ผ่านไปนับสัปดาห์แล้วสำหรับการแสดงสุดอลังการของหนุ่มๆ NCT DREAM ณ สเตเดียมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่าง ‘ราชมังคลากีฬาสถาน’ คอนเสิร์ตครั้งนี้มีผู้เข้าชมจำนวนกว่า 65,000 คน จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22-23 มิถุนายนที่ผ่านมา ในคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า ‘2024 NCT DREAM WORLD TOUR <THE DREAM SHOW 3 : DREAM( )SCAPE> in BANGKOK'
นับเป็นคอนเสิร์ตที่บัตรเข้าชมถูกจับจองจนหมดเกลี้ยงทุกที่นั่งภายในวันที่จัดจำหน่าย เรียกได้ว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ ทั้งกับหนุ่มๆ เองและของ SM Entertainment ด้วย เพราะ NCT DREAM คือศิลปินกลุ่มแรกของค่ายที่จำหน่ายบัตรในประเทศไทยได้มากที่สุดตลอดกาล

คอนเสิร์ตครั้งนี้มาในชื่อว่า ’DREAM( )SCAPE' เป็นทั้งชื่อคอนเสิร์ตและชื่ออัลบั้มล่าสุดด้วย ในคอนเสิร์ตนี้ หนุ่มๆ ได้ตีความโลกคู่ขนานของความหวังที่มีและฝันร้ายที่ต้องเผชิญออกมาในรูปแบบของตัวเอง ผ่านเซ็ตลิสต์ทั้งหมด 25 เพลงตลอดระยะเวลาการแสดงกว่าสามชั่วโมงเต็ม
นอกจากเซ็ตลิสต์ที่หนุ่มๆ เตรียมมาแล้ว ทางผู้จัดคอนเสิร์ตอย่าง SM True ยังได้เนรมิตพื้นที่ของราชมังคลากีฬาสถานให้ออกมาอย่างน่าทึ่ง ทั้งโปรดักชันสุดอลังการ เวที LED ลูกบาศก์ขนาดยักษ์กว้างกว่า 12 เมตร สูง 10 เมตร ตรงกลางเวทีถูกออกแบบเป็นกล่องแท่งไฟเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของวง มีจอเสริมขนาดใหญ่พิเศษกว้าง 32 เมตร สูง 15 เมตร นอกจากขนาดเวทีอันยิ่งใหญ่และจอเสริมอันมโหฬารแล้ว ยังมีเครื่องพ่นไฟกว่า 40 ตัว เครื่องยิงเลเซอร์กว่า 34 ตัว รวมถึงรถล้อเลื่อนอัตโนมัติเพื่อให้หนุ่มๆ ได้ใกล้ชิดแฟนๆ ที่เข้ามาชมอย่างทั่วถึง

สำหรับเซ็ตลิสต์ทั้งหมด 29 เพลงประกอบด้วยเพลง BOX, 119, SOS, GO, Poison, Drippin’, Arcade, We Go Up, Bungee, Walk With You, Never Goodbye, Breathing, UNKNOW, Tangerine Love, Yogurt Shake, Pretzel (♡), Candy, Dream Run, Better Than Gold, Fireflies, Hello Future, Broken Melodies, Skateboard, ISTJ, Smoothie, Blue Wave, Dive Into You, ANL และ Like We Just Met
นาฬิกาบอกเวลา 18.55 น. ของงานคอนเสิร์ตวันที่ 2 หรือเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา เสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น เป็นสัญญาณให้กับเหล่าแฟนๆ ว่าการแสดงกำลังจะเริ่มต้นแล้ว เหลือเวลาอีก 4 นาทีก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่มในเวลา 19.00 น. ทางทีมงานก็ได้เปิดเพลง Graduation ของ NCT DREAM เพื่อเป็นการทดสอบระดับเสียงครั้งสุดท้าย พร้อมกับบิลด์ความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ก่อนหนุ่มๆ จะปรากฏตัว
ทันทีที่นาฬิกาบอกเวลา 19.00 น. ไฟทั้งสนามก็ดับลง เหลือเพียงแสงไฟจากแท่งไฟที่แฟนๆ พกมา พร้อมกับคลิป VCR บิลด์ความตื่นเต้น นี่คือสัญญาณเริ่มต้นของการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนั้นเป็นต้นไป หนุ่มๆ เปิดตัวในเพลง BOX, 119, SOS และ GO ปลุกความสนุกด้วยเพลงหนักๆ ตั้งแต่ต้นคอนเสิร์ตเลยทีเดียว

