ปล่อยเพลงเต็มออกมาตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนตามเวลาประเทศไทย สำหรับเพลงของ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ทั้ง 15 เพลงในอัลบั้ม ‘Alter Ego’ สำหรับอัลบั้มนี้ของลิซ่ามีทั้งหมด 5 ซิงเกิล และอีก 8 แทร็กซึ่งอีก 2 แทร็กเป็นเพลงเดิมในอีกเวอร์ชันร้องเดี่ยว
ใน 15 เพลงนี้เธอได้ทยอยปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกันแล้วถึง 4 ซิงเกิล ประกอบด้วย Rockstar, New Woman (featuring Rosalía), Moonlit Floor (Kiss Me) และ Born Again (featuring Doja Cat and Raye) ส่วนอีกหนึ่งซิงเกิลนั้นคือเพลง FXCK UP THE WORLD (featuring Future) ที่เพิ่งปล่อย MV ออกมาสดๆ ร้อนๆ ให้แฟนๆ ได้ดูกันช่วงเที่ยงที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย
วันนี้เราจะมาพูดถึงอัลบั้มสุดพิเศษของลิซ่าที่เพิ่งปล่อยออกมากันก่อน เพื่อให้ผู้ที่เสพผลงานเพลงได้เข้าใจถึงความตั้งใจของลิซ่าที่ทุ่มเทให้กับเพลงทั้ง 15 เพลงนี้ไปพร้อมๆ กัน บทความนี้เขียนขึ้นตามความเข้าใจของนักเขียนเอง หากมีอะไรผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ
ลิซ่าได้ให้คอนเซปต์ของอัลบั้ม ‘Alter Ego’ ไว้ว่าเป็นการนำเสนอ 5 บุคลิกที่แตกต่างกันของลิซ่าเอง โดยแต่ละบุคลิกสะท้อนผ่านเพลงและสไตล์ที่หลากหลาย ได้แก่ Roxi, Sunni, Kiki, Speedi และ Vixi
- Roxi: แสดงถึงความเป็นร็อกสตาร์ที่มั่นใจและเปี่ยมไปด้วยพลัง
- Sunni: สื่อถึงความอบอุ่น สดใส และเป็นธรรมชาติ
- Kiki: สะท้อนความขี้เล่น มีเสน่ห์ สนุกสนาน
- Speedi: เกี่ยวข้องกับความเร็ว แรง และความกล้าหาญ
- Vixi: แสดงถึงด้านที่ลึกลับ เซ็กซี่ น่าค้นหา
ในอัลบั้ม ‘Alter Ego’ จึงแบ่งเพลงตามคาแรกเตอร์ได้คาแรกเตอร์ละ 3 เพลง ดังนี้
- Roxi: เพลง Rockstar เพลง BADGRRRL และเพลง Chill
- Sunni: เพลง Born Again (featuring Doja Cat and Raye) เพลง Moonlit Floor (Kiss Me) และเพลง Dream
- Kiki: เพลง New Woman (featuring Rosalía) เพลง Rapunzel (featuring Megan Thee Stallion) และเพลง Rapunzel (Kiki solo version)
- Speedi: เพลง Elastigirl เพลง When I'm with You (featuring Tyla) และเพลง Lifestyle
- Vixi: เพลง Thunder เพลง FXCK UP THE WORLD (featuring Future) และเพลง FXCK UP THE WORLD (Vixi solo version)
อธิบายกันไปแบบพอหอมปากหอมคอ หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าแต่ละคาแรกเตอร์มันเกี่ยวเนื่องกับเพลงและอัลบั้มอย่างไร ฉะนั้นเราจะเจาะลึกลงไปที่แต่ละเพลงที่ปล่อยออกมาให้เข้าใจง่ายขึ้น เริ่มเลย!

