ตามปกติแล้วทุกคนมักเห็นนักแสดง นักดนตรี หรือคนดังจากประเทศหนึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงระดับโลกได้ ประเทศนั้นๆ มักจะเคลมตัวทันทีว่าเขาเป็นคนของชาติตัวเอง อย่างประเทศไทยเราก็มักเคลม ลิซ่า Blackpink ในฐานะคนไทยที่สามารถสร้างชื่อเสียงระดับโลกได้ เป็นต้น แต่น่าแปลกที่ คีฮุยควาน (Ke Huy Quan) หลังจากรับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจากเรื่อง Everything Everywhere All at Once ประเทศเวียดนามกลับไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าไรนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นนักแสดงเชื้อสายเวียดนาม
คีฮุยควาน ถือตัวเองเป็นนักแสดงเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งบนเวทีออสการ์เขาเอ่ยถึงชีวิตความหลังของตัวเองที่เคยนั่งเรือเดินทางมาจากประเทศเวียดนามตั้งแต่วัยเด็กมาอาศัยอยู่ค่ายผู้อพยพในฮ่องกง จากนั้นค่อยเดินทางไปสู่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
“ผมใช้ชีวิตเป็นเวลาหนึ่งปีในค่ายผู้อพยพ และจากนั้นจู่ๆ ผมก็มาลงเอยที่เวทีที่ใหญ่ที่สุดในฮอลลีวูด” คีฮุยควน กล่าว “พวกเขามักกล่าวว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้ในหนังเท่านั้น ผมไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับผม นี่มันคือความฝันอเมริกัน (American Dream) ชัดๆ”
คีฮุยควาน ถือตัวเองเป็นนักแสดงเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งบนเวทีออสการ์เขาเอ่ยถึงชีวิตความหลังของตัวเองที่เคยนั่งเรือเดินทางมาจากประเทศเวียดนามตั้งแต่วัยเด็กมาอาศัยอยู่ค่ายผู้อพยพในฮ่องกง จากนั้นค่อยเดินทางไปสู่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
“ผมใช้ชีวิตเป็นเวลาหนึ่งปีในค่ายผู้อพยพ และจากนั้นจู่ๆ ผมก็มาลงเอยที่เวทีที่ใหญ่ที่สุดในฮอลลีวูด” คีฮุยควน กล่าว “พวกเขามักกล่าวว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้ในหนังเท่านั้น ผมไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับผม นี่มันคือความฝันอเมริกัน (American Dream) ชัดๆ”

หากกล่าวอีกมุมหนึ่ง เขาสามารถเรียกตัวเองว่าเป็นนักแสดงเชื้อสายเวียดนามคนแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ เช่นเดียวกันกับ มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) ที่เป็นนักแสดงจากประเทศมาเลเซีย ทว่าคีฮุยควานกลับไม่ได้รับการพูดถึงมากขนาดนั้นในประเทศเวียดนาม อันที่จริงหลายคนยังคงนึกว่าเขาเป็นนักแสดงเชื้อสายจีนเสียด้วยซ้ำ
คีฮุยควานเกิดในเมืองไซง่อน เขตทางใต้ของประเทศเวียดนามเมื่อปี 1971 ครอบครัวของเขาเป็นชาวจีนชนกลุ่มน้อย แต่ไม่มีใครนับว่าการที่เขาเดินทางจากเวียดนามเป็นการอพยพ สำนักข่าว Thanh Nien ของเวียดนามระบุข้อมูลว่า “เขาเกิดในปี 1971 ในครอบครัวชาวจีนที่เมืองโฮจิมินห์ (ชื่อทางการของเมืองไซง่อน) จากนั้นเดินทางไปที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปลายปี 1970s”
Tuoi Tre News กล่าวว่า “ควานคีฮุยเกิดเมื่อปี 1971 ในครอบครัวชาวจีนที่เวียดนาม แม่ของเขามาจากฮ่องกง ส่วนพ่อมาจากจีนแผ่นดินใหญ่” ขณะที่ VN News เขียนไว้ว่า “เขามีครอบครัวเป็นชาวจีนในเขตโชลอน เป็นเขตหนึ่งในเมืองไซง่อนที่มีชาวจีนอาศัยอยู่”
คีฮุยควานเกิดในเมืองไซง่อน เขตทางใต้ของประเทศเวียดนามเมื่อปี 1971 ครอบครัวของเขาเป็นชาวจีนชนกลุ่มน้อย แต่ไม่มีใครนับว่าการที่เขาเดินทางจากเวียดนามเป็นการอพยพ สำนักข่าว Thanh Nien ของเวียดนามระบุข้อมูลว่า “เขาเกิดในปี 1971 ในครอบครัวชาวจีนที่เมืองโฮจิมินห์ (ชื่อทางการของเมืองไซง่อน) จากนั้นเดินทางไปที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปลายปี 1970s”
Tuoi Tre News กล่าวว่า “ควานคีฮุยเกิดเมื่อปี 1971 ในครอบครัวชาวจีนที่เวียดนาม แม่ของเขามาจากฮ่องกง ส่วนพ่อมาจากจีนแผ่นดินใหญ่” ขณะที่ VN News เขียนไว้ว่า “เขามีครอบครัวเป็นชาวจีนในเขตโชลอน เป็นเขตหนึ่งในเมืองไซง่อนที่มีชาวจีนอาศัยอยู่”

การเดินทางอพยพ ‘คนเดินเรือ’ (boat people) ระหว่างปี 1970s-1980s เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในเวียดนาม มีผู้คนกว่า 1.5 ล้านคนเดินทางออกนอกประเทศผ่านทางเรือบริเวณทะเลจีนใต้ โดยมีชาวจีนที่อาศัยในเวียดนามเป็นจำนวนเยอะที่สุด จากข้อมูลของ UNHCR มีผู้คนเสียชีวิตระหว่างเดินทางรวม 200,000-400,000 คน บางคนเสียชีวิตจากน้ำมือของโจรสลัด ช่วงนี้เป็นช่วงเดียวกันที่พรรคคอมมิวนิสต์สามารถเอาชนะกองทัพสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้คุมเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด

ถ้าพูดกันความจริง คีฮุยควานมีอายุเพียงไม่กี่ปีตอนที่เดินทางสหรัฐอเมริกา เท่ากับว่าเขาถูกเลี้ยงดู และเติบโตในต่างประเทศมากกว่าประเทศเวียดนาม หลายคนให้ความเห็นว่าเขาควรเป็นชาวเวียดนามเชื้อสายเวียดนาม หรือไม่ก็ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม ถ้าจะให้รัฐบาลเวียดนามเคลมตัวเขาจริงๆ เขาต้องเป็นชาวเวียดนามที่เติบโตในเวียดนาม เพื่อเป็นการการีนตีว่าสภาพแวดล้อมเวียดนามสามารถหล่อหลอมให้เขาเป็นนักแสดงระดับโลกได้

ต่างจาก มิเชล โหย่ว ที่แม้ว่าเธอจะเกิดในครอบครัวชาวจีน แต่เธอเติบโตในมาเลเซีย แถมพูดได้แค่ภาษามาเลย์ และภาษาอังกฤษ ก่อนจะหัดพูดภาษาจีนได้ในภายหลัง การเคลมระหว่าง คีฮุยควานและมิเชล โหย่ว ของทั้งสองประเทศ (มาเลเซียกับเวียดนาม) จึงแตกต่างกันมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คีฮุยควานกล่าวบนเวทีออสการ์ สามารถทำให้คนทั่วโลกหันมาสนใจเหตุการณ์อพยพของชาวเวียดนามเมื่อ 30-40 ปีที่แล้วได้ สร้างความเข้าใจให้กับคนรุ่นหลังว่าอดีตเกิดอะไรขึ้น หรือมีความเป็นมาอย่างไรบ้าง และเชื่อว่าคงมีชาวเวียดนามไม่น้อยที่รู้สึกภูมิใจในตัวเขา เพราะอย่างน้อยเขาและชาวเวียดนามผู้อพยพทุกคนต่างเคยมีชะตากรรมอันโหดร้ายในอดีตเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คีฮุยควานกล่าวบนเวทีออสการ์ สามารถทำให้คนทั่วโลกหันมาสนใจเหตุการณ์อพยพของชาวเวียดนามเมื่อ 30-40 ปีที่แล้วได้ สร้างความเข้าใจให้กับคนรุ่นหลังว่าอดีตเกิดอะไรขึ้น หรือมีความเป็นมาอย่างไรบ้าง และเชื่อว่าคงมีชาวเวียดนามไม่น้อยที่รู้สึกภูมิใจในตัวเขา เพราะอย่างน้อยเขาและชาวเวียดนามผู้อพยพทุกคนต่างเคยมีชะตากรรมอันโหดร้ายในอดีตเช่นเดียวกัน