“ถ้าพื้นที่ในใจของคนฟังมี 100%
อัลบั้มนี้จาก Paper Planes
ควรเป็น 1% ที่จะติดอยู่ในใจคนฟังตลอดไป”
ผมตัดสินใจใช้คำโปรยแบบนี้ทันทีตั้งแต่นั่งฟังเพลงในอัลบั้ม 1% จาก Paper Planes จบในงานแถลงข่าวเปิดอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในชีวิตของพวกเขาจากการลงมือทำเพลงทั้งหมด 21 เพลงให้สำเร็จเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาสี่ปี หากจะพูดถึงในยุคสมัยปัจจุบันที่เทคโนโลยีมุ่งไปข้างหน้าและมีอะไรที่ล้ำหน้าให้พวกเราได้พบเจอกันแล้วนี่คือการใส่ใจในรายละเอียด 21 เพลงชนิดที่หากคุณเดินผ่านมาแล้วกดฟังเพลงในอัลบั้มนี้เรียงไปเรื่อยๆ จะต้องมีสักเพลงที่ติดอยู่ในหัวใจของคุณและกลายเป็นเพลงประกอบชีวิตต่อไป ดังนั้นรูปแบบการทำงานในอัลบั้มนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นการเสิร์ฟอาหารที่มีครบทุกรสชาติ มีทุกฟังก์ชันในการใช้งาน เพลงเร็วก็ยอดเยี่ยม เพลงช้าก็ฮิตติดลมบน ฉะนั้นแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมขอทำการรีวิวอัลบั้มนี้โดยขอแบ่งพาร์ทในการเล่าเรื่องทั้งหมดเป็น 4 พาร์ทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้ครับ

PART 1 : การทดลองสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่
เพลงที่ใช้ในการทดลอง : Hypothesis, กำหมัด (Smoulder), 1%, เสแสร้ง (Pretend) Feat. Moon, ชัดเจน (Complicated)
พาร์ทแรกของอัลบั้มเปิดตัวออกมาได้อย่างน่าสนใจ การเลือกเพลงที่เป็นเซ็ตในช่วงเวลาเริ่มตั้งไข่ของอัลบั้มนี้มาอยู่ในหมวดแรกทำให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่เล็กน้อย อาจจะไม่ได้ว้าวขนาดขนลุกทั้งตัวแต่ก็พอจะทำให้จับมวลแห่งการทดลองอะไรบางอย่างได้ ทั้ง Interlude : Hypothesis ที่นำเสียงของการทดลองมาเป็นตัวเล่าเรื่องและชงเข้าสู่เพลงเปิดหัวอย่าง กำหมัด (Smoulder) ซิงเกิลแรกอย่างเป็นทางการที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2021 ซึ่งบ่งบอกทิศทางของอัลบั้มนี้ได้เป็นอย่างดี
ตามมาด้วยเพลง 1% เพลงที่ส่วนตัวผมให้เป็นเพลงพระเอกในอัลบั้มนี้ เพลงที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดว่าหากไม่รู้อะไรก็แค่เงียบ ไม่ต้องพูดถ้าไม่รู้เรื่องจริงทั้งหมด ผมว่าเพลงนี้ซาวนด์ค่อนข้างอินเตอร์และเนื้อเพลงค่อนข้างสะใจพอสมควร ถือเป็นทิศทางที่ดีและทำให้เราสามารถอยู่ในอัลบั้มนี้ต่อได้ด้วยเพลงนี้
เพลงต่อมา เสแสร้ง (Pretend) Feat. Moon เพลงที่แจ้งเกิดให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนฟังหมู่มากทั่วประเทศไทยและทำให้รู้สึกได้ว่าเหมือนตัวของวงเองจะเจอทิศทางของตัวเองจากเพลงนี้ก่อนที่จะกลายเป็นวงร็อกยอดฮิตในปัจจุบันที่มีทั้งวัยรุ่น ฟันแท้ ฟันน้ำนม ฟันปลอม มาติดตามต่อจากนั้น
ชัดเจน (Complicated) เพลงสุดท้ายในหมวดของการทดลองซึ่งเป็นหนึ่งเพลงฮิตที่วงได้สร้างขึ้นมาต่อยอดในช่วงที่ ทรงอย่างแบด กลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญของวงการเพลงในช่วงหนึ่งและทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อผู้ฟังให้ฟังต่อได้โดยไม่สะดุดเพราะเพลงนี้อีกด้วย ที่สำคัญฟังก์ชันในการทำงานของเพลงนี้ก็เป็นเหมือนการเชื่อมไปสู่พาร์ทถัดไปได้อย่างไม่ติดขัดและมันก็ยิ่งทำให้รู้ว่าสำหรับเขาทั้งคู่ไม่ว่าเพลงจะช้าหรือจะเร็วพวกเขาก็ทำให้มันฮิตได้ไม่ยากถ้ามีสไตล์ชัดเจนพอ

PART 2 : ความน่าจะเป็น การได้ทดลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
เพลงที่ใช้ในการทดลอง : Stochastic, ต่อให้ (Head Start), ทรงอย่างแบด (Bad Boy), เหตุด่วนเหตุร้าย (Heart Thief), ขอให้โชคเลว (Good Luck, No!)
