เขาว่ากันว่า ใครก็ตามที่ถนัดมือซ้ายจะมีพรสวรรค์ทางด้านความสร้างสรรค์ มากกว่าด้านเหตุผลและตรรกะ เขาที่ว่านี่ใคร เราคงไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ ประชากรที่ถนัดมือซ้ายมีอยู่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ส่วนที่ว่ามีพรสวรรค์ด้านศิลปะมากกว่าเหตุผล เราคงต้องมาหาความจริงร่วมกันว่าจริงอย่างที่เขาพูดหรือไม่?
ถ้าพูดกันตามตรงในเรื่องของวิทยาศาสตร์ ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างชัดเจนว่าทำไมมนุษย์ถึงถนัดซ้ายอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรโลก การถนัดมือแต่ละข้างนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องกรรมพันธุ์ พ่อแม่บางคนถนัดขวาทั้งสองคน แต่ลูกสามารถถนัดซ้ายได้ หรือบางคนเป็นฝาแฝดกันยังถนัดใช้มือคนละข้าง แต่เป็นที่จริงที่ว่ามือแต่ละข้างนั้นถูกควบคุมโดยสมองคนละซีกกัน มือซ้ายถูกควบคุมด้วยสมองซีกขวา มือขวาถูกควบคุมด้วยสมองซีกซ้าย ซึ่งนำมาสู่ความเชื่อเรื่อง ‘ความแตกต่างกันระหว่างสมองทั้งสองซีก’
หลายคนเชื่อกันว่าสมองทั้งสองซีกทำงานคนละด้านกัน สมองซีกซ้ายถนัดเรื่องภาษา ส่วนสมองซีกขวาถนัดเรื่องอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นแล้ว คนที่ถนัดซ้ายต้องมีความคิดสร้างสรรค์เพราะถูกควบคุมโดยสมองซีกขวา ส่วนคนมือขวาต้องเก่งเรื่องภาษาและเหตุผลเพราะถูกควบคุมด้วยสมองซีกซ้าย ทั้งนี้เป็นความเชื่อผิดๆ ที่ส่งต่อกันมา อย่างไรก็ตาม ตามงานวิจัยของมหาวิทยาลัยยูทาห์ เรื่องสมองสองซีกทำงานคนละส่วนกันเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ได้แตกต่างกันมากขนาดนั้น
สมองทั้งสองซีกนั้นทำงานสัมพันธ์กัน ไม่ได้ทำงานแยกกันอย่างโดดเด่น ความเชื่อผิดๆ อาจเกิดจากการที่ความเป็นขั้วตรงข้ามที่ทำให้เกิดความรู้สึกต่างกันแบบเห็นได้ชัด ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าใครจะถนัดมือข้างไหนก็ฉลาดได้ทุกเรื่อง คนมือซ้ายจะเก่งภาษาก็ได้ หรือคนมือขวาจะเป็นศิลปินมากด้วยความสร้างสรรค์ก็ได้เช่นกัน
เอเลนี นตอลกา (Eleni Ntolka) และมาเรียตตา พาพาดาโต-พาสโต (Marietta Papadatou-Pastou) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอเธนส์ ทำการศึกษารวม 18 ครั้ง เกี่ยวกับเรื่อง IQ จากคนทั้ง 22,000 คน และ 36 ครั้ง จากคนทั้ง 66,000 คน พบว่าระดับ IQ ของคนถนัดมือซ้ายและมือขวาไม่มีความแตกต่างกันมากขนาดนั้น แต่ชาวมือซ้ายอาจต้องพ่ายแพ้ เพราะการศึกษาพบว่าชาวมือขวามีระดับสูงกว่าชาวมือซ้าย แต่เพียงนิดเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบอกว่าผลการศึกษาอาจเทียบไม่ได้กับชีวิตจริง เพราะฉะนั้นแล้ว จะมือซ้ายหรือขวาก็เท่ากันอยู่ดีโดยเฉลี่ย
แล้วเรื่องความคิดสร้างสรรค์ล่ะ? จริงๆ ในปี 2019 มีการศึกษาจากคนถนัดมือซ้ายทั้งหมด 20,000 คน ผลลัพธ์คือคนถนัดซ้ายมีแนวโน้มในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ตามระดับจาก 1 ถึง 100 แต่บทความจาก Psychology Today กล่าวว่า ผลลัพธ์ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนักหากเทียบกับคนถนัดขวา เพราะว่าความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างเป็นเรื่องกว้าง และไม่สามารถวัดตวงได้เป็นจริงเป็นจัง
