ในที่สุดก็กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากหกปีที่แล้วที่ชายผู้นี้เคยมอบความสุขให้กับพวกเราในคอนเสิร์ตใหญกับทัวร์ที่มีชื่อว่า ‘24K Magic World Tour สำหรับ Bruno Mars ศิลปินระดับโลกในการกลับมาพร้อมกับทัวร์ใหม่ที่จะแสดงรอบโลกในแบบเล่นใหญ่กว่าเดิมที่สนามกีฬาทุกประเทศก่อนหน้านี้ และประเทศไทยเองก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เจ้าตัวเลือกจะมาเยือนในทัวร์ครั้งนี้
โดยในทัวร์นี้ของเขามีชื่อว่า "BRUNO MARS LIVE IN BANGKOK" และเมื่อขึ้นชื่อว่า LIVE IN BANGKOK ทั้งที แน่นอนมันต้องมีความยิ่งใหญ่สมกับชื่อทัวร์ ‘สนามราชมังคลากีฬาสถาน’ จึงเป็นสถานที่ในการจัดงานครั้งนี้ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาหลังจากที่เกริ่นกันมาให้ทุกคนได้วอร์มอัพกันถึงสองพารากราฟ ต่อจากนี้คือรีวิวฉบับเต็มของคอนเสิร์ตครั้งนี้ในสายตาผมครับ
สำหรับงานครั้งนี้สิ่งที่เราคิดว่าเป็นจุดบอดและเป็นจุดที่ต้องแก้ไขกันก่อนเลยคือ สำหรับแฟนเพลง แฟนกีฬา หรือคนที่จะมาชมอะไรสักอย่างที่ ‘สนามราชมังคลากีฬาสถาน’ เรื่องของ ‘การคมนาคม’ เป็นสิ่งที่ไม่มีการอำนวยความสะดวกเอาซะเลย ไล่ตั้งแต่การเดินทางมาทั้ง Airport Link, รถเมล์, รถส่วนตัว ทุกอย่างดูยากเย็นไปหมด ฉะนั้นข้อแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยและอยากให้แก้ไขเสียทีก็็คือ ‘การคมนาคม’ ถึงเวลาแล้วกับสถานีรถไฟฟ้าที่ต้องมีจุดจอดที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน และควรจะได้ฤกษ์เปิดใช้บริการเสียที (หวังว่าจะเปิดได้เร็วๆ นี้นะครับ รอมานานมากแล้ว) และหากเปิดใช้บริการสำเร็จ เชื่อเถอะว่าปัญหานี้จะหมดไป
กลับมาที่บรรยากาศบริเวณงานต้องบอกว่า ค่อนข้างคึกคักมากๆ มีแฟนเพลงของ บรูโน่ มาร์ส มากมายทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ (รวมไปถึงพ่อค้า แม่ค้าที่ตะโกนว่า Standing มีรึยังครับพี่ มีบัตรรึยังด้วย เยอะมากรอบนี้) สินค้าของที่ระลึกก็มีการต่อแถวคิวยาวมากๆ เพราะเสื้อที่ระลึกของทัวร์ครั้งนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะที่ประเทศไทยและสิงคโปร์เท่านั้น คนจึงต่อคิวกันเพียบเลย
ส่วนอาหารการกินรอบนี้รอบนอกถือว่าทำการบ้านมาได้ดี มีร้านอาหารมากมายเต็มไปหมด แต่เมื่อเข้าไปบริเวณด้านในแล้ว พอต้องแลกระบบเป็นการ์ดเงินสดเลยขอตัด 1 คะแนนสำหรับข้อนี้เพราะว่าค่อนข้างใช้เวลานานและราคาน้ำดื่มที่ขายแพงกว่าด้านนอกเกือบเท่าตัว คิวคนซื้อเลยยาวเป็นกิโลฯ แต่ถือว่าโดยรวมทำการบ้านเรื่องการดูแลผู้ชมได้ดีขึ้นสำหรับบรรยากาศด้านนอกคอนเสิร์ตในครั้งนี้
