Queen of Tears หากไม่แต่งงาน ความรักอาจไม่ร้างลาจริงหรือ?

12 มีนาคม 2567 - 04:42

why-love-fade-out-after-married-SPACEBAR-Hero.jpg
  • เหตุใดความรักที่ฟูมฟักมานานหลายปีถึงจืดจางไปหลังจากแต่งงานผ่านซีรีส์ Queen of Tears นำแสดงโดยพระเอกอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้อย่าง คิมซูฮยอน และนักแสดงสาวมากความสามารถ คิมจีวอน

  • ความรักที่จืดจาง อาจไม่ได้เกิดจากการกระทำของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว แต่อาจเกิดจากสารสื่อประสาทและฮอร์โมนของร่างกาย

ในฐานะมนุษย์ เราทุกคนต่างปรารถนาที่จะได้รักและกลายเป็นที่รักของใครสักคน ‘การแต่งงาน’ จึงกลายเป็นหมุดหมายอันยิ่งใหญ่ที่ถูกใช้เป็นเครื่องยืนยันความรักของคนสองคน แลกศรัทธา แลกสาบาน และร่วมแบ่งปันชีวิตหลังจากนั้นด้วยกันในทุกช่วงเวลา แม้ฟังดูแสนโรแมนติก แต่เมื่อช่วงเวลาอันหอมหวานของฮันนีมูนสิ้นสุดลง ชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยค่าใช้จ่าย การจัดการบ้านและครอบครัว รวมถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจทำให้ใครหลายคนสะดุดล้มบนเส้นทางแสนหวานชื่นนี้ได้

why-love-fade-out-after-married-SPACEBAR-Photo V01.jpg
Photo: Netflix

Queen of Tears หรือ ราชินีแห่งน้ำตา ซีรีส์ทางโทรทัศน์ของเกาหลีใต้จากค่าย tvn ที่กำลังฉายให้ผู้ชมคนไทยได้ชมผ่านสตรีมมิงแพล็ตฟอร์ม Netflix นำแสดงโดยพระเอกอันดับหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้อย่าง คิมซูฮยอน (Kim Soo Hyun) เจ้าของบทบาท โทมินจุน จากซีรีส์ ยัยตัวร้ายและนายต่างดาว ประกบคู่กับ คิมจีวอน (Kim Ji Won) นักแสดงสาวมากความสามารถผู้เคยฝากฝีมือไว้ในซีรีส์โด่งดังอย่าง The Heirs, Descendants of the Sun และ Fight for My Way

Queen of Tears ซีรีส์โรแมนติก-ดราม่า ถ่ายทอดเรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ แบคฮยอนอู (รับบทโดย คิมซูฮยอน) กับ ฮงแฮอิน (รับบทโดย คิมจีวอน) คู่รักที่เคยมีช่วงเวลาแสนหวานชื่น แต่แล้วหลังจากแต่งงานไปเพียงแค่สามปี ความรักที่เคยมีกลับจางหาย แบคฮยอนอู รู้สึกเครียดถึงขั้นต้องพบจิตแพทย์ ในขณะที่ ฮงแฮอิน ก็รู้สึกว่างเปล่าโดดเดี่ยวถึงขนาดที่คิดว่าหากตัวเองป่วยคงไม่มีใครรู้สึกเสียใจที่เธอต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้

ความรักที่ถูกบ่มเพาะเลี้ยงดูมาอย่างดีหลายปี เหตุใดหลังจากแต่งงานจึงได้จืดจางลงเช่นนั้น?

why-love-fade-out-after-married-SPACEBAR-Photo02.jpg
Photo: tvn

ปัญหารักจืดจางหลังจากแต่งงานดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่และเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่หลายคนคาดคิด เพราะไม่เพียงแต่ผู้คนทั่วไปอย่างเราๆ ที่กำลังตั้งข้อสงสัย แต่นักวิชาการ นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาด้านความสัมพันธ์หลายคนต่างก็กำลังให้ความสนใจและให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหาข้อนี้

ในแง่ทางจิตวิทยา นักจิตวิทยาเสนอความคิดเห็นต่อปัญหาเรื่องนี้ไว้ว่า ความรู้สึกโรแมนติกอันร้อนแรงในช่วงแรกๆ ที่เกิดขึ้นมักเรียกกันว่า ช่วงฮันนีมูน ที่เกิดจากความแปลกใหม่และความตื่นเต้นในการค้นพบคู่ใหม่ แต่แล้วเมื่อความสัมพันธ์พัฒนาก้าวหน้าไป ความรู้สึกคลั่งรักอาจเปลี่ยนแปลงเป็นความผูกพันแบบเพื่อนมากขึ้น ทั้งนี้อาจเกิดจากปัจจัยทางชีวภาพของสารสื่อประสาทและฮอร์โมน