แต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจบทความ The Guardian เสนอว่า เรื่องใครถนัดเรื่องอะไรกว่าระหว่างคนมือซ้ายกับคนมือขวาอาจต้องปัดตกไป สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือเรื่องความสม่ำเสมอในการใช้มือ ถ้าคุณเป็นคนมีความถนัดข้างใดข้างหนึ่งกับทุกกิจกรรม จะถูกนับว่าเป็นคนถนัดข้างนั้นแบบสม่ำเสมอ ถ้าคุณทานข้าวใช้มือข้างหนึ่ง เขียนใช้มืออีกข้าง เตะบอลใช้เท้าอีกข้าง จะเป็นคนที่มีความถนัดแบบยืดหยุ่น ซึ่งมีการศึกษาว่าคนที่มีความยืดหยุ่นมีแววที่จะเปิดรับความหลากหลายมากกว่าคนที่ถนัดเพียงข้างใดข้างหนึ่ง เพราะความยืดหยุ่นของความถนัดส่งผลต่อความยืดหยุ่นของสมอง พูดอีกนัยหนึ่ง คนที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่งกับทุกกิจกรรมอาจเป็นคนสุดโต่งนั่นเอง
ว่าแต่ทำไมวิวัฒนาการของมนุษย์ถึงยอมให้มีคนถนัดซ้ายรวม 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะทุกอย่างล้วนถูกวิวัฒนาการมาเพื่อเอาตัวรอด หากว่ากันตามทฤษฎีของ ชาร์ล ดาร์วิน (Charles Darwin) มีการเสนอว่าคนมือซ้ายกำเนิดขึ้นเพื่อสร้างความได้เปรียบต่อฝ่ายตรงข้าม ในโลกที่เต็มไปด้วยคนถนัดขวา คนถนัดซ้ายอาจจู่โจมคนถนัดขวาอย่างไม่รู้ตัวเพราะความถนัดที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น กีฬาฟันดาบ (fencing) คนถนัดซ้ายมีแววได้เปรียบกว่า เพราะจำนวนคนถนัดขวามีเยอะ และพวกเขามักซ้อมรับมือกับคนที่ถนัดขวาเหมือนกันมากกว่า เมื่อมาเจอกับคนถนัดซ้าย พวกเขาจะมีการวิธีการรับมือได้ยากกว่า เป็นต้น
กล่าวโดยสรุปแล้ว ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ไม่ว่าจะถนัดซ้ายหรือถนัดขวา สุดท้ายแล้วความฉลาดขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม สังคม และการศึกษา ดูเหมือนว่าความเชื่อเรื่องคนถนัดซ้ายคิดสร้างสรรค์กว่าคนถนัดขวากลายเป็นความเชื่อเก่าๆ ไปแล้ว และทุกคนควรเข้าใจกันใหม่เพื่อส่งต่อความจริงกันมากกว่า เผลอๆ คนที่ถนัดซ้ายอาจใช้ชีวิตลำบากมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะทุกอย่างล้วนออกแบบมาเพื่อคนถนัดขวา เช่น โต๊ะเขียนหนังสือ กรรไกร กีตาร์ เป็นต้น
ถ้าพูดกันตามตรงในเรื่องของวิทยาศาสตร์ ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างชัดเจนว่าทำไมมนุษย์ถึงถนัดซ้ายอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรโลก การถนัดมือแต่ละข้างนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องกรรมพันธุ์ พ่อแม่บางคนถนัดขวาทั้งสองคน แต่ลูกสามารถถนัดซ้ายได้ หรือบางคนเป็นฝาแฝดกันยังถนัดใช้มือคนละข้าง แต่เป็นที่จริงที่ว่ามือแต่ละข้างนั้นถูกควบคุมโดยสมองคนละซีกกัน มือซ้ายถูกควบคุมด้วยสมองซีกขวา มือขวาถูกควบคุมด้วยสมองซีกซ้าย ซึ่งนำมาสู่ความเชื่อเรื่อง ‘ความแตกต่างกันระหว่างสมองทั้งสองซีก’
หลายคนเชื่อกันว่าสมองทั้งสองซีกทำงานคนละด้านกัน สมองซีกซ้ายถนัดเรื่องภาษา ส่วนสมองซีกขวาถนัดเรื่องอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นแล้ว คนที่ถนัดซ้ายต้องมีความคิดสร้างสรรค์เพราะถูกควบคุมโดยสมองซีกขวา ส่วนคนมือขวาต้องเก่งเรื่องภาษาและเหตุผลเพราะถูกควบคุมด้วยสมองซีกซ้าย ทั้งนี้เป็นความเชื่อผิดๆ ที่ส่งต่อกันมา อย่างไรก็ตาม ตามงานวิจัยของมหาวิทยาลัยยูทาห์ เรื่องสมองสองซีกทำงานคนละส่วนกันเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ได้แตกต่างกันมากขนาดนั้น
สมองทั้งสองซีกนั้นทำงานสัมพันธ์กัน ไม่ได้ทำงานแยกกันอย่างโดดเด่น ความเชื่อผิดๆ อาจเกิดจากการที่ความเป็นขั้วตรงข้ามที่ทำให้เกิดความรู้สึกต่างกันแบบเห็นได้ชัด ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าใครจะถนัดมือข้างไหนก็ฉลาดได้ทุกเรื่อง คนมือซ้ายจะเก่งภาษาก็ได้ หรือคนมือขวาจะเป็นศิลปินมากด้วยความสร้างสรรค์ก็ได้เช่นกัน
