ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์คุณภาพเรือธงของ Netflix ที่ออกมาให้เราได้ดูกันอย่างต่อเนื่องสำหรับซีรีส์ BLACK MIRROR ที่ว่าด้วยเรื่องราวของโลกอนาคตกับการเข้ามาของเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนชีวิตของมนุษย์ให้พบกับเรื่องราวมากมายที่คาดไม่ถึง
โดยในซีซันนี้เดินทางมาถึงซีซันที่ 7 แล้วซึ่ง BLACK MIRROR ก็ยังคงมาตรฐานที่เฉียบคมในการเล่าเรื่อง คมคายในการเปิดปมต่างๆ ของตัวละครที่เป็นเหมือนแกนหลักของซีรีส์ ้ ในซีซันที่ 7 นี้มีทั้งหมด 6 อีพีด้วยกัน และต่อจากนี้คือรีวิวของเราในแต่ละอีพีว่าดูแล้วรู้สึกอย่างไรและมีมุมมองต่อการกระทำของเนื้อหาเป็นเช่นไร ถ้าพร้อมแล้วตามมาเดี๋ยวรีวิวให้อ่านกัน

EP 1: Common People
อีพีนี้คืออีพีแรกที่เปิดหัวซีรีส์นี้และอย่างที่หลายคนได้เคยดูกันมาก่อนหน้านี้ ตอนแรกที่มีหน้าที่ไว้เปิดหัว BLACK MIRROR จะต้องเป็นตอนที่กระชากใจผู้ชมอยู่เสมอตั้งแต่ซีซันที่ 1 แล้ว โดยครั้งนี้ ตัวเนื้อเรื่องเลือกที่จะเล่าถึงครอบครัวหนึ่งในสังคมที่ต้องตรากตรำทำงานหาเช้ากินค่ำ ไมค์ สามีแสนขยันเป็นหนึ่งในคนที่พยายามจะมีลูกด้วยกันกับ อแมนด้า ภรรยาของเขา อยู่มาวันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ อแมนด้า เกิดล้มป่วยและมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์ แต่แล้วเทคโนโลยีความไฮเทคก็เข้ามาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า Subscribe เพื่อทำให้เซลล์สมองสามารถใช้การต่อได้ แต่การใช้บริการเหล่านี้ถ้าหากลืมจ่ายเงินก็จะมีโฆษณาขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโฆษณานั้นกลับกลายเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากภรรยาสุดที่รักของไมค์ และมันก็นำพาความหวังของไมค์ไปถึงจุดที่ไม่น่าเชื่อในตอนจบของอีพีนี้
รีวิว: ยังคงเป็นอีกครั้งที่ BLACK MIRROR เปิดหัวได้ร้อนแรงและน่าสนใจเช่นเคย อีพีนี้หากดูกันดีๆ มันเป็นหนึ่งในตอนที่ยิ่งดูยิ่งสะเทือนใจมากที่สุด เป็นการจิกกัดระบบ Subscribe ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของเทคโนโลยีต่างๆ ที่เมื่อสมัครแล้วต้องมี Add-Ons ต่างๆ เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้บริการนั้นสมบูรณ์ที่สุด การค่อยๆ เล่าค่อยๆ เปิดปมต่างๆ ของครอบครัวหนึ่งที่ต้องมาแบกรับค่าใช้จ่ายจากการต้องการให้ภรรยามีชีวิตอยู่ต่อเป็นอะไรที่น่าสะเทือนใจมากๆ Common People ถือเป็นอีกหนึ่งตอนที่เล่นกับอารมณ์ของคนดูได้ดี หดหู่และสะเทือนใจ นึกภาพง่ายๆ หากวันหนึ่งคนที่เรารักกลับกลายเป็นคนที่มีโฆษณาพูดคั่นออกมาในระหว่างที่กำลังคุยกันเพราะเราไม่สามารถหาเงินไปจ่ายได้ตามการสมัครบริการต่างๆ มันคงรู้สึกแย่มากๆ ตอนนี้ส่วนตัวผมให้เป็น Top Rank ของซีซันนี้เลย

