องค์ดาไล ลามะ ที่ 14 ในมุมมองของคนทั่วไปคือผู้นำพระสงห์ในทิเบตที่โด่งดังที่สุด หากจะวัดด้วยการพบเห็นท่านตามสื่อต่างๆ สำหรับใครที่ไม่เคยรู้เลยเกี่ยวกับองค์ดาไล ลามะ อาจเข้าใจว่าเป็นเพียงพระสงฆ์ชื่อดังเหมือนที่เรารู้จักหลวงปู่มั่น หรือหลวงปู่ชา ใครที่อาจรู้มาบ้างก็คงรู้ว่าท่านไม่เป็นเพียงพระสงฆ์ แต่เป็นผู้นำพระสงฆ์ที่มีอำนาจราวกับเป็นประมุขของทิเบต
องค์ที่พบเห็นกันเป็นประจำในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีชื่อ ดาไล ลามะ ชื่อของท่านจริงๆ คือ ละโม โทนดุบ (Lhamo Thondup) ส่วน ดาไล ลามะ (Dalai Lama) เป็นเพียงชื่อตำแหน่ง มาจากภาษามองโกเลียรวมกับภาษาสันสกฤต แปลว่า ‘ocean guru’ หรืออาจารย์ผู้มีความรู้ดั่งมหาสมุทร โดยตำแหน่งนี้เปรียบเทียบได้กับ ‘เทพราชา’ (god-king) เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและประมุขแห่งทิเบต
องค์ที่พบเห็นกันเป็นประจำในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีชื่อ ดาไล ลามะ ชื่อของท่านจริงๆ คือ ละโม โทนดุบ (Lhamo Thondup) ส่วน ดาไล ลามะ (Dalai Lama) เป็นเพียงชื่อตำแหน่ง มาจากภาษามองโกเลียรวมกับภาษาสันสกฤต แปลว่า ‘ocean guru’ หรืออาจารย์ผู้มีความรู้ดั่งมหาสมุทร โดยตำแหน่งนี้เปรียบเทียบได้กับ ‘เทพราชา’ (god-king) เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและประมุขแห่งทิเบต

ชาวทิเบตเชื่อว่าองค์ดาไล ลามะ เป็นการกลับชาติมาเกิดของพระโพธิสัตว์อวโลกิศวร ตามความเชื่อของศาสนาพุทธแบบทิเบตที่ถือคำสอนระหว่างพุทธแบบมหายาน และพุทธแบบวัชรยาน ซึ่งถือการปฏิบัติมาจากพุทธแบบตันตระที่มีต้นกำเนิดมาจากอินเดีย และยังถือวินัยแบบสรวาสติวาทที่แยกมาจากนิกายเถรวาทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดขององค์ดาไล ลามะ เป็นธรรมเนียมความเชื่อประจำนิกายเกลุกปะ หรือนิกายหมวกเหลือง

