ปล่อยออกมาท่ามกลางความคาดหวังของแฟนๆ สำหรับมินิอัลบั้มใหม่ล่าสุดของ เตนล์-ชิตพล ลี้ชัยพรกุล หรือ TENLEE ศิลปินหนุ่มชาวไทยจากค่ายยักษ์ใหญ่ในประเทศเกาหลีใต้ SM Entertainment
มินิอัลบั้มนี้เป็นชุดที่สองของเขาแล้ว โดยปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาช่วงเวลา 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย กับมินิอัลบั้มที่มีชื่อว่า ‘STUNNER’ มีทั้งหมด 7 แทร็กด้วยกัน
วันนี้ Spacebar VIBE ขอหยิบอัลบั้มใหม่ของศิลปินชาวไทยหนึ่งเดียวในค่าย SM Entertainment มารีวิวตามความรู้สึกของผู้เขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน จะเป็นอย่างไรมาดูกันเลย!
สำหรับ Tracklists ของมินิอัลบั้มนี้เรียงออกมาตามลำดับดังนี้
01 STUNNER
02 Enough For Me
03 BAMBOLA
04 Sweet As Sin
05 Waves
06 Butterfly
07 STUNNER (English Ver.)
เราขอเริ่มที่เพลงแรกจาก Tracklists ในอัลบั้มนี้นั่นคือ STUNNER ซึ่งเป็นเพลงไตเติลของมินิอัลบั้มนี้ด้วย เพลงนี้มาในแนว R&B Pop ผสมผสานเครื่องดนตรีที่มีจังหวะดึงดูดใจฟังง่ายสามารถโยกตามได้เบาๆ จุดเด่นของเพลงคือเสียงกระซิบโทนต่ำทั้งในพาร์ทแรปเองหรือจะเป็นเสียงคอรัสที่สร้างความดึงดูดใจมากขึ้นหลายเท่าตัว เนื้อเพลงบอกเล่าถึงการถูกดึงดูดใจจากใครสักคนที่น่าหลงใหลจนถึงกับต้องตั้งคำถามว่า “เธอทำอะไรกับฉันกันแน่”
ด้วยความที่เพลงนี้เป็นเพลงไตเติลจึงแน่นอนว่าต้องมี MV ด้วย โดยใน MV เป็นการเล่าเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงการถูกดึงดูดใจที่แม้แต่ตัวเตนล์เองที่มีพลังแม่เหล็กดึงดูดทุกอย่างทั้งผู้คนและสิ่งของยังสามารถดึงดูดผู้ชม MV ไม่ให้หลุดโฟกัสได้เช่นกัน กับพาร์ทที่เป็นช่วงเพอร์ฟอร์แมนซ์เตนล์ยังคงวาดลวดลายท่าเต้นได้น่ามองเช่นเคย
มาที่เพลงต่อไป Enough For Me เพลงภาษาอังกฤษล้วนในแนว R&B Pop เพลงนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวสื่อถึงการมีช่วงเวลาดีๆ ที่ได้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว โดยในท่อนฮุคแปลออกมาได้ความว่า “โทรหาผมเมื่ออยากมีช่วงเวลาดีๆ หรือกำลังเผชิญกับค่ำคืนแย่ๆ ก็ได้ เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว” เป็นเพลงที่หากมีใครส่งให้ก็นับว่าโรแมนติกเล็กๆ เหมือนกัน แต่ถ้าตีความหมายทั้งเพลงอาจจะหมายถึงการที่ใครมีอะไรให้ติดต่อไปที่เขาได้เลย ไม่ว่าจะงานแฟชั่นหรืออะไรที่เป็นโอกาสสุดท้าย โทรไปได้เลยเขาโอเคหมด
นอกจากนี้เพลงนี้อาจจะหมายถึงเขากับ 10vely ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกจับตามองและถูกพูดถึงในด้านต่างๆ เสมอ อีกทั้งยังบอกอีกว่าใครจะพูดอะไรก็พูดไป ส่วนเตนล์กับ 10vely มาช่วยกันเก็บเงินและวิ่งไขว่คว้าหาความสำเร็จด้วยกันดีกว่า แค่เตนล์กับ 10vely อยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว
เพลงที่สามจาก Tracklists คือ BAMBOLA อีกหนึ่งเพลงที่มี MV เป็นเพลงพรีรีลีสที่ปล่อยออกมาเมื่อช่วงวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมท่าเต้นสนุกๆ ที่แฟนๆ พากันทำชาเลนจ์ก่อนจะมองหาหมอจัดกระดูกใกล้ฉันไปตามๆ กัน
BAMBOLA เป็นเพลงแนว Dance Pop สื่อถึงคาแรกแตอร์เด็กซนๆ ที่พยายามควบคุมอีกฝ่ายตามใจชอบเหมือนเป็นเช่นตุ๊กตา เพราะคำว่า BAMBOLA ในภาษาอิตาลีแปลว่าตุ๊กตานั่นเอง
ความสนุกของเพลงนี้คือมีการตัดสลับภาพจากกล้องถ่ายทำแบบปัจจุบันและภาพที่ถ่ายจากแฮนดิแคม ให้ความรู้สึกเหมือนยุค 90s นิดๆ ตัว MV ก็ถ่ายทำในกองถ่ายอีกที และมีการเซอร์ไพรส์วันเกิดเตนล์ใน MV ด้วย ซึ่งวันเกิดของเขาคือวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เพลงที่สี่คือ Sweet As Sin เพลงภาษาอังกฤษที่บอกเล่าถึงอารมณ์มืดหม่นผสมผสานองค์ประกอบของ Pop และ Hip-Hop เข้าด้วยกัน เพลงนี้สื่อถึงความมั่นใจในตัวเอง เปรียบตัวเองเป็น ‘เนปาล์ม’ ระเบิดในรูปแบบการทำปฏิกิริยาของเคมีที่ให้ความร้อนสูงมากประดับด้วยเชอร์รี่ วัตถุอันตรายที่ดึงดูดใจแต่ถ้าหากได้ไปแตะอาจจะระเบิดได้
