี่แทน โดยก่อนร้องเพลง พี่แทนได้เล่าถึงที่มาของเพลงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องจริงในชีวิตของเขากับคุณพ่อ เขาเล่าด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจและเข้าใจความหมายของเพลงนี้มากขึ้นมาอีก เมื่อเพลงเริ่มขึ้น พลังเสียงของพี่แทนและ guncharlie ผสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้เพลงนี้มีความหมายมากยิ่งขึ้น เป็นช่วงเวลาที่มีพลังและความหมายมากที่สุดในคอนเสิร์ต สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก และแขกรับเชิญคนสุดท้ายคือ โบว์ เมลดา ที่มาร้องเพลง "แฟนผมน่ารัก" และ "แนะนำให้เป็นแฟนเรา" และมีอิ้งค์ วรันธร มาร่วมแจมในเพลง "ไม่มีแฟนได้ไง" และ "ผ้าเช็ดหน้า"
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของคอนเสิร์ตนี้คือจอภาพขนาดใหญ่แบบพาโนรามาที่ครอบคลุมพื้นที่เวทีทั้งหมด ซึ่งต่างจากคอนเสิร์ตทั่วไปที่อิมแพคที่มักทำเป็น 3 จอแยกกัน โดยคอนเสิร์ตนี้มีการใช้จอภาพขนาดใหญ่แบบต่อเนื่องเป็นจอเดียว ทำให้ภาพกราฟิกสวยงามอลังการมาก โดยเฉพาะในเพลง "คำถามโง่ๆ" ที่มีภาพเกม Audition เป็นฉากหลัง ซึ่งชวนให้นึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก สำหรับช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ตถูกเติมเต็มด้วยเพลงฮิตที่ทุกคนรอคอย ทั้ง "ไปอยู่ที่ไหนมา" "แฟน" และ "ฝืน" พร้อมการแสดงแสงสีไฟกะพริบที่สวยงามอลังการที่สุดของคอนเสิร์ต ทำให้วัยรุ่นหลายคนลุกขึ้นเต้นอย่างสนุกสนาน
ช่วงที่ประทับใจที่สุดคือตอนที่พี่แทนเล่าถึงที่มาของเพลง "อยู่ได้แล้ว" ซึ่งเป็นเรื่องราวระหว่างเขากับพ่อ แม้จะรู้เรื่องราวมาบ้างแล้ว แต่การได้ฟังจากปากของพี่แทนโดยตรงก็ทำให้เพลงมีพลังและความหมายมากขึ้นกว่าการฟังเพลงอยู่ที่บ้านหลายเท่า และอีกช่วงหนึ่งที่ประทับใจคือตอนที่พี่แทนและพี่คัตโตะเดินลงไปจับมือทักทายแฟนๆ พร้อมร้องเพลง "ยังคงรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง" แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดและความจริงใจที่มีต่อแฟนเพลงมาตลอด 20 ปี
คอนเสิร์ต "Lipta 20 ปี คอนใหญ่ไฟกะพริบ" เป็นคอนเสิร์ตคุณภาพที่เต็มอิ่มไปด้วยเพลงของ Lipta ทั้งเพลงฮิตและเพลงที่ไม่ค่อยได้ฟังจากอัลบั้มเก่าๆ แขกรับเชิญทุกคนมีความน่าสนใจและสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ แสง สี ไฟ บนเวทีสวยงาม และจอเวทีที่เต็มพื้นที่ทำให้ดูยิ่งใหญ่ตระการตา จอภาพขนาดใหญ่และการออกแบบแสงสีของคอนเสิร์ตนี้ก็สวยงามมากมากโดยเฉพาะในเพลง "คำถามโง่ๆ" ที่มีภาพเกม Audition เป็นฉากหลัง ชวนให้นึกถึงความทรงจำในวัยรุ่นที่สุด
และสำคัญที่สุดคือพลังและความรักในดนตรีของพี่แทนและพี่คัตโตะที่ถ่ายทอดออกมาตลอดการแสดง 4 ชั่วโมงเต็ม ไม่มีช่วงไหนที่น่าเบื่อเลย การแสดงที่เต็มไปด้วยความทรงจำและความประทับใจ คอนเสิร์ตเริ่มต้นด้วยการย้อนรอยความสำเร็จของวงและเปิดตัวด้วยแสงสีอลังการ ก่อนที่จะพาแฟนเพลงไปร่วมร้องและฟังเพลงฮิตจากอัลบั้มแรกและหลายๆ อัลบั้มที่ตามมา ทั้งเพลงดังและเพลงหายากที่ไม่ค่อยได้ฟังบนเวทพวกเขาเล่นดนตรีและร้องเพลงด้วยความเต็มที่ ยิ้มแย้มตลอดทั้งโชว์ แสดงให้เห็นถึงความรักในสิ่งที่พวกเขาทำ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้วง Lipta สามารถยืนหยัดในวงการเพลงมาได้ยาวนานถึง 20 ปี จุดเด่นสำคัญคือช่วง "LIPTA B-SIDE & เพลงตามคำขอ" ที่พี่แทนและพี่คัตโตะได้โชว์เพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นให้แฟนเพลงได้ฟังกัน รวมถึงการเปิดเผยเบื้องหลังเพลง "อยู่ได้แล้ว" ที่ทำให้หลายคนรู้สึกสะเทือนใจ
ปิดท้ายด้วยเพลง "แค่รู้ว่ารัก" หลังจากที่พี่แทนและพี่คัตโตะได้พูดถึงความในใจตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คอนเสิร์ตจบด้วยเพลงฮิตท่ามกลางความตระการตาบนเวที เป็นการปิดท้ายที่อบอุ่นและประทับใจ ทำให้แฟนๆ กลับบ้านด้วยรอยยิ้มและความทรงจำดีๆ สะท้อนถึงความรักและความผูกพันระหว่างศิลปินและแฟนเพลงที่ยืนหยัดมานานถึง 20 ปีเต็ม
เรื่อง: กนกวรรณ หิรัญกวินกุล