มาที่เพลงของคาแรกเตอร์ Roxi ที่แสดงถึงความเป็นร็อกสตาร์ที่มั่นใจและเปี่ยมไปด้วยพลัง ประกอบด้วยเพลง Rockstar เพลง BADGRRRL และเพลง Chill
เพลง Rockstar เป็นเพลงแรกที่ ลิซ่า ได้ปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกันหลังจากที่เธอได้หมดสัญญากับทางค่าย YG Entertainment ในฐานะศิลปินเดี่ยว และได้ใช้โลเคชันเยาวราชในประเทศไทยเป็นจุดหมายในการถ่ายทำ MV บอกได้เลยว่าเป็นไวรัลไปทั่วโลกจริงๆ
เพลง Rockstar เป็นเพลงแนวฮิปฮอปที่มีกลิ่นอายของความเป็นเพลงร็อกอยู่ด้วย เนื้อเพลง ‘ROCKSTAR’ เป็นเหมือนกับการประกาศตัวตนว่าเธอคือนักร้องผู้โดดเด่นจนแบรนด์ Louis Vuitton ต้องส่งชุดรัดรูปมาให้สวมใส่ และภาพที่ปรากฏของเธอก็ออกมา้สวยงามตรึงใจ
ในพาร์ทที่ร้องว่า “Lisa, can you teach me Japanese?” I said, “はい, はい!” ท่อนนี้เปรียบได้กับการที่เธอเป็นคนไทยแต่อยู่ในโซนเอเชีย ทำให้หลายคนมองว่าเธอไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคน ‘ญี่ปุ่น’ หรือเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วเธอได้ประกาศออกไปในพาร์ทที่ร้องว่า “Been M-I-A, BKK so pretty. Every city that I go’s my city” ว่าเธอคือคนไทย และกรุงเทพฯ คือบ้านเกิดของเธอ และในความคาดหวังของชาวไทยทุกคนก็อยากให้ประเทศไทยมีที่ยืนในสังคมโลก และคนไทยก็ไม่ได้มีอะไรน้อยหน้ากว่าชาติอื่น
มาต่อที่เพลง BADGRRRL เพลงที่เน้นบีทไปกับเสียงแรปของลิซ่าโดยยังคงมีกลิ่นอายของแรปเปอร์สาวที่มากความสามารถ ในส่วนของเนื้อเพลงลิซ่าพูดถึงหญิงสาวที่เอาแต่ใจจนหลายคนมองว่าเป็นผู้หญิงร้ายๆ แต่แล้วยังไง ในเมื่อมันคือตัวตนที่ไม่ได้ทำร้ายใคร และจะโชว์ให้พวกเธอทุกคนได้เห็นทั้งคืนว่าฉันนั้นเป็นยังไง กับเพลงที่ความยาว 2.12 นาทีทำให้เพลงนี้มีความอิ่มตัวพอดีตั้งแต่ต้นจนจบ ฟังแล้วรู้สึกว่าเพียงพอแล้วกับความยาวเท่านี้ ถ้ายาวกว่านี้คนฟังอาจจะเลี่ยนได้ ในใจให้เพลงนี้ 7/10 กับความเป็น Roxi ที่เคยวาดลวดลายไว้ในเพลง Rockstar
เพลงสุดท้ายของ Roxi กับเพลง Chill เพลงที่เริ่มด้วยเสียงกีตาร์ผสมผสานกับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เพลงนี้เป็นเพลงที่มีทั้งท่อนร้องและท่อนแรป มีกลิ่นอายของฮิปฮอปอาร์แอนด์บี ให้ความรู้สึกชิลล์ไปตามเพลง เป็นอีกมุมหนึ่งของ Roxi ที่ไม่ได้เห็นใน Rockstar เพลงนี้เล่าถึงสิ่งที่คนอื่นมองมาที่เธอครั้งแรกแล้วคิดว่าเธอคือโมนาลิซ่า มองว่าเป็นเหมือนต้นแบบที่จะต้องเป็นแบบเธอให้ได้ แต่เธออยากบอกทุกคนว่าชิลล์บ้างนะ เพลงนี้เราให้ 8/10 สำหรับ Roxi กับเพลงฟังสบายหู