หลังจากที่พาคนฟังไปทดลองการทำเพลงต่างๆ ในช่วงแรกของอัลบั้มซึ่งผลการทดลองเป็นไปในทางบวก ทุกเพลงที่ทุกคนฟังไปก่อนหน้านั้นมันคือเพลงฮิตเพลงดังที่แฟนเพลงจดจำและร้องตามได้ พาร์ทต่อมาจึงเป็นพาร์ทของการลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนและมันดันเป็นสิ่งใหม่สำหรับวงดนตรีวงร็อกวงหนึ่งที่พึงกระทำให้ดีที่สุดในยุคนี้
เพลงแรกของพาร์ทนี้คือ ต่อให้ (Head Start) Feat. URBOYTJ เพลงสนุกๆ จังหวะชวนโยกที่ถ้าฟังดีๆ ก็พอจะเดาทางได้ไม่ยากกับการมาร่วมร้องของ URBOYTJ แต่ความพิเศษที่น่าสนใจของเพลงนี้ก็คือ เนื้อเพลงที่หยิบเอาความเป็น Paper Planes ที่ไม่ได้ตึงและหย่อนจนเกินไปมาแจมกับ URBOYTJ ที่มาสรุปทุกอย่างให้เข้ากันได้ดีผ่านการแรปสนุกๆ จึงเป็นสีสันใหม่ๆ ที่ถ้าจะลดความแรงของอัลบั้มนี้ลงมาได้ถือว่าเพลงนี้ก็ช่วยทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
ทรงอย่างแบด (Bad Boy) เพลงฮิตของวัยรุ่นฟันน้ำนมที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง กลายเป็นเพลงที่โด่งดังพอๆ กับคำขวัญวันเด็กที่นายกรัฐมนตรีคิดเลยก็ว่าได้ พอทรงอย่างแบดถูกนำมาเรียงในอัลบั้มให้ต่อจากเพลง ต่อให้ แล้วกลายเป็นว่าทุกอย่างมันโอเคมากขึ้น ไม่โดดไม่สะดุด ไม่เสียความเป็นตัวตนของอัลบั้มเพลงร็อกที่เพลงถูกลดจังหวะมีเดียมลงมาเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกของคนฟังสักระยะหนึ่งก่อนจะกลับไปสู่กราฟแห่งความเดือดอีกครั้งในช่วงท้าย หน้าที่ของเพลงนี้ไม่มีอะไรมาก ร้องตามไปครับ ใครร้องไม่ได้ผมคงแปลกใจเพราะว่าเด็กข้างบ้านผมยังร้องได้เลย
เหตุด่วนเหตุร้าย (Heart Thief) เพลงแจ้งความเป็น Pop Punk สุดฮิตที่กลายเป็นว่าพอมาอยู่ในอัลบั้มช่วงของการทดลองกลับทำหน้าที่ในการต่อยอดเพลงทรงอย่างแบดให้ขับความฮิตความฮ็อตของวงให้สูงขึ้นไปอีก ผมกลับชอบเพลงนี้มากกว่าทรงอย่างแบดซะอย่างนั้นแถมฟังก์ชันในการนำไปเล่นสดเพลงนี้กลับทำหน้าที่ได้อย่างน่าสนใจในการทำให้คนกระโดดได้โดยไม่ต้องสนว่าคุณจะอายุเท่าไหร่่ จะเด็กจะแก่ก็สนุกกับเพลงนี้ได้อย่างง่ายดาย ถือว่าเวิร์คนะหมวดเพลงเซ็ตนี้ที่เรียงไว้แบบนี้
ขอให้โชคเลว (Good Luck, No!) เพลงอกหักรักคุด ชีวิตสุดเศร้าของหนุ่มร็อกหัวใจพังก์ที่พลาดไปหมด ฉะนั้นแล้วอวยพรให้เธอโชคเลวไปเลยแล้วกัน เราว่าหน้าที่ของเพลงนี้ก็น่าสนใจอีกเช่นกันเพราะเหมือนเป็นการแลนดิ้งหมวดเพลงมีเดียมของวงให้จบลงที่เพลงนี้ก่อนที่จะไปกันต่อในพาร์ทถัดไป ซึ่งถ้าฟังดีๆ Bpm ของวงจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนมาถึงเพลงนี้เพื่อเตรียมเลี้ยงไปสู่เพลงช้าที่ทั้งคู่เตรียมไว้ให้เราได้เศร้าได้ซึมกันอีกชุดใหญ่ต่อจากนี้