เข้ามาด้านในบริเวณที่จัดงานสิ่งที่เห็นก็คือ ครั้งนี้เวทีแตกต่างจากทัวร์ 24K Magic World Tour อย่างชัดเจน ตัวเวทีเมื่อถูกยกมาอยู่ในสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานแล้ว ทุกอย่างดูเล็กลงไปถนัดตา ที่สำคัญการจัดในสเตเดี้ยม เรื่องของเสียงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเพิ่มเสาของลำโพงขยายเสียงออกเป็น 4 เสาใหญ่ๆ ทำให้ระยะในการดูของผู้ชมกลุ่มบัตรนั่งต้องโดนเสาบังไปโดยปริยาย อันนี้ก็เป็นการบ้านให้ทาง LIVE NATION ต้องกลับไปทำงานร่วมกันกับศิลปินอีกครั้งว่า หนหน้าหากศิลปินยักษ์ใหญ่ระดับโลกมาจัดที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ควรจะจัดวางแบบไหนดี
หลังจากที่นังสำรวจภาพรวมของการจัดงานอยู่พักใหญ่ๆ เวลาก็เดินทางมาถึง 20.00 น. ไม่มีขาดไม่มีเกิน บรูโน่ มาร์ส ปรากฏตัวทันทีพร้อมกับเพลงฮิตของเจ้าตัวอย่าง 24K Magic ที่ยิงพลุกันกระหน่ำตั้งแต่เริ่มต้น อุ่นเครื่องผู้ชมให้รู้สึกสนุกสนานไปพร้อมกันตั้งแต่เพลงแรก ก่อนที่จะตามมาด้วย Finesse, Trasure ที่พาทุกคนในสนามกีฬาลุกขึ้นเต้นกันอย่างสนุกสนานพร้อมแวะทักทายแฟนเพลงชาวไทยว่า “ดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง ที่สำคัญอากาศวันนี้ร้อนมากๆ เต็มไปด้วยเหงื่อและความสนุกสนานที่ได้เจอกัน ทุกคนได้โปรดเก็บมือถือและมาสนุกด้วยกันกับผมเถอะ” จากนั้นเพลงอย่าง Perm ก็ขึ้นต่อทันทีก่อนที่จะหมดองก์แรกไปอย่างรวดเร็ว ชนิดที่รู้ตัวอีกทีเล่นไปแล้วสี่เพลง
ไฮไลท์เกิดขึ้นในเพลงต่อมาอย่าง Calling All My Lovelies / Wake Up in the Sky ที่หยิบเอาท่อนเนื้อร้องภาษาไทยมาสอดแทรกในเพลงนี้กับท่อนที่เติมไปหกคำว่า ‘ผมคิดถึงคุณที่รัก’ เรียกเสียงร้องตามของแฟนเพลงได้ดังสนั่น ก่อนที่จะชวนทุกคนเต้นไปกับเพลงฮิตอย่าง That’s What I Like / Please Me ก่อนที่จะให้มือกีต้าร์และมือแซ็กโซโฟนออกมาโชว์โซโล่เล่นอิมโพรไวส์ให้แฟนๆ ได้ตื่นตาตื่นใจกัน
ทิ้งช่วงได้ไม่นาน บรูโน่ มาร์ส กลับขึ้นเวทีอีกครั้งพร้อมเพลงระดับหลัก 400 ล้านวิวบนยูทูบอย่าง Versace on the Floor ที่ผมสารภาพว่าดูเพลงนี้กี่ครั้งก็รู้สึกดีกับมันทุกครั้ง ทุกอย่างทำให้โชว์นี้มันเหมือนกับการเคลือบทองไปหมด ทั้งการร้อง การเคลื่อนไหวและการส่งความรู้สึกมาถึงแฟนเพลง มันดีมากๆ ช่วงนี้เป็นซีนที่ชอบมาก It Will Rain เป็นเพลงถัดมาที่ถูกหยิบมาเล่นในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ก่อนที่จะจบช่วงองก์ที่สองของคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการ เว้นช่วงให้มือกลองของวงโชว์โซโล่อีกหนึ่งครั้ง