ตามมาด้วยคาแรกเตอร์ที่สอง Sunni สื่อถึงความอบอุ่น สดใส และเป็นธรรมชาติ ประกอบด้วยเพลง Born Again (featuring Doja Cat and Raye) เพลง Moonlit Floor (Kiss Me) และเพลง Dream
เพลง Born Again เป็นเพลงที่ 4 ที่เธอปล่อยออกมาให้ได้รับชมกัน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ เป็นอย่างมากเพราะเธอได้ดึงตัวศิลปินเบอร์ท็อปของวงการอย่าง Doja Cat และ Raye มาร่วมฟีทเจอริ่งด้วย
เพลงนี้เป็นการผสมผสานกลิ่นอายฮิปฮอป อาร์แอนด์บีและดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ผนวกกับเสียงของ Doja Cat ที่เป็นเอกลักษณ์ และเสียงร้องของ Raye ที่เย้ายวน ชวนให้เพลง Born Again ติดหูคนฟังมาก เนื้อเพลงและ MV สื่อถึงสตรีในประวัติศาสตร์เกือบทั้งหมด อย่างเช่น พาร์ทที่ 2 ที่พาย้อนกลับไปในปี 1691 ที่เมืองเซเลม รัฐแมสซาซูเซตส์ ช่วงปีแห่งการล่าแม่มดในเมืองซาเลม โดยผู้ที่รับหน้าที่ร้องในพาร์ทนี้คือ Doja Cat ปรากฏภาพเธอกำลังจะถูกเผาพร้อมกับเก้าอี้ที่วางอยู่รอบๆ เปรียบเสมือนตัวแทนของคนในหมู่บ้านที่เฝ้าดูการถูกเผาร่างของเธอ
ความหมายของคำว่า ‘Born Again’ หมายถึง ‘การเปลี่ยนแปลงที่พร้อมจะเป็นคนใหม่อีกครั้ง พร้อมรับอิสรภาพในสิ่งที่ปรารถนา’ ถือว่าประโยคนี้เป็นประโยคที่ทรงพลังมากๆ และย้ำชัดว่าเพลงนี้เป็นเพลงเพื่อเพื่อนหญิงพลังหญิงโดยแท้
เพลงต่อมาของ Sunni คือเพลงหวานๆ Moonlit Floor (Kiss Me) เพลงนี้เธอปล่อยออกมาเป็นลำดับที่ 3 แน่นอนว่าหลายๆ คนอาจจะรู้สึกคุ้นหูในท่อนฮุคที่ร้องว่า “Kiss me under the Paris twilight. Kiss me out on the moonlit floor. Kiss me under the Paris twilight, so kiss me" โดยเฉพาะวัยรุ่นยุค 80s-90s ไม่ต้องแปลกใจเพราะเพลงนี้ได้ 'Matt Slocum' นักแต่งเพลงควบตำแหน่งมือกีต้าร์แห่งวง Sixpence None the Richer เจ้าของเพลง ‘Kiss Me’ ในตำนานมาร่วมเขียนเพลงนี้ให้
'Moonlit Floor' เรียกว่าเป็นเพลงรักในแบบฉบับสาวคลั่งรักเลยก็ว่าได้ กับเนื้อเพลงที่สื่อถึงหนุ่มฝรั่งเศสนัยน์ตาสีเขียวที่เธอชื่นชอบหลงใหลเวลาที่เขาเรียกชื่อเธอหรือมองเธอด้วยแววตาสุดโรแมนติก
และเพลงสุดท้ายของ Sunni คือเพลง Dream ในโลกออนไลน์หลายคนยกให้เพลงนี้คือที่สุดของอัลบั้มในส่วนของเพลง B-Side