PART 3 : การถูกปกปิดและซ่อนไว้ซึ่งความมหัศจรรย์ที่น่าสนใจของ Paper Planes
เพลงที่ใช้ในการทดลอง : Double-Blind, ความว่างเปล่า (Emptiness) Feat. ต้น & ต่อ Silly Fools, หากว่าฉันดีกว่านี้ (What If?), กลับมาเพื่อบอกลา (Just To Let Me Know), เธอสวยที่สุดในชุดสีขาว (Reminisce), กุญแจมือ (HandCuffs), ควัน (Tearless) Feat. NAP the NAP, เต๋า Sweet Mullet, หมดมวนนี้ (Cigarette After Sex), No Light
เดินทางมาถึงพาร์ทสำคัญที่สุดในอัลบั้มนี้ อีกหนึ่งพาร์ทกับพาร์ทที่วัดใจคนฟัง วัดใจคนทำเพลงว่าจะเดินทางไปต่ออย่างไรให้สิ้นสุดอัลบั้มนี้อย่างสวยงาม เพราะหลายๆ เพลงในพาร์ทนี้เป็นเพลงที่ยังไม่เคยถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่มีใครสามารถกำหนดทิศทางความดัง ความฮิต หรือความสำเร็จอะไรได้เลย ดังนั้นแล้วมาดูกันครับว่าเกิดอะไรขึ้นในพาร์ทที่วัดใจที่สุดในอัลบั้มนี้ของ Paper Planes
ความว่างเปล่า (Emptiness) Feat. ต้น & ต่อ Silly Fools เริ่มต้นกันที่เพลงฮิตสไตล์ยุค 2000s ที่ได้ไอคอนในยุคนั้นคือ Silly Fools มาร่วมแจม ทำให้กลิ่นอายของเพลงนี้ถูกปรุงแต่งให้คนร้องตามได้ทั่วบ้านทั่วเมือง และการหยิบเพลงนี้มาเปิดหัวในพาร์ทนี้ก็ยังเป็นอีกครั้งที่ Paper Planes ตัดสินใจได้ดีและทำให้เราไปต่อได้ เพราะหนทางข้างหน้าเรายังไม่รู้ว่าจะเจอกับเพลงอะไรบ้างต่อจากนี้ ดังนั้นการหยิบเพลงช้าสุดฮิตอีกหนึ่งเพลงของวงมาอยู่ตรงนี้ถือว่าเป็นการค่อยๆ บอกแฟนเพลงว่า ต่อจากนี้จะซึม จะดิ่ง จะเศร้าให้สุดขั้วหัวใจ ฉะนั้นแล้วไปกันต่อนะทุกคน
หากว่าฉันดีกว่านี้ (What If?) เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ผมชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟังเพราะเป็นเพลงที่ไม่ได้เศร้าจนเกินไป ไม่ได้สุขจนเต็มหัวใจ แต่เป็นการเข้าใจตัวเองว่านอกจากเราที่อยากให้ชีวิตคนอื่นมีความสุขแล้ว ตัวตนของเราเองก็ควรจะมีความสุขและโลกใบนี้ก็ควรใจดีกับเราบ้าง ไม่ใช่จะประเคนแต่ความทุกข์มาให้ ผมว่าเพลงนี้ผมชอบและกลายเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ผมให้ A+ ในอัลบั้มนี้ไปโดยปริยาย
กลับมาเพื่อบอกลา (Just To Let Me Know) เพลงช้ายอดวิวระเบิด แม้วงจะบอกว่าพวกเราไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไงให้เพลงดังแต่เพลงมันตั้งใจดังเองซึ่งก็จริงอย่างที่วงพูดเลย หน้าที่ของเพลงนี้ไม่มีอะไรมาก เพียงสังเกตดีๆ หากฟังเพลงแล้วลองเรียงเรื่องราวต่อกัน ในพาร์ทนี้มันเปรียบเสมือนชีวิตของคนคนหนึ่งที่ได้พบเจอกับเรื่องราวของความรัก ความผิดพลาด และการก้าวต่อไปให้ได้ในชีวิต