EP 2: Bête Noire
จะเป็นอย่างไรถ้าวันหนึ่งเพื่อนที่เคยแกล้งไว้ในอดีตกลับมาหาและค่อยๆ ลงมือแก้แค้นอย่างช้าๆ จนหลายคนรอบข้างต่างเห็นดีเห็นงามกับเพื่อนคนนั้นไปด้วยทั้งๆ ที่การกระทำของเพื่อนคนนั้นเป็นสิ่งที่ผิด อีพีนี้เล่าเรื่องถึงการแก้แค้นในรูปแบบของเทคโนโลยีและกลไกของสมองที่เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกและนำไปสู่ชีวิตที่วุ่นวายของ มาเรีย พนักงานบริษัทที่ตั้งใจทำงานไปในแต่ละวันแต่เมื่อการมาของ เวอไรตี้ กลับกลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
รีวีว: เป็นอีกหนึ่งอีพีที่มีลูกเล่นในการเล่าเรื่องที่คาดเดาได้ยากในช่วงแรก พาคนดูหัวหมุนไปพร้อมๆ กันกับการกระทำของตัวละครที่พลิกไปพลิกมาจนไปสู่ตอนจบที่เหนือจินตนาการ ชนิดที่หลุดไปเลยก็ว่าได้และมันก็สมชื่อซีรีส์ BLACK MIRROR องก์รวมอีพีนี้อาจจะไม่ได้เป็นอีพีที่ประทับใจที่สุดแต่ก็เป็นอีกหนึ่งอีพีที่น่าสนใจไม่น้อยกับเทคโนโลยีในเรื่องนี้ที่เฉลยออกมาให้เราได้อึ้งและชวนให้คิดตามว่าถ้าในอนาคตมันมีเทคโนโลยีแบบนี้จริงๆ คงยืนเหม่อมองฟ้ากันไปเลยก็เป็นได้

EP.3: Hotel Reverie
เมื่อภาพยนตร์ที่เคยเข้าฉายในอดีตถูกปัดฝุ่นขึ้นมาอีกครั้งโดยเล่าเรื่องแบบเดิมเพิ่มเติมคือมีคนแสดงจริงยุคปัจจุบันเข้าไปด้วยจะเป็นเช่นไร อีพีนี้ที่มีชื่อว่า Hotel Reverie เล่าเรื่องถึงทีมสร้างภาพยนตร์กลุ่มหนึ่งที่เลือกหยิบภาพยนตร์ในตำนานของดาราดังในอดีตที่มีชื่อว่า โดโรธี มาทำการแต่งเติมเนื้อเรื่องให้สมบูรณ์แบบโดยได้ชักชวนดารายุคปัจจุบันคือ แบรนดี้ มาร่วมเล่นในภาพยนตร์เรื่องนี้ หากแต่มันเป็นการไปร่วมเล่นผ่านการสแกนตัวตนเข้าไปในโลกของ AI และแสดงให้เห็นถึงความสับสน ความมึนงงผ่านการเล่าเรื่องราวที่ฉีกไปอีกขั้นว่า แล้วถ้าไอ้ตัวละครจริงๆ มันดันทะลึ่งไปติดอยู่ในโลกของภาพยนตร์จริงๆ กับ AI จะเป็นเช่นไร?
รีวิว: ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตอนที่สว่างที่สุดตั้งแต่ดู BLACK MIRROR มาเลยก็ว่าได้ ไม่มีความน่ากลัว ไม่มีพิษมีภัยใดๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ชนิดที่ เฮ้ย! BLACK MIRROR ตั้งแต่เริ่มมาจนถึงตอนนี้ไม่ดาร์กแบบแต่ก่อนเลยนะ อย่างไรก็ดีกลายเป็นว่าผมกลับชอบตอนนี้ซะอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะเคมีของตัวละครคู่นี้ด้วยที่ยิ่งดูก็ยิ่งลุ้นให้ทั้งคู่เติบโตไปในแบบที่ควรจะเป็นและมันก็แปลกมากที่ AI กลายเป็นตัวเชื่อมให้ยิ่งน่าสนใจมากๆ ว่า ถ้าเทคโนโลยีนี้มันเรียนรู้ไวและเข้าใจในบริบทของตัวเองจะเป็นเช่นไรเมื่อได้พบกับมนุษย์คนหนึ่งที่มีชีวิตจิตใจ ให้ 4 ดาวเลยสำหรับอีพีนี้

EP.4: Plaything
อีพีที่เป็นภาคแยกมาจากภาคแยกอีกทีของ BLACK MIRROR ที่มีชื่อว่า Bandersnatch โดยเล่าเรื่องผ่านการเล่นเกมเช่นกัน แต่ในครั้งนี้บริบทในการเล่าเรื่องเปลี่ยนไปตรงที่เล่าถึงตัวละครที่มีชื่อว่า โอลิเวอร์ วอล์กเกอร์ ฆาตกรคนหนึ่งที่ต้องคดีพัวพันกับการสร้างอุปกรณ์หนึ่งที่เจ้าตัวคิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้นั่นก็คือเกมที่ทุกคนเล่นกันในตอนเด็กๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกมที่เล่นทะลึ่งสื่อสารกับคนเล่นได้ ไปจนถึงจุดที่ทุกอย่างระเบิดออกมาในช่วงท้ายและไปถึงจุดจบที่ต้องบอกว่าเอากันแบบนี้จริงดิ จะแสดงความเป็น BLACK MIRROR ให้ได้เลยใช่ไหม นี่คือคำที่ทุกคนต้องอุทานออกมาเมื่อดูอีพีนี้
รีวิว: เป็นหนึ่งในอีพีที่ยอมรับว่าคาดหวังมากๆ กับการเล่าเรื่องในอีพีนี้แต่กลับเป็นอีพีที่รู้สึกเฉยๆ มากที่สุด เพราะการเล่าเรื่องที่ยืดยาวไปจนถึงตอนจบที่คาดเดาได้ไม่ยากเรียกว่าได้แต่น้ำไม่ได้เนื้อเลย เสียดายการนำ Bandersnatch มาเชื่อมโยงในตอนต้น ถือว่าดูผ่านๆ ได้สำหรับอีพีนี้้ แต่ถ้าให้ดูเอาความสนุกสนานอาจจะอยู่ในอันดับท้ายๆ ของซีซันนี้