เพลง Dream เป็นเพลงร้องที่ให้อารมณ์ดราม่าตั้งแต่จังหวะแรกที่เพลงเริ่มบรรเลง เพลงแนวป็อปที่ฟังง่ายแต่ให้ความรู้สึกอกหักเบาๆ กับท่อนเปิดที่บอกว่า ฉันกำลังคิด แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกำลังมีความสุขหรือเธอกำลังเศร้า และไม่รู้เลยว่าที่เธอเข้านอนเร็วๆ แบบนั้นเธอไปเจออะไรในฝัน เป็นอีกแนวเพลงที่ลิซ่าไม่เคยร้อง แน่นอนว่าความแปลกใหม่นี้เธอทำออกมาได้ดีมากๆ ให้ความรู้สึกเหงาตามไปกับเพลงเลยทีเดียว เพลงนี้เราให้ 9/10

มาที่คาแรกเตอร์ต่อมาคือ Kiki สะท้อนความขี้เล่น มีเสน่ห์ และสนุกสนาน ประกอบด้วยเพลง New Woman (featuring Rosalía) เพลง Rapunzel (featuring Megan Thee Stallion) และเพลง Rapunzel (Kiki solo version)
เพลง New Woman (featuring Rosalía) ถูกปล่อยมาเป็นเพลงที่ 2 เป็นเพลงที่สะท้อนถึงเรื่องราวของเพื่อนหญิงพลังหญิงแบบสุดๆ เพลงนี้เธอได้ร่วมงานกับ โรซาลิอา (Rosalía) นักร้อง-นักแต่งเพลงชาวสเปน ผู้ถึงพร้อมด้วยภาพลักษณ์ความเป็นตัวแทนหญิงสาวยุคใหม่ที่มีทั้งความมั่นใจและความแข็งแกร่ง เมื่อทั้งสองสาวได้มาผสานร่วมกันในเพลง New Woman ที่สื่อถึงการก้าวสู่การเป็นผู้หญิงคนใหม่ที่เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ยึดติดกับกรอบจำกัดของสังคม ทำให้เพลงนี้ยิ่งมีความอิมแพ็คมากขึ้นอย่างน่าสนใจ
เปรียบได้ว่าผู้หญิงทุกคนไม่ใช่คนอ่อนแอแต่สามารถแข็งแกร่งและมีความกระตือรือร้นได้ภายใต้ความอ่อนหวานและอ่อนโยน ไม่ต้องให้ใครมาชี้ชัดว่าผู้หญิงต้องเป็นหยินและผู้ชายต้องเป็นหยางเท่านั้น แต่ผู้หญิงสามารถเป็นได้ทั้งหยินและหยางที่สมดุลได้ในคนคนเดียว
เพลงต่อมาคือเพลง Rapunzel ที่เธอได้ปล่อยออกมาเป็นสองเวอร์ชัน ทั้งแบบฟีทเจอริ่งกับ Megan Thee Stallion) และแบบโซโล่เวอร์ชันให้แฟนๆ ได้หูเคลือบทองกัน
เพลงนี้เป็นเพลงฮิปฮอปป็อป เปิดด้วยเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ก่อนที่จะเป็นเสียงทักทายจาก Megan Thee Stallion ตามมาด้วยท่อนแรปของลิซ่า แน่นอนว่าความขี้เล่นของเจ้า Kiki ได้ใส่มาแบบเต็มสตรีมในเพลงนี้ทั้งสองเวอร์ชัน
เธอได้หยิบเรื่องราวของราพันเซลที่ถูกขังไว้ในหอคอยมาเล่าในตอนเริ่ม การที่ต้องอยู่บนหอคอยกลางป่า ถ้าเจ้าชายจะมาช่วยเธอออกไปละก็ต้องโชว์ให้เห็นหน่อยแหละว่ารักเธอมากพอจะพาเธอออกไปจากตรงนี้ไหม
สำหรับเพลงนี้ในเวอร์ชันฟีทเจอริ่งเราให้ 8/10 เพราะเสียงร้องของ Megan มาช่วยเบรกความหวานของเสียงลิซ่าได้ดี และเวอร์ชันโซโล่เราให้ 7/10 เพราะความ Kiki ยังเป็นลูกเล่นที่น่ารักและทำให้เพลงนี้น่าค้นหา