อีกทั้งยังสื่อถึงความตื่นเต้นของความรักในวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยพลังและความลุ่มหลง เปรียบทุกอย่างรอบตัวเหมือนจะถูกจุดไฟให้เปล่งประกายและเปลี่ยนแปลงไปในทันที
เพลงที่ห้าคือ Waves ในแนว R&B Pop โดดเด่นด้วยเสียงร้องอันนุ่มนวลของเตนล์ เนื้อเพลงบอกเล่าถึงความปรารถนาที่จะหนีจากชีวิตในเมืองหรือแห่งหนที่คุ้นเคยเพื่อไปค้นหาความสงบและความสุขในที่ใหม่ โดยใช้คลื่นทะเลที่เป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึกและอารมณ์ที่ลึกซึ้งเป็นการเปรียบเปรย เนื้อร้องสื่อออกมาถึงเมื่อได้อยู่กับคนที่รักก็สามารถละทิ้งความวุ่นวายและความเครียดได้ แม้ว่าจะมีความรับผิดชอบที่ทำให้ต้องจากกันแต่ความปรารถนาที่จะอยู่กับคนที่รักนั้นยังคงอยู่เสมอ
เพลงนี้ยังได้ศิลปินชาวสวีเดน Omar Rudberg มารับหน้าที่โปรดิวซ์ แต่งเนื้อร้องและเรียบเรียงให้ด้วย เป็นอีกหนึ่งเพลงที่นับว่าพิเศษมากๆ
เพลงที่หกคือ Butterfly ในแนว R&B ภาษาเกาหลีล้วน ท่วงทำนองช้าๆ ที่มาพร้อมเนื้อเพลงสื่อถึงความรักในห้วงคำนึงถึงความทรงจำที่ยังคงติดอยู่ในใจ การจากลาที่ไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว การเพรียกหารอยยิ้มที่ไม่อาจหวนคืน ความทรงจำจากหยาดน้ำตาที่สะท้อนถึงความเจ็บปวดทรมานและอดีตที่เจ็บปวดแต่งดงาม แค่ฟังแบบไม่รู้ความหมายของเนื้อเพลงก็รู้สึกเจ็บปวดแล้ว ถ้าแปลความหมายไปด้วยยิ่งทวีคูณความบาดลึกไปอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
เพลงสุดท้าย STUNNER (English Ver.) แน่นอนว่าเวอร์ชันภาษาอังกฤษต้องเป็นเพลงเดียวกับเพลงไตเติลอย่างแน่นอน แต่สำหรับเพลงนี้มีแค่จังหวะ R&B Pop และทำนองเพลงเท่านั้นที่เหมือนกับเพลงไตเติล นอกนั้นกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ความหมายของเพลงนี้สื่อถึงตัวเองที่เป็นผู้ดึงดูดใจจากท่อนที่ร้องว่า “Won't you look at me now?” (แล้วตอนนี้เธอจะไม่มองฉันเหรอ?) ต่างจากเพลงไตเติลที่กล่าวถึงใครคนหนึ่งที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจราวแม่เหล็กจนทุกคนต้องหันมอง ซึ่งเนื้อหาที่แตกต่างกันในแต่ละเวอร์ชันนี้ยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสหลากหลายในการรับฟัง
เร็วๆ นี้ เตนล์ จะแวะมาทักทายแฟนๆ และทำการแสดงเพลงจากมินิอัลบั้มใหม่ล่าสุดให้แฟนๆ ชาวไทยได้ดูกันแบบสดๆ ในงานทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของเขาภายใต้ชื่อว่า ‘2025 TEN CONCERT 1001 MOVEMENT 'STUNNER' IN BANGKOK’ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 19-20 เมษายนนี้ ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี
โดยในเวลานี้บัตรยังคงมีจำหน่ายทาง 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ และเว็บไซต์ www.allticket.com/event/2025TENCONCERT_IN_BANGKOK พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับผู้ซื้อบัตร ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมของคอนเสิร์ตได้ทางบัญชีโซเชียลมีเดียต่างๆ ของ SM True: เฟซบุ๊ก facebook.com/smtruethailand, อินสตาแกรม instagram.com/smtruethailand, เอ็กซ์ x.com/SMTrueThailand และติ๊กต็อก tiktok.com/@smtruethailand สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อบัตรได้ทาง Counter Service : อีเมล [email protected] และไลน์ออฟฟิเชียล @counterservice