EP.5: EULOGY
คำสดุดีของการจากลา จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนรักในอดีตส่งของมาให้ชายผู้เป็นที่รักเมื่อครั้งเยาว์วัย แต่ความทรงจำเหล่านั้นถูกลบทิ้งไปด้วยน้ำมือของชายผู้นั้น การตามหาความทรงจำจึงเกิดขึ้นผ่านการเล่าเรื่องของ ฟิลลิปส์ ชายหนุ่มผู้ได้รับอุปกรณ์ในการตามหาอดีตที่สามารถเข้าไปในภาพถ่ายเมื่อครั้งวันวานได้ การตามหาคนรักในอดีตจะเป็นเช่นไร จุดจบจะเป็นแบบไหน รับประกันว่าอีพีนี้จะเป็นอีพีที่คุณเสียน้ำตาให้มากที่สุดตั้งแต่ดู BLACK MIRROR มาเลยก็ว่าได้
รีวิว: กลับกลายเป็นอีพีนี้ที่ผมยกให้เป็นอันดับ 1 ในซีซันนี้ไปโดยปริยาย ทั้งวิธีการเล่าเรื่อง การนำเสนออย่างที่บอกว่าทิศทางด้านสว่างในซีซันนี้ทำให้เรื่องที่ออกมากลายเป็นความประทับใจมากกว่าความติดอยู่ในใจไปซะอย่างนั้น ยิ่งในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของอีพีนี้มีน้ำตาไหลกันได้เลย เป็นอีกหนึ่งอีพีที่แนะนำให้ดู สำหรับใครที่คิดถึงคนที่จากไป EULOGY คือบทสดุดีความรักที่ทำออกมาได้กลมกล่อมมากๆ

EP. 6: USS Callister: Into Infinity
ภาคต่อสุดหรรษาของซีรีส์ USS Callister ที่เกิดขึ้นใน BLACK MIRROR ซีซัน 4 ที่ในครั้งนี้กลับมาพร้อมกับเรื่องราวที่เล่าต่อเนื่องว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างในยานลำนั้นที่หนีจาก โรเบิร์ต ดาลี ออกมาได้ ชีวิตของกัปตันนาเน็ทกับลูกเรือจะเป็นเช่นไร พวกเขาจะทำอย่างไรให้กลับไปมีชีวิตที่ควรจะเป็นได้ นำไปสู่การผจญภัยที่เต็มไปด้วยฉากแอคชันเฉือนคมกันตลอดหนึ่งชั่วโมง แม้อาจจะมีท่าสูตรอยู่บ้างในอีพีนี้แต่ตอนจบก็สร้างความประทับใจให้ผู้ชมอีกเช่นเคยกับการพาไปถึงจุดที่คาดไม่ถึงและไม่น่าจะเป็นไปได้แต่ BLACK MIRROR ทำให้มันเป็นไปได้เสมอ
รีวิว: ถือว่าเสมอตัวสำหรับอีพีสุดท้ายนี้ของ BLACK MIRROR ที่นำเรื่องราวเก่าๆ มาขายของใหม่ ส่วนตัวไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ในอีพีนี้แต่กลับรู้สึกว่าฉากแอคชันที่เพิ่มเข้ามาในตอนนี้พุ่งทะยานปรี๊ดไปชนิดที่โอเคถ้าจะระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันตอนจบก็ไม่เป็นไร เอาเลย ดูเพลินๆ ได้ครับอีพีนี้
ท้ายที่สุดอย่างที่รีวิวไปในแต่ละอีพีของ BLACK MIRROR ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ซีรีส์ชุดนี้นำเสนอด้านสว่างให้กับคนดูได้อิ่มเอมใจมากกว่าสะเทือนใจ ที่สำคัญการหยิบยกเทคโนโลยีในอนาคตมาเล่นกับความรู้สึกของคนดูยังคงเป็นจุดเด่นและจุดขายที่แฟรนไชส์นี้ยังทำได้ดีเสมอมา ถ้าจะให้ติอย่างเดียวคงเป็นอีพีที่หยิบเรื่องราวในภาคก่อนๆ มาเล่าต่อ กลายเป็นว่าฝืนและไปไม่สุดทางอย่างที่ควรจะเป็นยังไงไม่รู้ อย่างไรก็ดีแฮปปี้มากครับที่ซีรีส์นี้ยังเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง แนะนำให้ดูเช่นเคยครับสำหรับ BLACK MIRROR SEASON 7 ดูได้แล้ววันนี้ที่ Netflix