คาแรกเตอร์ต่อไปคือ Speedi แสดงถึงความเร็ว แรง และความกล้าหาญ สำหรับ Speedi เธอคนนี้ยังไม่เคยปล่อยเพลงออกมาก่อน จึงมีแต่เพลง B-Side ในอัลบั้มทั้งสิ้น ประกอบด้วยเพลง Elastigirl เพลง When I'm with You (featuring Tyla) และเพลง Lifestyle
เพลง Elastigirl เป็นเพลงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในดงรถไฟเหาะตีลังกากับบีทสนุกๆ ที่ Speedi ชื่นชอบ ให้ความรู้สึกท้าทาย และให้ฟีลเหมือนมีกลิ่นอายความเป็น K-POP ในนั้นแม้เนื้อเพลงจะไม่มีภาษาเกาหลีเลยก็ตาม เครื่องดนตรีที่โดดเด่นของเพลงนี้คือเสียงของกลองบองโก และเสียงเมโทรโนมที่กำหนดจังหวะแบบช้าๆ คล้ายเสียงเดาะลิ้น เป็นอีกเพลงที่เหมาะจะฟังในระหว่างขับรถและชวนโยกเบาๆ ได้ด้วย
เพลง When I'm with You (featuring Tyla) เพลงรักหวานๆ ที่คลอพร้อมกับเสียงร้องของลิซ่าและไทล่า เพลงนี้เป็นเพลงป็อปที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอินเลิฟไปกับทั้งคู่ในตอนที่อยู่กับเธอมันมีความสุข ถ้าหากเพลงนี้มีท่าเต้นที่เป็นลิซ่าและไทล่าเต้นด้วยกันคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
เพลงสุดท้าย Lifestyle เป็นเพลงที่ให้จังหวะตื่นเต้นตั้งแต่เริ่ม ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ กับเนื้อหาที่อยากตะโกนให้โลกรู้ว่านี่แหละคือไลฟ์สไตล์ ทั้งเสื้อผ้าและนาฬิกาประดับเพชรของเธอ มีท่อนที่ร้องว่า LA to Bangkok ก็สื่อถึงในตอนนี้บ้านที่ลิซ่าพักเป็นหลักอยู่ที่ LA แต่บ้านเกิดจริงๆ ของเธอคือประเทศไทย และไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เธอก็คือเธอที่เป็นไอคอนและผู้นำเทรนด์เสมอ
ด้วยจังหวะสนุกๆ และการเล่าเรื่องในเนื้อเพลงทำให้ทุกอย่างดูโดดเด่น่ควบคู่ไปพร้อมๆ กันกับจังหวะ EDM ที่เธอได้สร้างให้บรรยากาศการฟังเพลงของเธอในอัลบั้มนี้ไม่น่าเบื่ออย่างที่หลายคนคิด

คาแรกเตอร์สุดท้าย Vixi แสดงถึงด้านที่ลึกลับ เซ็กซี่ น่าค้นหา ประกอบด้วยเพลง Thunder เพลง FXCK UP THE WORLD (featuring Future) และเพลง FXCK UP THE WORLD (Vixi solo version)
เพลง Thunder เป็นเพลงที่ฟังครั้งแรกให้ความรู้สึกเซ็กซี่มากด้วยเสียงโทนต่ำของเธอ เพลงนี้มาในจังหวะฮิปฮอปมีความแร็ปบนไรม์เสียงที่ให้จังหวะหนักๆ คิดว่าหากเพลงนี้ได้เปิดในคลับน่าจะชวนเต้นได้สนุกเช่นกัน เพลงนี้ยังมีกลิ่นอายที่ลึกลับแต่แฝงความน่าค้นหาตามคอนเซปต์ของ Vixi เพลงนี้เราให้ 8/10 เพราะเป็นเพลงที่แสดงถึงความเป็นลิซ่าได้ดี