เธอสวยที่สุดในชุดสีขาว (Reminisce) เพลงพระเอกที่หวังว่าจะได้เห็นเธอคนนั้นที่เรารักสวมชุดสีขาวและได้แต่งงานกัน แต่มันกลับเป็นแค่ภาพงานแต่งงานที่เธอกับเขายืนอยู่ข้างหน้าและทำได้เพียงแค่ยินดีเท่านั้น รูปแบบของเพลงนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ทางวงไม่ได้ทำทำนองทั้งหมดเอง แต่ได้ หมู Big Ass มาช่วยขัดเกลาและทำให้ภาษาในเพลงนี้ออกมาสวยมากๆ ส่วนตัวคิดว่าอาจจะไม่ได้เป็นเพลงรักแบบเต็มร้อยเปอร์เซ็็นต์ แต่เอาจริงก็เกินครึ่งความรู้สึกเหมือนกันที่มองว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงฮิตเพลงต่อไปของวงได้ไม่ยากเพราะภาษาและเนื้อหาของมันสวยงามมากจริงๆ
กุญแจมือ (HandCuffs) อีกหนึ่งเพลงที่เป็นเหมือนเพลงที่รอวันแจ้งเกิดเช่นกันกับเนื้อหาการเล่าเรื่องหลังจากที่ตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเศร้า เห็นเธอใส่ชุดสีขาวมาแล้วไม่พอต้องมาโดนใส่กุญแจมือให้ตัวฉันรู้สึกผิดในความรักที่ผ่านพ้นไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพลงนี้ผมว่าโอกาสดังมีสูงพอๆ กันกับเพลงเธอสวยที่สุดในชุดสีขาว ฟังก์ชันครบถ้วนมาก ส่วนตัวชอบหลายๆ เพลงในพาร์ทนี้เลยครับ
ควัน (Tearless) Feat. NAP the NAP, เต๋า Sweet Mullet หนึ่งในเพลงที่แฟนเพลงทั่วประเทศไทยรอฟังมากที่สุดกับการรวมพลังครั้งสำคัญของรุ่นน้องรุ่นพี่ที่เป็นเหมือนไอดอลของพวกเขาในวัยเยาว์ผ่านการทำเพลง บอกได้เลยว่ามันคือเพลงแรงก์ A+ ของ Paper Planes ที่จะฮิตทันทีอย่างแน่นอนหลังจากที่ปล่อยอัลบั้มนี้ไป การได้ยินความดุเดือดที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เปิดหัวผสมกับเนื้อหาที่พาทุกคนถอยหลังกลับไปในยุคที่ Retrospect และ Sweet Mullet ก้าวขึ้นมาเป็นวงร็อกหัวแถวของประเทศไทยในช่วงยุค 2000s ก็หวนกลับมาทันทีผ่านเพลงนี้ ไม่มีอะไรนอกจากขอพูดว่า ไปฟังเถอะคุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน ชอบความหนักหน่วงในเพลงนี้นะ ใช้คุ้มดี ตามแบบฉบับของเพลงร็อกที่ทุกอย่างมันกลมกล่อมมากๆ
