นคือภาพยนตร์ที่มีความยาวถึงเกือบสามชั่วโมง
แต่กลับไม่มีสักวินาทีไหนเลยที่รู้สึกว่าน่าเบื่อ
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ชื่อดังระดับโลก Mission: Impossible ที่มีถึง 8 ภาคด้วยกัน และในภาคนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์เรื่องนี้หลังจากที่สร้างออกมาให้พวกเราได้ดูกันตลอด 35 ปีที่ผ่านมา ชนิดที่ ทอม ครูซ พระเอกของเรื่องก็แก่ตามกันไปพร้อมกับผู้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน
เนื้อเรื่องย่อถ้าให้สรุปไวๆ Mission: Impossible 8 – The Final Reckoning คือภาคที่ว่าด้วยเรื่องราวบทสรุปของอีธาน ฮันต์กับภารกิจครั้งสุดท้ายที่ถูกสั่งจากทางการให้ไปปฏิบัติการระงับไวรัส AI ให้ทันท่วงทีก่อนที่ไวรัสตัวนี้จะระบาดแล้วก่อให้เกิดการยิงนิวเคลียร์ล้างโลกในทั้งหมด 9 ประเทศและทำให้โลกใบนี้ต้องจบสิ้นถึงกาลอวสาน
ดูจากเรื่องย่อแล้วหลายคนอาจรู้สึกว่าทำไมเนื้อเรื่องของ Mission: Impossible มันถึงซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ตั้งแต่ภาคที่ 1 จนถึงภาคล่าสุดคือภาคที่ 8 ในภาคนี้ได้เฉลยให้เราได้รู้แล้วว่าตีนกระต่ายที่ถูกกล่าวถึงในทุกภาคมันคืออะไร? และก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เนื้อเรื่องมันเชื่อมกันตั้งแต่ภาคแรกมาจนถึงภาคนี้
ในแง่ของเนื้อเรื่องอย่างที่เกริ่นไปว่ามันคือการกอบกู้โลก ฉะนั้นแล้วมันจึงตรงไปตรงมาตั้งแต่แก่นหลักของเรื่องอยู่แล้ว แต่สิ่งที่มันทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละภาคก็คือฉากเสี่ยงตายของ อีธาน ฮันต์ หรือ ทอม ครูซ พระเอกสุดหล่อของเรานั่นเองที่นับวันยิ่งอายุมากขึ้นไม่ได้ทำให้ตัวเองแก่ตามไปเลย เสี่ยงตายทุกฉาก อันตรายทุกวินาที ชนิดที่ดูแล้วจิกเท้าไปพร้อมกับลุ้นไปว่าเขาจะทำภารกิจนี้สำเร็จหรือไม่? รวมไปถึงช่วงเวลาในการถ่ายทำฉากเหล่านี้ที่น่าลุ้นระทึกเช่นกันที่เมื่อมาอยู่ในรูปแบบของภาพยนตร์แล้วกลมกล่อมเอามากๆ
อีกเรื่องที่ผู้ชมอย่างเราๆ ตื่นเต้นก็คือการได้เห็นตัวละครเก่าๆ กลับมาเล่าเรื่องราวของ Mission: Impossible อีกครั้งเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์และคาดไม่ถึงพอสมควร ทั้งการจากลาและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวละครที่ทำให้แฟรนไชส์นี้เติบโตมาจนถึงภาค 8 ได้ จุดนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่แสดงให้เห็นว่าในภาคนี้ยังคงคอนเซปต์ของคำว่ามิตรภาพได้ดี

โดยรวม Mission: Impossible 8 – The Final Reckoning ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่แลนดิ้งได้อย่างสวยงาม แม้กลางทางอาจจะมีตกหลุมอากาศบ้างเล็กน้อยแต่สำหรับเราที่เติบโตมากับการดูภาพยนตร์เรื่องนี้มาตลอด 35 ปีตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคล่าสุดกลับรู้สึกอิ่มเอมใจและดีใจมากๆ ที่ได้เห็น ทอม ครูซ รับบท อีธาน ฮันต์ ได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติพร้อมกับการยกระดับตัวเองสู่นักแสดงสายแอคชันและเป็นการตอกย้ำว่าเขาไม่ได้มีดีเพียงแค่หน้าตาอย่างเดียว จากคำติชมของสื่อที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเปิดตัวภาคแรกมาจนถึงภาคนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาทำได้และเป็นพระเอกในแบบที่หลายๆ คนประทับใจอีกด้วย
อย่างที่บอกไปหากใครยังไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แนะนำว่าให้ไปดูในโรงภาพยนตร์กันซะ เพราะว่า ความรู้สึกทั้งงานภาพ แสง สี เสียงทั้งหมดที่ Mission: Impossible 8 – The Final Reckoning ประเคนมาให้กับเราในเวลาเกือบสามชั่วโมงมันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม แถมการจบแบบที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้รู้ว่าโลกใบนี้จะไม่เดียวดายถ้ายังมีผู้ชายที่ชื่อ อีธาน ฮันต์ คอยปกป้องอยู่ แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ถูกเล่าออกมาเป็นเรื่องราวอีกแล้วก็ตาม
ขอบคุณสำหรับความสนุกที่มอบให้พวกเรามาตลอด 35 ปี
อีธาน ฮันต์!