VIBE Review: ‘แมนสรวง' หนังไทยม้ามืดกระแสแรง

29 ก.พ. 2567 - 09:44

  • รีวิว แมนสรวง ภาพยนตร์ไทยกระแสแรง

  • งานพีเรียดฟอร์มยักษ์ ที่นำเสนอ Soft Power ของไทย

  • เข้าฉายแล้ววันนี้

Vibe_Review_mansuang_thai_movies_SPACEBAR_Hero_0a631ca514.jpg
แมนสรวง ภาพยนตร์ไทยที่ถูกพูดถึงและกำลังได้รับความนิยมขณะนี้ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำยอดจองตั๋วล่วงหน้า สูงที่สุดในรอบ 20 ปี นำแสดงโดย อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ และ มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง สองนักแสดงที่เคยฝากฝีไม้ลายมือไว้ใน คินน์พอร์ช เดอะซีรีส์ อีกทั้งยังมีงานภาพ แสงสี และบทที่ทำออกมาได้ดีจนตัวอย่างแรกก็สามารถดึงดูดความสนใจได้ไม่ใช่น้อย วันนี้ Vibe จึงขอมารีวิวถึงความน่าสนใจและองค์รวมของภาพยนตร์เรื่องนี้กันครับ
Vibe_Review_mansuang_thai_movies_SPACEBAR_Photo01_5d3f9d8529.jpeg
แมนสรวง นำเสนอเนื้อหาในช่วงปลายยุคสมัยรัชกาลที่ 3 กับเรื่องราวของ “เขม” และ “ว่าน” สองหนุ่มจากเมืองแปดริ้วที่รับภารกิจเข้าไปสืบสาวเงื่อนงำใน “แมนสรวง” สถานเริงรมย์ที่ลึกลับที่สุดในพระนคร หลังม่านของสุขสถานที่ผู้คนนานาชาติมาชุมนุมกันแห่งนี้เป็นที่วางแผนและตกลงทางการเมืองในกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงที่จะเกิดการผลัดแผ่นดินเมื่อได้เข้าร่วมคณะละครและพบกับ “ฉัตร” มือตะโพนของวงดนตรี ทั้งสามต้องช่วยกันสืบหาความจริงไปพร้อมกับความลับมืดดำของแมนสรวง รวมถึงปมในใจของทั้งสามเองค่อย ๆ เผยออกมา
Vibe_Review_mansuang_thai_movies_SPACEBAR_Photo02_33918de032.jpeg
ความรู้สึกหลังได้ชม แมนสรวง ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีจุดขายเป็นของตัวเองและคงพูดได้ว่าเป็นงานที่ทีมสร้างอยากขายเรื่องเอกลักษณ์ของไทยในด้านศิลปะการแสดงให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นกับนำเสนอ ละครในและละครนอก ที่อาจจะไม่ได้มีใครหยิบจับมาใช้เท่าการแสดงด้านอื่นๆ เป็นความแปลกใหม่สำหรับงานภาพยนตร์พีเรียดในไทย อีกทั้งการสร้างองค์ประกอบภาพที่สวยงาม แบบที่ไม่ได้จำกัดแค่ของไทยก็ถูกใส่มาในเรื่องทั้งการแสดงกายกรรมแบบจีน งิ้วหรือระบำรำฟ้อนต่างๆ ถูกถ่ายทำออกมาอย่างประณีตและพิถีพิถันในทุกๆ ซีน แสงสีเสียงยิ่งไม่ต้องพูดถึง อาจจะบอกว่านี้คือภาพยนตร์ไทยที่งานภาพนั้นดีงามที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2023 เลยก็คงไม่เกินไป
Vibe_Review_mansuang_thai_movies_SPACEBAR_Photo03_edbc029eae.jpeg
ในส่วนของบทภาพยนตร์ส่วนตัวค่อนข้างเอนจอยกับเรื่องนี้ระดับนึงเลยกับการ นำเสนอแบบหนังแนวสืบสวนและระทึกขวัญ ด้วยความที่หนังเอาช่วงเวลาในปลายรัชกาลที่ 3 ที่เหตุการณ์บ้านเมืองเริ่มมีการแฝงตัวเพื่อแย่งชิงอำนาจของกลุ่มต่างๆ ทั้งกลุ่มกบฏจากฝั่งจีนที่มีผู้อำนาจในราชสำนักค่อยบงการ และกลุ่มคนที่ต้องค่อยตามเก็บเอกสารลับที่ส่องสุ่มอาวุธเพื่อก่อการใหญ่ อาจจะเพราะในช่วงหลังๆ หนังบ้านเราเริ่มมีการนำเสนอแนวสืบสวนมากขึ้น การที่นำบริบทสไตล์นี้มาผสมกับเหตุการณ์ในช่วงประวัติศาสตร์เลยถูกจังหวะ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องเราแทบจะเดาทางเล่าตัวละครไม่ได้เลยว่าจะเป็นฝ่ายไหน เพราะแต่ละตัวละครนั้นมีความลับและความต้องการของตัวเองแอบแฝงอยู่แทบจะทั้งหมด ทุกตัวละครนั้นมาในโทนหม่นและเทาๆ คนดูแทบจะไม่ได้เห็นตัวละครที่มีสีขาวในเรื่องนี้เลย และการหักมุมนั้นทำออกมาได้ดีแบบที่คนดูเดาไม่ค่อยจะถูกเลย
Vibe_Review_mansuang_thai_movies_SPACEBAR_Photo04_6346bffefc.jpeg

"ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ"

หนึ่งในสำนวนไทยที่ถูกใส่เข้ามาในหนัง ที่สะท้อนเหตุการณ์บ้านเมืองของเราได้แทบทุกยุคสมัย ที่คนใหญ่คนโต หรือผู้นำของแต่ละฝ่ายก่อความขัดแย้ง แต่ส่งผลต่อผู้น้อยหรือประชาชนจนได้รับผลกระทบตาม ๆ กัน ก็จะยิ่งทำให้คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้อินเพิ่มขึ้น กับนำเสนอเหตุบ้านการเมืองแบบถูกจังหวะเวลาที่ดันตรงกับการเมืองในยุคปัจจุบันนี้จริงๆ ในพาร์ทอื่นๆ อย่างส่วนของความจิ้นของคู่นักแสดงสายวายนั้นแทบจะไม่ได้เน้นขายในเรื่องนี้เลย อาจจะมีให้แฟนคลับยิ้มๆกันได้ในบางซีน แต่ถือว่าต้องยอมรับทีมสร้างที่มีมุดหมายว่าตั้งใจจะทำเรื่องนี้ให้ออกมาแบบไหนแล้วไม่ละทิ้งส่วนที่ตั้งใจจะทำเพื่อแค่ขายความจิ้นคู่วายให้ได้ใจแต่แฟนคลับ นี้จึงเป็นหนังที่เราชมได้เต็มปากและชวนคนที่ไม่อินกับซีรีส์วายให้เข้าไปดูกัน

Vibe_Review_mansuang_thai_movies_SPACEBAR_Photo05_e2d6e60dbc.jpeg
ส่วนของนักแสดงและตัวละคร ต้องยอมรับเรื่องฝีมือมากๆ โดยเฉพาะ อาโป กับการแสดงที่สื่อสารอารมณ์กับตัวละคร เขม ที่มีปูมหลังค่อนข้างสะเทือนใจ ก็แสดงออกมาได้เข้มข้มและสมจริง รวมถึงการแสดงร้องรำที่ทำออกมาได้ดีจนไร้ที่ติ
Vibe_Review_mansuang_thai_movies_SPACEBAR_Photo06_7d42ddb3f2.jpeg
แม้จะทำออกมาได้ดีในหลายๆ อย่าง แต่ในส่วนของบทบ้างจุดนั้นยังไม่สมูทเท่าที่ควร ยิ่งในช่วงท้ายติดหล่มกับการคลายปมตัวละคร แบบที่อาจจะทำให้เรารู้สึกว่าบทสรุปและเนื้อหานั้นรวบรัดเกินไปทั้งที่ตลอดทั้งเรื่องบทได้ขยี้ความรู้สึกของคนดูได้ดีมาตลอด หรือจะเป็นบทพูดของบ้างตัวละครที่อาจจะขัดหูไปบ้าง ยิ่งเป็นงานพีเรียดใช้ภาษายุคสมัยก่อนเลยมีบางจุดที่ดูไม่เข้าปากนักแสดงบางคน ถ้าไม่ติดในส่วนนี้หนังจะสมบูรณ์แบบเลย 
 
ภาพรวมแม้จะมีจุดไม่สมูทบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่านี้คือผลงานภาพยนตร์ไทยที่เห็นถึงความตั้งใจของทีมงาน ผู้สร้างและนักแสดง ที่อยากผลักดันวงการหนังบ้านเรา แบบที่โชว์ Soft Power ไทยในเป็นที่รู้จักมากขึ้น ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่อยากให้คนไทยไปช่วยสนันสนุนกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์