สำหรับเพลง FXCK UP THE WORLD ก็เป็นอีกเพลงที่เธอได้ปล่อยออกมาเป็นสองเวอร์ชัน ทั้งแบบฟีทเจอริ่ง Future และแบบโซโล่เวอร์ชัน เพลงนี้เป็นซิงเกิลที่ 5 ที่เธอปล่อยออกมาพร้อม MV และเป็นซิงเกิลสุดท้ายที่ปล่อยมาพร้อมๆ กับเพลง B-Side เพลงอื่นๆ
ตัวเพลงมีกลิ่นอายฮิปฮอปและดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ฟังครั้งแรกนึกถึงเพลง LALISA ที่บียอนด์กว่าดิมคือเพิ่มความเป็นลิซ่าเข้าไปในเพลงเข้าไป แรปที่ดุเดือดแต่ไม่ระคายหูพร้อมกับเสียงโทนต่ำ ตัดด้วยเสียงของ Future ช่วยให้เพลงนี้ฟังได้แบบยาวๆ
ในพาร์ทของ MV เรียกว่าสะใจสุดๆ ลิซ่าเล่นกับความบ้าระห่ำของจิตใจในการกระทำสุดโต่งแบบตัวร้ายในหนัง Sci-Fi เผยให้เห็นความ Psychopath ด้วยภาพลักษณ์ของลิซ่าที่เปิดมาเหมือนกับผู้ต้องขังให้ห้องคุมขังพิเศษ ลิซ่าได้เผยให้เห็นถึงทักษะการแสดงที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในซีรีส์ดังมาปรับใช้กับ MV ตัวนี้ นอกจากนี้ยังมีการนำคาแรกเตอร์ต่างๆ ที่ถูกวาดเป็นการ์ตูนที่เผยออกมาก่อนหน้านี้มาประกอบใน MV ด้วย อีกหนึ่งสิ่งที่ขอชื่นชมคือ ลิซ่าสามารถสลัดความเป็น K-POP Star กลายเป็น Superstar ระดับโลกด้วยเพลงนี้ทั้งท่าเต้น การเล่าเรื่อง โดยรวมสำหรับ MV และเพลงนี้บอกเลยว่าสะใจสมการรอคอยสุดๆ
ในส่วนของเวอร์ชันโซโล่ทำออกมาได้ดีตามที่คาดไว้ในแบบฉบับของ Vixi มีความดุเดือดแบบยาวๆ โดยไม่มีเสียงของ Future แทรกเขามา เรียกว่าสะใจที่ได้ฟังจริงๆ เพลงนี้ขอยกให้เป็นเพลง MVP สำหรับเรา 10/10 ทั้งสองเวอร์ชัน ใครยังไม่ได้ดู MV ต้องลองไปชมสักครั้งแล้วจะรู้ว่าเด็กไทยคนนี้ก็มีดีระดับโลก
อัลบั้ม Alter Ego ของลิซ่า จัดเต็มด้วยเพลงทั้งหมด 15 เพลง เป็นอัลบั้มที่เรียกว่ามาพร้อมเพลงหลากหลายในอัลบั้มเดียว ยิ่งฟังเพลงทั้งอัลบั้มแล้วยิ่งสะใจ ลบคำครหาจากเหล่าแอนตี้ได้ดีว่าเธอทำเป็นเพียงไม่กี่อย่าง อัลบั้มนี้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นอีกหนึ่งสาวที่ All Rouder แต่แค่ชอบเต้นและแรปมากกว่าเท่านั้น ในด้านเสียงร้องของเธอเป็นเอกลักษณ์แบบไม่แพ้ใครจริงๆ หากฟังตามที่เธอเรียงลำดับในอัลบั้มแบบยาวๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเพลงสุดท้าย บอกเลยว่ารถไฟเหาะก็แพ้ ลิซ่า--ลลิษา มโนบาลแน่นอน