ในช่วงแรกของความสัมพันธ์ สารสื่อประสาท เช่น โดปามีน นอร์เอพิเนฟริน และเซโรโทนิน ต่างทำงานและหลั่งไหลสารเข้าสู่สมองเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอิบและความตื่นเต้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปฏิกิริยาทางเคมีเหล่านี้อาจคงที่ เมื่อเป็นเช่นนั้น สมองที่เคยได้รับสารในปริมาณเท่าเดิมเป็นเวลานานอาจรู้สึกชินชา ส่งผลให้อารมณ์ความรู้สึกที่เคยฟุ้งซ่านร้อนแรงลดลงตามธรรมชาติ จนทำให้เราเกิดความรู้สึกเบื่อกัน

why-love-fade-out-after-married-SPACEBAR-Photo03.jpg
Photo: tvn

นอกจากในเชิงชีววิทยาแล้ว ปาร์ชี ซัคเดฟ (Pracchi Sachdev) นักเขียนชาวอินเดียผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ก็ได้ระบุและให้เหตุผลเดียวกันเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ โดยเธอกล่าวว่าส่วนหนึ่งที่สำคัญของเรื่องนี้ คือ ‘ความเคยชิน’ ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ เมื่อผู้คนแต่งงานกัน พวกเขาจะเริ่ม บอกรัก จนติดเป็นนิสัย บางครั้งคำพูดเหล่านั้นกลายเป็นเพียงแค่ลมปากที่ไม่มีความหมาย อีกทั้งการมีเพศสัมพันธ์ในห้องนอนก็อาจกลายเป็นเหมือนกิจกรรมที่น่าเบื่อ ในออฟฟิศที่เราอยากตัดสินใจลาออกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายค่อยๆ เหินห่างจากกันไปจนความรักจืดจางลงไปในที่สุด

ความรักอาศัยความใกล้ชิดทางร่างกายมากกว่าที่หลายคนคิด เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงปฏิเสธลึกๆ อยู่ในใจ แต่หากคุณยังจำได้ถึงสัมผัสการจับมือคนรักครั้งแรก การมองตา และการกอดกัน คุณคงพอจะนึกออกว่าความใจสั่นมันทำให้เราบ้าคลั่งและถลำลงลึกไปในความรักหรือความสัมพันธ์ต่างๆ ได้ง่ายขนาดไหน

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะร่างกายของเรามี ออกซิโตซิน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าคือฮอร์โมนความรัก หรือ ฮอร์โมนแห่งพันธะ ที่มีบทบาทสำคัญในการบำรุงเลี้ยงความสัมพันธ์ทางอารมณ์ โดยระดับของมันอาจดีดสูงสุดในช่วงเวลาที่เราแสดงความใกล้ชิด การสัมผัส และความผูกพันทั้งทางร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก มันจะช่วยทำให้เรารู้สึกแน่นแฟ้นกับคู่ อย่างไรก็ตามเมื่อความสัมพันธ์เติบโตเต็มที่ ความถี่ของช่วงเวลาแห่งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ อันนำไปสู่ปัญหาข้างต้น

หากเริ่มสังเกตได้ว่าความใกล้ชิดในความสัมพันธ์เริ่มหยุดชะงักลงไป นี่อาจเป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำบางอย่างเพื่อคืนชีพความหวาน อาจเป็นการวางแผนเดตรับประทานอาหารเย็น เซอร์ไพรส์กันเป็นครั้งคราว หรือหลีกหนีไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดสั้นๆ ทำกิจกรรมที่คุณทั้งคู่ชื่นชอบร่วมกัน เพื่อให้ความรักความเสน่หาได้เบ่งบานอีกครั้ง

why-love-fade-out-after-married-SPACEBAR-Photo04.jpg
Photo: tvn

นอกจากความห่างเหินทางกายที่สร้างปัญหาแล้ว ซัคเดฟยังได้นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจอีกข้อ โดยเธอกล่าวว่าในความสัมพันธ์ที่ถูกพัฒนาไป ความรักอันเร่าร้อนมักค่อยๆ มอดดับและถูกแทนที่ด้วยความเห็นอกเเห็นใจ เต็มไปด้วยความรู้สึกผสมปนเป ต้องการความไว้วางใจ ต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นเพื่ออนาคต ทั้งสองฝ่ายต่างเริ่มเรียกร้องและคาดหวังกับคู่ของเรามากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นสมดุลในความสัมพันธ์จึงเริ่มจางหาย คนหนึ่งเริ่มให้โดยไม่รู้ว่าจะหยุดให้ตรงไหน ในขณะที่อีกฝ่ายกลับรับจนกลายเป็นนิสัยเคยตัว ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความเอาใจใส่ หรือการเอาอกเอาใจ โดยที่เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นต้องตอบแทนกลับคืนไป

นี่คือจุดเริ่มต้นของความอึดอัดคับข้องใจในชีวิตแต่งงานที่ไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อเราต่างเริ่มไม่พูดคุยและรับฟังกันเพื่อหาตรงกลางในความสัมพันธ์ หากเราเกิดอารมณ์บูดบึ้งและเลือกที่จะเก็บความคิดกวนใจไว้กับตัวเองแทนที่จะเล่าให้คนรักฟัง สุดท้ายปัญหาและความรู้สึกเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในใจก็จะค่อยๆ กัดกินจนกลายเป็นแผลใหญ่และเริ่มทำให้ความสัมพันธ์เว้าแหว่งในที่สุด ความอึดอัดคับข้องใจที่สะสมอยู่ภายในจะเริ่มส่งผลต่อชีวิตแต่งงาน ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์มากกว่าที่เราจะจินตนาการได้

การแต่งงานเป็นเรื่องที่ง่าย แต่ชีวิตหลังแต่งงานเป็นงานหนักที่ทั้งสองฝ่ายต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเข้าใจ รับฟัง และยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของกันและกัน ไม่มีการขอลาหยุดจากความสัมพันธ์ ไม่มีเลิกงานก่อนเวลา มันคือสิ่งที่เราต้องอยู่ร่วมกันและรับมือไปตลอดชีวิต 24 ชั่วโมง ถึงอย่างนั้นหากเรายังคงคอยเติมไฟ มองเห็นความสนุกและข้อดีต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ เราก็อาจจะมีความรักและชีวิตคู่ที่มีความสุขยืนยาวได้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์