New Year's resolution คืออะไร ทำไมเราถึงทำไม่สำเร็จเสียที?

28 ธันวาคม 2565 - 03:44

what-is-new-year-resolutions-SPACEBAR-Hero
  • New Year's resolution เป็นเหมือนธรรมเนียมของมนุษย์ที่ต้องทำกันทุกปี เสมือนสัญญาใจเพื่อหวังพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในปีต่อๆ ไป ทั้งที่ความจริงแล้วเรามีวิธีคิดที่ดีกว่านั้นก็เป็นได้

ใกล้เข้าสู่วันปีใหม่แล้ว ดูเหมือนว่าเราต้องเตรียมพร้อมกายและใจให้กับรายชื่อสิ่งที่เราอยากทำให้สำเร็จภายในปีที่จะมาถึงนี้ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ New Year's resolution ใครที่รู้จักก็อาจคุ้นเคยดี และคุ้นเคยเป็นอย่างมากเมื่อย่างเข้าใกล้สู่ช่วงปีใหม่ แต่สำหรับใครที่ไม่รู้จัก New Year's resolution คือการตั้งกฎ สร้างสัญญา หรือเป้าหมาย ให้กับตัวเอง เพื่อนำตัวเองไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น เลิกเหล่า เลิกบุหรี่ ออกกำลังกายมากขึ้น หรืออยากเรียนภาษาให้ได้หนึ่งภาษาภายในปีนี้ เป็นต้น 
 
New Year's resolution เดิมทีเป็นธรรมเนียมที่ฝั่งตะวันตกนิยมทำกันในช่วงปีใหม่ โดยเป็นธรรมเนียมที่คาดว่าสืบทอดมานานตั้งแต่ยุคโรมัน ในทุกๆ ปี ชาวโรมันจะทำสัญญากับเทพเจ้าทั้งหลายในช่วงต้นปี จากนั้นจะทำการตอบแทนด้วยการถวายสิ่งของ ส่วนใหญ่แล้วชาวโรมันจะทำสัญญานี้กับเทพเจ้าชื่อ เจนัส หรือยานูส (Janus) เทพเจ้าแห่งการเปลี่ยนผ่าน และเป็นเทพที่เป็นที่มาของชื่อเดือนมกราคม (January)
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2ORd3xBXLHnpuuGAv0drxt/7d11f7532d7d55be79da14f21add9296/what-is-new-year-resolutions-SPACEBAR-Photo01
ความเชื่อเรื่องการทำ New Year's resolution ไม่มีแค่ในโรมัน ในศาสนายูดายในช่วงวันยมคิปปูร์ (Yom Kippur) ก็มีการนั่งตริตรองในสิ่งเลวร้ายที่ตัวเองทำมาตลอดปีเพื่อทำการสำนึกบาป กลายเป็นว่าการสัญญาอะไรบางอย่างเพื่อตัวเองจะเป็นธรรมเนียมของมนุษย์มานมนาม และส่งทอดมายังปัจจุบันที่กลายเป็นเทรนด์ฮิตช่วงหนึ่ง 
 
แต่เมื่อเราปัดเอาเรื่องศาสนาออกไป การทำ New Year's resolution นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ในอดีตการทำผิดสัญญา ผู้คนอาจกลัวพระผู้เป็นเจ้าลงโทษ แต่ในปัจจุบันบางคนอาจเผลอทำผิดสัญญาโดยที่ไม่รู้สึกกลัวอะไร ดังนั้น การทำ New Year's resolution ในโลกปัจจุบันจึงมีความจำเป็นต้องอาศัยวินัยเป็นอย่างมาก บางคนอาจเปลี่ยนไปยึดถือกับสิ่งที่สำคัญกับชีวิตตัวเองแทน เช่น ทำเพื่อพ่อแม่ ทำเพื่อลูก หรือทำเพื่อคนที่เรารัก  
 
การที่บอกว่าคนส่วนใหญ่ล้มเหลวนั้นไม่ใช่การกล่าวขึ้นลอย แต่มีการสำรวจมาแล้วเมื่อปี 2007 โดย ริชาร์ด ไวส์แมน (Richard Wiseman) จากมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) เผยว่าการสำรวจคนทั้งหมด 3,000 คน มีคนอยู่ 88% ที่ไม่สามารถทำตาม New Year Resolution ได้จริง พร้อมยังกล่าวอีกว่า 52% รู้สึกมั่นใจแค่ในช่วงแรกๆ จากนั้นค่อยลดลงเรื่อยๆ จนเลิกทำในที่สุด 
 
The New York Times เคยกล่าวเกี่ยวกับการทำ New Year's resolution ว่ามีอยู่ 3 อย่างที่เป็นปัจจัยหลักทำให้เราทำไม่สำเร็จ นั่นคือ 
  1. สิ่งที่เราอยากเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเองมาจากค่านิยมในสังคม หรือเป็นเทรนด์ 
  2. สิ่งที่อยากทำยังดูครุมเครือ และไม่ชัดเจน 
  3. แผนที่คิดไว้เกินความเป็นจริง จนเข้าข่ายเป็น ‘ฝันลมๆ แล้งๆ’ 
 
ต่อให้รู้ว่ามีผลสำรวจพบคนส่วนใหญ่ทำไม่ได้จริง ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ หรือหากทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าชีวิตจะล้มเหลว เพราะว่าการทำ New Year's resolution ไม่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย และเพื่อความรู้สึกที่ดีขึ้น เราอาจต้องปัดสิ่งที่เรียกว่า New Year's resolution ออกไป และมองว่าเราสามารถพัฒนา และทำตามเป้าหมายของตัวเองได้ทุกเมื่อทุกเวลา โดยอาจเริ่มจากการทำสิ่งเล็กๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป จนทำได้อย่างสม่ำเสมอ 
 
คนที่เริ่มวิ่ง อาจเริ่มจากสัปดาห์ละครั้ง จากนั้นค่อยเพิ่มเป็นสัปดาห์ละสองครั้ง ตามลำดับ ที่กล่าวมานี้ไม่ต่างจากคำพูดที่ว่า เราควรเริ่มจากฝันที่เล็กๆ ก่อน และควรวางอยู่พื้นฐานของความเป็นจริง เพื่อจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป 
 
คนที่พยายามเลิกเหล้า อาจมีวันที่เผลอกินบ้าง แต่ถ้าใจมันยังอยากเลิก ก็ขอให้มีความรู้สึกนั้นต่อไป ไม่ใช่ว่าเผลอกินครั้งเดียว อันเป็นว่าสัญญาขาด เลยต้องกินเหล้าต่อไปแล้วค่อยเลิกใหม่ และลืมสัญญาที่ตัวเองให้ไว้ เช่นเดียวกันกับคนที่พยายามฝึกปรือฝีมือกับอะไรสักอย่าง เมื่อใดได้ลองจนพบคำตอบว่ามันไม่ใช่ทางของตัวเอง ยังมีอีกหลายทางให้ลองเลือกเดิน เพื่อหาสิ่งที่เป็นตัวเรามากที่สุด  
 
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร อยากให้ทุกคนคำนึงว่าในฐานะที่เป็นมนุษย์ ซึ่งมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียนรู้จากความผิดพลาด สุดท้ายแล้วพวกเราต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในแต่ละช่วงที่เปลี่ยนไป เรามีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัว แต่จะดีมากกว่านี้หากเราเข้าใจว่าเราจะเปลี่ยนแปลงไปทางไหน เพื่อการเติบโตอย่างมีคุณค่า และไม่น่าเสียดาย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์