ผ่านพ้นไปเรียบร้อยกับเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตของ ‘Kang Daniel’ (คัง แดเนียล) ที่กลับมาเสิร์ฟหนักจัดเต็มให้กับ FLOWD ชาวไทยอีกครั้ง พร้อมเซ็ตลิสต์และ Live Band ที่มาร่วมสร้างโมเมนต์สุดพิเศษให้สนุกสุดๆ ในคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า ‘2025 ACT KANGDANIEL CONCERT IN BANGKOK’ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี บรรยากาศจะเป็นอย่างไรวันนี้ Spacebar VIBE ขอพาทุกคนกลับไปสัมผัสกับโมเมนต์นั้นอีกครั้ง
ในวันงานเรียกได้ว่าฟ้าเปิดอากาศปลอดโปร่งเป็นใจ บรรยากาศหน้างานเต็มไปด้วยแฟนคลับล้นหลามต่อแถวรอถ่ายรูปกับสแตนดี้ของหนุ่มหล่อ คัง แดเนียล เนื่องจากคอนฯ ครั้งนี้ไม่มีเดรสโค้ดหลักเลยทำให้ได้เห็นความหลากหลายสไตล์ของแฟนๆ ที่ต่างก็งัดความเป็นตัวเองออกมาให้มากที่สุด บางคนแต่งตัวจัดเต็มมาเพื่อให้เข้ากับโปสเตอร์คอนฯ บ้างก็แต่งตัวมาเผื่อไว้ถ่ายคอนเทนต์เต้นคัฟเวอร์เพลงของศิลปินผู้เป็นที่รัก แต่ไม่ว่าจะแต่งแบบไหนมาจุดประสงค์เดียวกันของทุกคนในที่แห่งนั้นคือเพื่อรอเจอศิลปินที่พวกเขารักและรอคอยมาเนิ่นนาน
เวลา 17:00 ประตูเริ่มเปิดให้ทยอยเข้าไปนั่งรอคอนเสิร์ตเริ่ม เพียงไม่กี่อึดใจก็ถึงเวลา 18:00 น. ไฟในฮอลล์เริ่มมืดลงปรากฏ VCR เปิดตัว คัง แดเนียล พร้อมดนตรีสดที่เล่นคลอค่อยๆ ดึงอารมณ์ออกมาให้เตรียมพุ่งทะยาน เสียงกรี๊ดจากแฟนคลับดังก้องทั้งฮอลล์ตั้งแต่เริ่มจน คัง แดเนียล ปรากฏตัวออกมาภายใต้แสงสีขาวเสมือนทะลุออกมาจากจอทีวียังไงยังงั้น
คัง แดเนียล เริ่มเปิดตัวด้วยเพลง Losing Myself และ Outerspace ก่อนจะกล่าวทักทายแฟนคลับ และพูดถึงคอนเซปต์ของการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ว่า “ตั้งใจทำให้เป็นแนวการเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ทีละช่วง เพลงส่วนใหญ่มาจากอัลบั้มล่าสุด ACT โดยร้องร่วมกับ Live Band ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างและหาฟังจากที่ไหนไม่ได้” ก่อนจะไปกันต่อกับเพลง Runaway, Get Loose ที่ขยับจากสเตจหลักมาเพอร์ฟอร์มให้แฟนคลับดูใกล้ขึ้นที่สเตจรอง จบสองเพลงนี้เข้าสู่ช่วงพูดคุยกันเล็กน้อย เพลงต่อมาเป็นเพลงเต้นแบบจัดเต็มมากขึ้นเพราะฉะนั้นจึงต้องเปลี่ยนไมค์เป็น Headset แทน จะเป็นเพลงไหนไปไม่ได้เลยนอกจากเพลง Touchin’ และ Color
เมื่อจบเพลง Color ไฟก็มืดลงอีกครั้งพร้อม VCR สุดน่ารัก ให้ฟีลแฟนหนุ่มสุดๆ ความขี้เล่นของ คัง แดเนียล และรอยยิ้มมัดใจเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับกลับมาอย่างต่อเนื่อง เนื้อเรื่องใน VCR เริ่มเปลี่ยนไปเพื่อโยงเข้าสู่การแสดงพาร์ทที่สอง ความหนักแน่นปนหลอนนิดๆ จากเพลง Paranoia เพลงที่ฟังครั้งแรกก็ปฏิเสธไม่ลงเลยว่าชอบมาก ต่อด้วยเพลงช้า Antidote, Wasteland, SOS และปิดจบช่วงด้วยเพลง Parade