ภาพบนเวทีฉายขึ้นอีกครั้งพร้อมการเผยเป็นนัยๆ ว่า องก์ที่ 3 ของคอนเสิร์ตนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพลง Runaway Baby ขึ้นมาพร้อมกับพลุชุดใหญ่ที่นำมาใส่ในเพลงนี้เพิ่มกราฟความสนุกขึ้นไปอีก ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกไปโชว์การเดี่ยวเปียโนชุดใหญ่กับเซ็ตรวมเพลงที่มีทั้ง Fuck You, Young, Wild & Free, Grenade, Talking to the Moon, Nothin' on You และ Leave The Door Open ที่แฟนๆ ทุกคนร้องตามกันดังมากๆ น่าจะได้ฟังแบบเต็มๆ เพลงมากสำหรับ Leave The Door Open จากโชว์คนเดียวที่กำลังซึ้งๆ กินใจ สมาชิกวงทุกคนกลับขึ้นเวทีอีกครั้งพร้อมกับเพลง When I Was Your Man ที่งานนี้บรูโน่โชว์ร้องสดได้สุดพลังมากๆ ไม่ว่าจะเป็นคีย์ไหนสูงเสียดฟ้าเท่าใดเจ้าตัวก็พาไปถึงหมด ก่อนมาถึงช่วงโซโล่สุดท้ายกับการเดี่ยวเปียโนที่งานนี้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการหยิบเอาเพลง Still on My Mind, Still D.R.E มาเล่นในงานครั้งนี้อีกด้วย แล้วก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของโชว์ครั้งนี้ บรูโน่ ได้บอกไว้ว่า “ต่อจากนี้เรามาสนุกกันให้สุดเหวี่ยงไปเลย” เพลงอย่าง Locked Out of Heaven และ Just the Way You Are จึงเป็นสองเพลงสุดท้ายที่ถูกเล่นในเวอร์ชันอย่างเป็นทางการของคอนเสิร์ตนี้ก่อนที่จะไปสู่ช่วง Encore กับเพลง Uptown Funk เป็นเพลงสุดท้ายก่อนที่จะจบโชว์นี้ไปอย่างสวยงาม
โดยรวมคอนเสิร์ต "BRUNO MARS LIVE IN BANGKOK" ครั้งนี้จัดอยู่ในหมวดคุ้มค่า ครั้งหนึ่งในชีวิตควรดูโชว์ของชายคนนี้สักครั้ง แต่สำหรับใครที่เคยดูเมื่อปี 2018 อย่างผมแล้วอาจจะอยู่ในจุดเสมอตัวกลางๆ นิดหน่อย เพราะโชว์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตครั้งนี้แทบจะยกโชว์ 2018 มาไว้ในสนามกีฬาที่ใหญ่ขึ้นแค่นั้นเอง เพราะคิวพลุ คิวไฟ หรือ กิมมิกต่างๆ อย่างท่อนที่ร้องว่า ‘ผมคิดถึงคุณที่รัก’ สิ่งเหล่านี้ก็เคยถูกนำมาใช้แล้วเมื่อโชว์ครั้งก่อน แอบเสียดายที่เจ้าตัวยังไม่มีเพลงใหม่มาเพิ่ม ทำให้โชว์นี้ยังไม่สดใหม่เท่าที่ควร แต่โดยรวมถือว่าทุกอย่างยังคงจัดอยู่ในหมวดที่ดีและโอเคแล้ว สำหรับ บรูโน่ มาร์ส ในวัยนี้ที่สำคัญด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นของเจ้าตัวก็ทำให้พอเห็นได้ว่า เจ้าตัวมีเหนื่อยเป็นพักๆ เหมือนกันสำหรับการแสดงคอนเสิร์ตที่เต้นติดต่อกันเกือบสองชั่วโมงเต็มๆ
ข้อติสุดท้ายอันนี้น่าจะไม่เกี่ยวกับคอนเสิร์ตครั้งนี้แล้ว แต่อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า การคมนาคมมันค่อนข้างแย่จริงๆ สำหรับขากลับที่คุณจะได้พบเจอกับวินมอเตอร์ไซค์ที่พร้อมจะโขกสับราคาคุณอย่างต่อเนื่อง รถแท็กซี่ที่ไม่รับคุณเลยแม้แต่คันเดียว รวมไปถึงรถสาธารณะที่ไม่สามารถเข้ามาในบริเวณถนนรามคำแหงได้ ผมใช้เวลากับการเดินทางเกือบสามชั่วโมงเต็มกับคอนเสิร์ตครั้งนี้ มันเลยทำให้บรรยากาศที่พาสนุกๆ ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเจอการเดินทางกลับจากราชมังคลากีฬาสถาน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด สำหรับคอนเสิร์ตนี้ถือว่าดีมากๆ บรูโน่ มาร์ส ยังคงเป็นศิลปินระดับโลกที่จะร้องเพลงให้พวกเราหูเคลือบทองกันต่อไป