เอเลนี นตอลกา (Eleni Ntolka) และมาเรียตตา พาพาดาโต-พาสโต (Marietta Papadatou-Pastou) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอเธนส์ ทำการศึกษารวม 18 ครั้ง เกี่ยวกับเรื่อง IQ จากคนทั้ง 22,000 คน และ 36 ครั้ง จากคนทั้ง 66,000 คน พบว่าระดับ IQ ของคนถนัดมือซ้ายและมือขวาไม่มีความแตกต่างกันมากขนาดนั้น แต่ชาวมือซ้ายอาจต้องพ่ายแพ้ เพราะการศึกษาพบว่าชาวมือขวามีระดับสูงกว่าชาวมือซ้าย แต่เพียงนิดเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบอกว่าผลการศึกษาอาจเทียบไม่ได้กับชีวิตจริง เพราะฉะนั้นแล้ว จะมือซ้ายหรือขวาก็เท่ากันอยู่ดีโดยเฉลี่ย
แล้วเรื่องความคิดสร้างสรรค์ล่ะ? จริงๆ ในปี 2019 มีการศึกษาจากคนถนัดมือซ้ายทั้งหมด 20,000 คน ผลลัพธ์คือคนถนัดซ้ายมีแนวโน้มในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ตามระดับจาก 1 ถึง 100 แต่บทความจาก Psychology Today กล่าวว่า ผลลัพธ์ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนักหากเทียบกับคนถนัดขวา เพราะว่าความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างเป็นเรื่องกว้าง และไม่สามารถวัดตวงได้เป็นจริงเป็นจัง
แต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจบทความ The Guardian เสนอว่า เรื่องใครถนัดเรื่องอะไรกว่าระหว่างคนมือซ้ายกับคนมือขวาอาจต้องปัดตกไป สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือเรื่องความสม่ำเสมอในการใช้มือ ถ้าคุณเป็นคนมีความถนัดข้างใดข้างหนึ่งกับทุกกิจกรรม จะถูกนับว่าเป็นคนถนัดข้างนั้นแบบสม่ำเสมอ ถ้าคุณทานข้าวใช้มือข้างหนึ่ง เขียนใช้มืออีกข้าง เตะบอลใช้เท้าอีกข้าง จะเป็นคนที่มีความถนัดแบบยืดหยุ่น ซึ่งมีการศึกษาว่าคนที่มีความยืดหยุ่นมีแววที่จะเปิดรับความหลากหลายมากกว่าคนที่ถนัดเพียงข้างใดข้างหนึ่ง เพราะความยืดหยุ่นของความถนัดส่งผลต่อความยืดหยุ่นของสมอง พูดอีกนัยหนึ่ง คนที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่งกับทุกกิจกรรมอาจเป็นคนสุดโต่งนั่นเอง
ว่าแต่ทำไมวิวัฒนาการของมนุษย์ถึงยอมให้มีคนถนัดซ้ายรวม 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะทุกอย่างล้วนถูกวิวัฒนาการมาเพื่อเอาตัวรอด หากว่ากันตามทฤษฎีของ ชาร์ล ดาร์วิน (Charles Darwin) มีการเสนอว่าคนมือซ้ายกำเนิดขึ้นเพื่อสร้างความได้เปรียบต่อฝ่ายตรงข้าม ในโลกที่เต็มไปด้วยคนถนัดขวา คนถนัดซ้ายอาจจู่โจมคนถนัดขวาอย่างไม่รู้ตัวเพราะความถนัดที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น กีฬาฟันดาบ (fencing) คนถนัดซ้ายมีแววได้เปรียบกว่า เพราะจำนวนคนถนัดขวามีเยอะ และพวกเขามักซ้อมรับมือกับคนที่ถนัดขวาเหมือนกันมากกว่า เมื่อมาเจอกับคนถนัดซ้าย พวกเขาจะมีการวิธีการรับมือได้ยากกว่า เป็นต้น
กล่าวโดยสรุปแล้ว ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ไม่ว่าจะถนัดซ้ายหรือถนัดขวา สุดท้ายแล้วความฉลาดขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม สังคม และการศึกษา ดูเหมือนว่าความเชื่อเรื่องคนถนัดซ้ายคิดสร้างสรรค์กว่าคนถนัดขวากลายเป็นความเชื่อเก่าๆ ไปแล้ว และทุกคนควรเข้าใจกันใหม่เพื่อส่งต่อความจริงกันมากกว่า เผลอๆ คนที่ถนัดซ้ายอาจใช้ชีวิตลำบากมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะทุกอย่างล้วนออกแบบมาเพื่อคนถนัดขวา เช่น โต๊ะเขียนหนังสือ กรรไกร กีตาร์ เป็นต้น