ตามความเชื่อของนิกายลุกปะ เมื่อองค์ดาไล ลามะ มรณภาพ ราเจ็งรินโปเช ที่เป็นพระสงฆ์ระดับรองจะทำการค้นหาเด็กชายที่เชื่อว่าเป็นองค์ดาไล ลามะ กลับชาติมาเกิด วิธีคือเหล่าพระสงฆ์อาจรับนิมิต หรือคำพยากรณ์จากร่างทรง เมื่อหาเด็กจำนวนหนึ่งได้ ราเจ็งรินโปเชจะทำการสอบด้วยการนำเครื่องของใช้ขององค์ดาไล ลามะ องค์ก่อนหน้า มาวางคละกับเครื่องของใช้คนอื่นๆ เพื่อให้เด็กชี้ว่าอันไหนเป็นขององค์ดาไล ลามะ เด็กคนไหนที่สามารถเลือกได้ถูก และครบ จะรับการแต่งตั้งเป็นองค์ดาไล ลามะ องค์ต่อไปทันที แม้ว่าจะอายุยังน้อยก็ตาม
ธรรมเนียมเช่นนี้ถูกปฏิบัติมานานกว่า 13 รุ่น สืบความยาวนานถึง 600 ปี ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ทุกวันนี้ชาวิทิเบตเชื่อว่าองค์ดาไล ลามะ องค์ปัจจุบันเป็นการกลับชาติมาเกิดขององค์ดาไล ลามะ องค์แรก ซึ่งมีความเชื่อหลากหลายแตกต่างกันว่าองค์ดาไล ลามะ องค์แรก เป็นร่างอวตารของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรโดยตรง บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าเป็นร่างอวตารของ อติสา (Atiśa) ผู้นำพระสงฆ์ในรัฐพิหาร และดรอมเติน (Dromtön) หัวหน้าสงฆ์ที่เชื่อว่าเป็นร่างอวตารของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรครั้งที่ 45
ธรรมเนียมเช่นนี้ถูกปฏิบัติมานานกว่า 13 รุ่น สืบความยาวนานถึง 600 ปี ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ทุกวันนี้ชาวิทิเบตเชื่อว่าองค์ดาไล ลามะ องค์ปัจจุบันเป็นการกลับชาติมาเกิดขององค์ดาไล ลามะ องค์แรก ซึ่งมีความเชื่อหลากหลายแตกต่างกันว่าองค์ดาไล ลามะ องค์แรก เป็นร่างอวตารของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรโดยตรง บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าเป็นร่างอวตารของ อติสา (Atiśa) ผู้นำพระสงฆ์ในรัฐพิหาร และดรอมเติน (Dromtön) หัวหน้าสงฆ์ที่เชื่อว่าเป็นร่างอวตารของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรครั้งที่ 45

สำหรับองค์ดาไล ลามะ ที่ 14 นั้น เกิดในปี ค.ศ. 1935 ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวการปฏิวัติของชาวทิเบตต่อชาวจีนที่กำลังบุกรุกเข้ายึดครอง ต่อมาในปี ค.ศ. 1936 มีกลุ่มทหารจีนภายใต้การปกครองของ เจียง ไคเช็ก สามารถยึดครองทิเบตได้และผนวกพื้นที่เข้ากับมณฑลซิงไห่ในปี ค.ศ. 1951 องค์ดาไล ลามะ จำเป็นต้องหลบหนีผ่านเทือกหิมาลัยมายังตอนเหนือของอินเดีย และอาศัยอยู่ที่นั่นจนถึงปัจจุบันในฐานะผู้ลี้ภัย ก่อตั้ง ธรรมศาลา หรือดารัมชารา (Dharamshara) ในรัฐหิมาจัลประเทศ ไว้เป็นพื้นที่สำหรับผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัยชาวทิเบต

การลี้ภัยขององค์ดาไล ลามะ ที่ 14 เกิดประเด็นข้อสงสัยว่าในอนาคตจะมีองค์ดาไล ลามะ ที่ 15 หรือไม่หากท่านมรณภาพลง ซึ่งท่านเองเคยออกมากล่าวว่าเมื่อท่านอายุ 90 จะทำการปรึกษากับพระลามะระดับสูง ประชาชนชาวทิเบต และผู้ที่นับถือพุทธแบบทิเบต เพื่อทบทวนว่าสถาบันขององค์ดาไล ลามะนี้ควรจะดำรงอยู่ต่อไปหรือไม่ หากการกลับมาเกิดขององค์ดาไล ลามะควรคงอยู่ต่อไป ความรับผิดชอบในเรื่องนี้จะเป็นหน้าที่ของ Gaden Phodran Trust เพื่อสืบแสวงหาองค์ดาไล ลามะ ที่ 15

ทางด้านรัฐบาลจีนนั้นก็ตระหนักถึงเรื่ององค์ดาไล ลามะองค์ต่อไปเช่นกัน ถึงกับออกกฎหมายว่าการแต่งตั้งพระชั้นสูงในประเทศจีนทั้งหมดนั้นต้องได้รับการยินยอมจากรัฐบาลจีนเสียก่อน รวมถึงการคัดเลือกองค์ดาไล ลามะองค์ที่ 15 แม้ว่าท่านจะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่อปี ค.ศ. 1989 แต่ในสายตาของรัฐบาลจีนนั้นท่านเป็นเพียงผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดนเท่านั้น