เข้าสู่ช่วงทอล์กแรก หนุ่มๆ ได้พากันทักทายแฟนๆ ที่ได้มาชมคอนเสิร์ตในรอบการแสดงที่ 2 และแนะนำตัวทีละคน ซึ่งก่อนที่แต่ละคนจะแนะนำตัวเอง เสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ทำเอาชาวรามคำแหงได้ยินทั่วบริเวณอย่างแน่นอน ก่อนที่จะเข้าสู่พาร์ทการแสดงที่สอง ประกอบด้วยเพลงที่มาพร้อมท่าเต้นสุดเซ็กซี่ขยี้ใจแฟนๆ สุดๆ อย่าง POISON และ Drippin’
หลังจากจบ VCR ที่ 2 หนุ่มๆ ได้ปรากฏตัวอีกครั้งในชุดนักเรียนสุดคิวท์ พร้อมกับเมดเลย์สามเพลงรวดอย่าง Arcade, We Go Up และ Bungee ซึ่งเมื่อจบลงช่วงทอล์กที่ 2 ก็ตามมาทันที กับการพูดคุยถึงการแสดงตั้งแต่ต้นคอนเสิร์ต และชื่นชมความงดงามของแฟนๆ ที่เห็นในภาพถ่ายจากโดรนบินแบบเรียลไทม์ รวมทั้งยังแข่งกันทำท่าเอกโย (ท่าทางน่ารักๆ) กันด้วย ทั้งเฉินเล่อ เจโน่ มาร์ค และแจมิน เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่ามัมหมีที่มาร่วมงานกันถึงขั้นสุด
เข้าสู่พาร์ทการแสดงอีกครั้งกับเพลง Walk With You, Never Goodbye, Breathing และ UNKNOW ที่ในเพลง Breathing มาร์คได้ตะโกนขอให้แฟนๆ ทุกคนเปิดแฟลชจากโทรศัพท์และโบกไปพร้อมๆ กัน ทำให้ทั้งราชมังฯ สว่างจ้าไปด้วยแสงไฟจากเหล่าแฟนๆ คลอไปกับเพลงเพราะๆ จากศิลปินบนเวที เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ฟินสุดๆ
ก่อนจะเข้าสู่ VCR ที่ 3 เพื่อให้หนุ่มๆ ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและพักหายใจสักครู่ และกลับมาอีกครั้งกับเพลง Tangerine Love, Yogurt Shake, Pretzel (♡) และ Candy ทำเอาทั้งคอนเสิร์ตเต็มไปด้วยความสดใส ทั้งกับแนวเพลงที่ทำการแสดงเองและสไตล์การแต่งตัวของหนุ่มๆ ที่มาพร้อมเสื้อผ้าแบบไพรเวทสีสันสดใส การแสดงไม่ได้เต้นเน้นบล็อกกิ้ง แต่เน้นร้องไปเล่นไปเพื่อเอนเตอร์เทนแฟนๆ มากกว่า
เรียกได้ว่าเปลี่ยนเสื้อผ้ากันกลางเวทีเลยสำหรับหนุ่มๆ ในช่วงทอล์กที่ 3 หลังจากจบการแสดงของเพลง Candy ทำเอามัมหมีใจจะขาด เมื่อเจโน่อวดกล้ามแขนที่ตั้งใจฟิตมาอย่างดี ก่อนจะสวมเสื้อคลุมสีขาวเพื่อเข้าสู่เพลง Dream Run, Better Than Gold, Fireflies, Hello Future และ Broken Melodies ซึ่งหนุ่มๆ ก็ชวนแฟนๆ ทั้งสนามลุกขึ้นมาเต้นไปพร้อมๆ กันตั้งแต่โซนกราวนด์จนถึงดอยชั้นสาม

จบการแสดงเข้าสู่ VCR ที่ 4 ให้หนุ่มๆ ได้ไปซับเหงื่อซับหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าพักหายใจ และกลับมาอีกครั้งกับสามเพลงสุดท้ายก่อนเข้าช่วงอังกอร์ กับเพลง Skateboard, ISTJ และ Smoothie ในช่วงของเพลง Skateboard มีพาร์ทเบรกแดนซ์ของหนุ่มๆ ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ กันสนั่น แต่เสียงกรี๊ดจากแฟนๆ เรียกว่ากึกก้องขั้นสุดกับช่วงท้ายของเพลง Smoothie เพราะดูเหมือนว่ากระดุมเสื้อของเจโน่จะไม่แข็งแรงเท่าไหร่ เจอท่าเต้นแบบใส่สุดแรงไปกระดุมเลยหลุดออกทั้งแผง