หมดมวนนี้ (Cigarette After Sex) หลังจากที่หนักหน่วงกันทางอารมณ์มาระยะหนึ่งแล้ว เพลงนี้เหมือนเป็นการผ่อนเกียร์ให้คนฟังกลับมาตั้งหลักอีกครั้งก่อนที่จะแลนดิ้งลงในช่วงท้ายของอัลบั้มนี้ หน้าที่ของเพลงนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นการผ่อนแรงของคนฟังให้สานต่อไปกับเรื่องราวของความสัมพันธ์สไตล์ One Night Stand ที่เพียงแค่บุหรี่มวนเดียวเมื่อดับลงทุกอย่างก็จบลงไปเช่นกัน จริงๆ การเปรียบเปรยในเพลงนี้น่าสนใจมากๆ และมันก็ทำให้รู้ว่าเมื่อความรักจบลง ทุกสิ่งมันพังลงสิ่งที่เหลืออยู่คือตัวเราเอง และมันจึงเป็นที่มาของการส่งเข้าเพลงสุดท้ายในพาร์ทนี้
No Light เพลงส่งท้ายของพาร์ทนี้ที่ว่าด้วยเรื่องราวชีวิตของฮายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เล่าผ่านการแรปที่บ่งบอกถึงสิ่งที่เจ้าตัวได้พบเจอและไปพิสูจน์มา เราชอบนะมันดูเป็นเหมือนการที่ตัวของฮายเองก็ได้ระบายตัวตนของตัวเองลงไปในเพลงนี้ด้วยว่า กว่าจะมาถึงตรงนี้ไม่ได้ฟลุุก ต้องล้มลุกคลุกคลานมากมายหลายครั้งขนาดไหน ฉะนั้นแล้วปิดท้ายได้ดีครับสำหรับการทดลองในพาร์ทนี้ มีหลายๆ เพลงที่น่าฟังมากๆ ในพาร์ทวัดใจนี้

PART 4 : บทสรุปในอัลบั้ม 1% ของ Paper Planes บอกเล่าว่าทุกคนต้องเดินทางต่อไปบนความเชื่อ ความรัก และความฝัน
เพลงที่ใช้ในการทดลอง : Synopsis, ใบไม้ (Fall)
พาร์ทสุดท้ายในอัลบั้มนี้ที่ว่าด้วยเรื่องของการเป็นตัวเองในวันที่รู้ว่าอะไรควรทำและอะไรที่ควรจะเป็น เหมือนเป็นการทำความเข้าใจว่าอย่างน้อยในวันที่โลกหมุนไปข้างหน้า ชื่อเสียง ความกดดัน ภาระที่ต้องพบเจอ ขอเพียงแค่ 1% ที่ยังเป็นตัวเองอยู่ แค่นั้นก็สุขใจแล้ว
ใบไม้ (Fall) เพลงสุดท้ายในอัลบั้มนี้ที่ส่วนตัวคิดว่าเหมือนเป็นการสรุปเรื่องราวของวงในอัลบั้มนี้ที่ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะอยู่บนยอดไม้ที่สูงสุดตลอดไป บางคนก็อยากใช้ชีวิตให้เป็นเหมือนใบไม้ที่ปลิวไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจของตัวเอง เพลงนี้เหมือนแลนดิ้งให้คนฟังได้มีอารมณ์แห่งความสุข เปรียบดังแสงสว่างจากการนั่งฟังอัลบั้มนี้ให้จบลงด้วยความรื่นรมย์และสามารถใช้ชีวิตตามแนวทางที่ตัวเองเชื่อต่อไป
โดยรวมอัลบั้มนี้ของ Paper Planes ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มเปิดปีที่พิถีพิถันในการทำเพลงมากๆ เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะบรรลุผลแค่ไหนในแง่ของชื่อเสียง เงินทอง หรือรายได้ แต่ในแง่ความสำเร็จของตัววงที่สื่อสารผ่านแฟนเพลงออกมาเป็น 21 เพลงนี้ถือว่าลุล่วงไปแล้วด้วยดีตั้งแต่วินาทีที่อัลบั้มนี้เสร็จ ทุกอย่างมันสวยงามมากๆ รายละเอียดครบ ลึก และพร้อมจะเป็นเพลงประกอบชีวิตของคนฟังได้ทุกเพลง แถมยังเป็นการตอกย้ำอีกด้วยว่า เพลงร็อกไม่เคยตายและหายไปจากใจของคนฟังเลย