‘นี่คือการจากลาที่งดงามและเป็นหนึ่งในอนิเมะที่จะอยู่ในดวงใจของใครหลายคนไปตลอดกาล’
คำนิยามนี้น่าจะพอเป็นการสรุปภาพรวมทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ใน Attack On Titans Season 4 Part 3.2 พาร์ทสุดท้ายที่จะปิดฉากการเดินทางทั้งหมดตลอด 10 ปีของหนึ่งในการ์ตูนอนิเมะที่อยู่ในดวงใจของผู้ชมมากที่สุดอีกหนึ่ง จากปลายปากกาการวาดจาก อาจารย์ฮาจิเมะ อิซายามะ และสานต่อการเป็นภาพเคลื่อนไหวจากสตูดิโอ WIT และ MAPPA
เนื้อหาต่อไปนี้มีสปอยล์ !!
โดยเรื่องราวในซีซันส่งท้ายนี้เป็นการสรุปเรื่องราวการเดินทางของ เอเรน, มิคาสะ และ อาร์มิน ผ่านการเดินทางที่มาพร้อมกับกองทัพชาวเอเดียและมาเลย์ รวมพลังครั้งสุดท้ายเพื่อปราบการสร้างโลกใหม่ของ เอเรน ที่กำลังนำทัพไททัน 1,000 เมตร เพื่อกวาดล้างทุกสิ่งและสร้างโลกใบใหม่ ในแบบฉบับของเอเรน
เนื้อหาในภาคนี้หลักๆ จะเน้นไปที่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่าง เอเรน กับ เพื่อนๆ ของเขา ผ่านการเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่าง วัยเด็กและวัยที่เติบโตขึ้น ซีซันนี้เราจะได้เห็นการเติบโตของตัวละครหลายๆ ตัวที่ต่อเนื่องมาจาก Season 3 และ Season 4 รวมไปถึงการพยายามช่วยกอบกู้โลกไม่ให้เสียหายไปกว่านี้จากกลุ่มตัวเอกที่ต้องต่อสู้กับไททันหลายพันตัวเดิมพันซึ่งอนาคตของโลกใบนี้ให้อยู่รอดต่อไปด้วยน้ำมือของพวกเขา
ที่สำคัญยังมีซีนสำคัญให้จดจำอย่างมากมาย อาทิเช่น ซีนการพูดคุยระหว่างไททันต่างๆ ที่ร่วมมือกันในศึกครั้งนี้, การปะทะกันของสองเพื่อนสนิทอย่าง เอเรน กับ อาร์มิน, การพูดกันระหว่าง เอเรน กับ มิคาสะ บนเรื่องราวการจากลาครั้งสุดท้าย, การแก้แค้นของ รีไวล์ แอคเคอร์แมน กับ ซีค และฉากแห่งความทรงจำของ มิคาสะ และ นกน้อยที่มาดูแลเธอในช่วงท้ายของซีซันนี้ ซึ่งแต่ละฉากที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ดูก็ต้องยอมรับว่า มีทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และคราบน้ำตาเต็มไปหมด
พูดง่ายๆ ก็คือ อนิเมะเรื่องนี้น่าจะเป็นอนิเมะที่กลมกล่อมที่สุดในรอบหลายปี แถมจบลงได้อย่างสวยงามมากๆ ด้วย เนื้อเรื่องเราคงไม่อาจจะสปอยล์อะไรไปมากกว่านี้ได้เพราะว่า หากสปอยล์ไปแล้วความสนุกจะลดลงทันที แต่อยากบอกไว้ว่าแค่ว่า สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากอนิเมะเรื่องนี้มีเยอะมากๆ และเราได้มา 3 ข้อหลักๆ ดังต่อไปนี้
1.การมีพลังหรืออำนาจทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนจบของอนิเมะเรื่องนี้ เราจะได้เห็นการเติบโตของ เอเรน มาตั้งแต่แรกจากเด็กน้อยสู่การเป็นไททันที่ต้องการจะกวาดล้างโลกใบนี้ จากพลังอำนาจและสิ่งรอบข้างที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปจากสภาวะแวดล้อมต่างๆ ที่ทำให้ความรู้สึกในจิตใจต้องการจะทำสิ่งที่ต่างออกไปจากสิ่งที่คิดไว้ตั้งแต่แรก รวมไปถึงการก่อสร้างทางความรู้สึกของตัวละครที่เราเมื่อดูแล้วยิ่งรู้สึกได้ทันทีว่า เอเรน คนที่เรารู้จักตั้งแต่ต้นค่อยๆ ห่างจากเราไปทุกที
2.สงครามไม่มีวันจบสิ้น ต่อให้ไม่มีไททันแล้วก็ตาม
แม้การต่อสู้ระหว่างไททันกับมนุษย์จะสิ้นสุดลง แต่ท้ายที่สุดแล้วมนุษยชาติก็ยังคงจะก่อสงครามกันอยู่ดี จากที่เราจะเห็นในตอนท้ายว่า ต่อให้ไม่มีไททันแล้ว เราก็ยังคงจะแย่งชิงทรัพยากรบนโลกมนุษย์ใบนี้เหมือนเดิม หากเพียงแค่เครื่องมือในการทำสงครามจะไม่มีใครเสียเปรียบ ได้เปรียบอีกต่อไป เพราะทุกคนไม่มีไททันอีกต่อไปแล้ว
3.การจากลาไม่ว่าจะทางไหนก็เจ็บปวดอยู่ดี
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องที่เราไม่พูดถึงไม่ได้เลยว่า การจากลาในอนิเมะเรื่องนี้สร้างความเจ็บปวดให้เราเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครตัวไหนจากลาก็ดี ทุกตัวล้วนแล้วแต่สร้างความเจ็บปวดและคราบน้ำตาให้กับคนดูอย่างเราๆ เสมอ เรื่องนี้จึงถือว่าเป็นอีกเรื่องที่เรียนรู้ได้จากการดูอนิเมะเรื่องนี้ ยิ่งในซีซันสุดท้าย การจากลาของตัวละครสำคัญมันยิ่งสร้างความเจ็บปวดหัวใจให้กับคนดูยิ่งนัก แต่เนื้อหาก็จบในแบบที่ควรจะเป็นเช่นกัน
สุดท้ายนี้แม้อนิเมะเรื่องนี้จะจบลงไปอย่างสวยงามแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่จะติดอยู่ในแฟนๆ ทุกคนที่ได้ดูอนิเมะเรื่องนี้ก็คือ
เราจะถวายดวงใจให้กับอาจารย์ฮาจิเมะ อิซายามะ และ Attack On Titans ตลอดไป
ขอบคุณที่สร้างสรรค์การ์ตูนเรื่องนี้มาให้พวกเราได้ดูนะครับ