ก่อนที่ไฟจะดับลงเพื่อเตรียมเข้าสู่ช่วงอังกอร์ ระหว่างที่ทุกอย่างตกอยู่ในความมือและความเงียบ แฟนๆ ทั้งสนามต่างพากันตะโกนเรียก เหรินจวิ้น ที่ไม่สามารถมาร่วมแสดงคอนเสิร์ตกับเพื่อนๆ ในครั้งนี้ได้เนื่องจากปัญหาสุขภาพ รวมทั้งทำเวฟแท่งไฟ นอกจากนี้ทางฝั่งจอก็ยังมีการฉายภาพป้ายต่างๆ ที่แฟนๆ ได้พากันตกแต่งเข้ามาในคอนเสิร์ต ไม่ว่าจะเป็นป้ายที่เขียนว่า “อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะน้องดรีม”, “รักน้องดรีมไม่เสียใจเลยสักวัน”, “ทุกหยาดเหงื่อเพื่อ N’Dream”, “Thailand is very hot but JENO is hotter” (ประเทศไทยร้อนมากๆ แต่เจโน่ร้อนแรงกว่า), “ครั้งหน้ามาด้วยกัน 7 คนนะ Thailand, the real home of nong dream” (ประเทศไทย บ้านแท้ๆ ของน้องดรีม), “คนที่สวยขนาดนี้ เป็นแม่น้องดรีมนะลูก”, “MARK JENO JAEMIN, MOMMY’S HERE” (มาร์ค เจโน่ แจมิน แม่อยู่นี่), “เป็นแม่แจมินติดแกลมทุกวัน”, “น้องอินจุน หม่าม้ารักหนูนะลูก”, “เกิดชาติหน้าขอเป็นแม่ม้าคลี”, “CHENLE HIGH NOTE ทำถึงเกิ๊นน!!” และอีกมากมาย สังเกตจากป้ายของแฟนๆ ทั้งหมดนี้นับได้ว่าเป็นคอนเสิร์ตที่มีผู้ปกครองของศิลปินมาเยอะที่สุดในโลกแล้วก็ว่าได้

ในพาร์ทอังกอร์ของคอนเสิร์ตได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเพลง Blue Wave, Dive Into You และ ANL ที่หนุ่มๆ ในชุดเสื้อคลุมลายช้างซอฟต์พาวเวอร์ของไทยปรากฏตัวบนรถรางเพื่อทักทายแฟนๆ ที่อยู่ในโซนบัตรดอย โดยแบ่งออกเป็นสองคัน คันละสามคน ฝั่งซ้ายประกอบด้วย แฮชาน-แจมิน-เฉินเล่อ และฝั่งขวาประกอบด้วย มาร์ค-เจโน่-จีซอง
เมื่อจบเพลง ANL หนุ่มๆ ก็มารวมกันอยู่ที่กลางเวทีพอดี พร้อมพาแฟนๆ เข้าสู่ทอล์กช่วงสุดท้ายซึ่งเป็นช่วงพูดคุยบอกเล่าความในใจ และขอบคุณแฟนๆ ที่สนับสนุนพวกเขามาอย่างดีมาโดยตลอด ก่อนจะบอกเล่าถึงความรู้สึก หนุ่มๆ ได้ขอแฟนๆ ถ่ายภาพด้วยกันแต่กลับโดนแฟนๆ โซนดอยเซอร์ไพรส์กลับด้วยโปรเจ็กต์กล่องไฟสีแดง ชั้นบนสุดเป็นรูปกลุ่มดาวหมีเล็ก และชั้นที่สองเป็นข้อความที่เขียนเป็นภาษาเกาหลีว่า “7ดรีม” และคำว่า “4EVER” เป็นภาษาอังกฤษ
หลังจากพูดความรู้สึกที่มีต่อแฟนๆ จบ หนุ่มๆ ได้พาเข้าสู่เพลงสุดท้ายในเพลง Like We Just Met ซึ่งหลังจากที่โดนแฟนๆ เซอร์ไพรส์ในช่วงถ่ายภาพแล้ว หนุ่มๆ ขอเซอร์ไพรส์บ้างด้วยการแสดงดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่และตระการตา ถึงขนาดที่ตัวศิลปินเองยังมานอนดูพลุกับแฟนๆ ที่กลางเวที

เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตในความทรงจำของเหล่า NCT DREAM และ NCTzen ไปอีกนานแสนนาน แม้ว่า ‘เหรินจวิ้น’ หนึ่งในสมาชิกของวงจะไม่ได้มาร่วมทำการแสดงในคอนเสิร์ตครั้งนี้เนื่องจากปัญหาสุขภาพ แต่ทุกพื้นที่ของสถานที่จัดงานในวันนี้ก็เต็มไปด้วยภาพของเขาที่ทางผู้จัดและแฟนๆ พร้อมใจกันเตรียมให้อย่างน่าประทับใจ