เมื่อเข้าสู่พาร์ทที่สามของคอนเสิร์ตก็ปรากฏสเตจที่เหมือนอยู่ในห้องทดลองยาที่มีซอมบี้คลั่ง พร้อมนักวิทย์นักคิดที่ทำการทดลองไปเรื่อยๆ ไม่นานคัง แดเนียลก็ปรากฏตัวขึ้นบนเปลนอนของโรงพยาบาลในลุคที่ดูสดใสขี้เล่นด้วยสเวตเตอร์สีขาวกับกางเกงยีนส์ฟอกสี แต่ก็หลุดขำเพราะตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเซ ทำเอาแฟนๆ หัวเราะไปกับความน่ารักของคัง แดเนียล และทั้งหมดที่เล่าเรื่องบนสเตจมาก็เพื่อโยงเข้าสู่เพลง Electric Shock โดยเฉพาะหลังจากนั้นได้มีการแวะพูดคุยเล็กน้อยเกี่ยวกับเพลงนี้ที่อยู่ในอัลบั้มที่ชื่อว่า ‘ACT’ ซึ่งคัง แดเนียลได้บอกไว้ว่า “อัลบั้มนี้เปรียบเสมือนแชปเตอร์ที่สองในชีวิตการทำงานของผม” แล้วไปต่อกับเพลง Dreaming, Ghost, Jealous, Supernova และ Flash
จากนั้นคัง แดเนียลก็ส่งเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ตโดยเขาบอกว่า “คอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ ในครั้งนี้ผมคาดหวังกับมันมากๆ ตั้งแต่ก่อนมา ความจริงแล้วผมเป็นคนที่ความจำดีนะครับ ได้เห็นใบหน้าที่จดจำได้ก็เลยรู้สึกดี บรรยากาศดีๆ แบบนี้ผมอยากจะรีบกลับมากรุงเทพฯ เร็วๆ ครับ” พร้อมทิ้งท้ายว่า “เรามาอยู่ด้วยกันนานๆ นะครับ ผมมีความสุขมากจริงๆ ขอบคุณครับ” ก่อนจะไปต่อกับเพลงสุดท้ายของพาร์ทนี้ Nirvana
และแล้วก็เข้าสู่ช่วง Encore ที่ไฟทั้งฮอลล์ดับลงแต่ก็ยังมีแสงสว่างจากแท่งไฟของเหล่าแฟนคลับพร้อมเสียงเรียกคัง แดเนียล ที่เป็นจังหวะและดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานเกินรอคัง แดเนียลก็กลับขึ้นมาพร้อมกับสองเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ Betcho Love และ 9 Lives ที่หนุ่มคัง แดเนียลได้ร้องพร้อมกับเดินทักทายแฟนคลับไปด้วย และยังมีเซอร์ไพรส์แฟนโปรเจกต์อย่างกล่องไฟแบนเนอร์ที่เขียนว่า “9 Lives, ∞ Love Every Step, Every Life, We Grow Together – ทุกย่างก้าว ทุกชีวิต เราจะเติบโตไปด้วยกัน”
เรียกได้ว่าคอนเสิร์ตในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้เสิร์ฟโมเมนต์ความคิดถึงและความสนุกทั้งตัวของ คัง แดเนียล และ FLOWD ชาวไทย แฟนๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นปีใหม่ 2568 เลยทีเดียว ดีขนาดนี้ไม่แน่ว่าผู้จัดใจดีอย่าง ‘ฺBrite Panther’ จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้อีกหรือเปล่า แฟนๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม