ปรากฏตัวแล้ว สำหรับนาย หลี่ เซิ่งเจียว หรือ “เฮียเก้า” นักธุรกิจชาวจีนที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหมายจับคดีเกี่ยวพันขบวนการค้าหมูเถื่อนรายใหญ่
เฮียเก้าเดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยลงที่สนามบินดอนเมือง ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ควบคุมตัวไปสอบปากคำตามขั้นตอนทันที
แม้เฮียเก้าจะปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาค้าหมูเถื่อน แต่ดูเหมือนจะถูกขยายผลไปยังการลักลอบนำเข้าตีนไก่เถื่อนจากต่างประเทศ เพื่อสวมสิทธิใบอนุญาตส่งออกตีนไก่ไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่บริษัทของกลุ่มเฮียเก้าเพิ่งได้โควตาส่งออกเมื่อช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา

เฮียเก้าถูกตั้งข้อกล่าวหาอาจพัวพันการลักลอบนำเข้าตีนไก่กว่าหมื่นตู้ และเป็นตีนไก่ที่หากส่งออกไปยังจีนได้ จะมีกำไรสูงถึงตู้ละ 5 แสน หรือมีมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 5 พันล้านบาท
ส่วนต่างนี้มาจากราคาตีนไก่ในประเทศประมาณ กิโลกรัมละ 95 บาท แต่หากลักลอบนำเข้าจากประเทศที่ไม่บริโภคตีนไก่ ก็จะมีต้นทุนเพียงค่าขนส่ง และค่าดำเนินการลักลอบนำเข้าเท่านั้น
กระนั้นจนถึงเวลานี้ แม้จะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเฮียเก้า หรือนายหลี่ เซิ่งเจียว เกี่ยวพันโดยตรง หรือเกี่ยวพันทางอ้อมกับทั้งขบวนการลักลอบนำเข้าตีนไก่ และเนื้อหมูหรือไม่

แต่ชื่อเฮียเก้า และหน้าตาเฮียเก้า ก็ถูกสปอร์ตไลท์ฉายชัด และถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า เป็นใครมาจากไหน มีความสัมพันธ์ใดกับ “หัวหน้าต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในช่วงเวลานั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างนายเฉลิมชัยกับเฮียเก้า ก่อนการถูกจับกุม ก่อนจะมีข้อกล่าวหาพัวพันการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนและตีนไก่เถื่อนนั้น ในแวดวงนักธุรกิจชาวจีนที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย และในแวดวงสมาคมจีนหลายๆ สมาคมที่จดทะเบียนก่อตั้งในไทย ต่างรู้ดีว่า เฮียเก้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายเฉลิมชัยในฐานะญาติใกล้ชิด เป็นลูกพี่ ลูกน้องกับนายเฉลิมชัย

ความสัมพันธ์นี้ เป็นการบอกต่อจากคนใกล้ชิดและคนรอบตัวของเฮียเก้า ส่วนตัวเฮียเก้าก็จะไม่ปฏิเสธตรงๆ ว่าเป็นความเข้าใจผิด แต่จะเอ่ยถึงความสัมพันธ์แบบแบ่งรับแบ่งสู้ จนคนส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่า ทั้งคู่เป็นญาติสนิทกันจริงๆ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นชื่อ กรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ลูกชายเฮียเก้า ที่ใช้นามสกุลเดียวกับพี่ชายของนายเฉลิมชัย ยิ่งตอกย้ำความใกล้ชิดมากขึ้น
ข้าราชการที่กระทรวงเกษตรฯ ก็จะเห็นเฮียเก้ามักไปปรากฏตัวที่กระทรวงบ่อยๆ โดยเฉพาะไปแสดงความยินดีในทุกวันสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ
ทุกเทศกาลสำคัญ เฮียเก้าจะไปร่วมอวยพรที่กระทรวงเสมอ
หนึ่งในความพยายามที่จะแสดงออกถึงความสัมพันธ์กับนายเฉลิมชัยนั้น คือช่วงประมาณปลายปี 2565 เฮียเก้ามักจะบอกคนใกล้ตัวว่า กำลังจะได้โควตาจากกระทรวงเกษตรฯ เพื่อนำเข้าปุ๋ยล็อตใหญ่จากจีน มาจำหน่ายในประเทศไทย
เฮียเก้ามั่นใจถึงขั้นสั่งให้คนเตรียมออกแบบ ‘โลโก้’ ปุ๋ยที่จะจำหน่ายในไทย รวมทั้งเตรียมโกดังย่านพระราม 2 เพื่อรองรับ และเตรียมแต่งตั้งตัวแทนจัดจำหน่ายปุ๋ยในหลายพื้นที่
คนใกล้ชิดเฮียเก้ายืนยันว่า ผู้ใหญ่จะเซ็นอนุมัติโควตาปุ๋ยล็อตนี้ให้ก่อนเลือกตั้ง แต่สุดท้ายจนเลือกตั้ง ก็ไม่มีการอนุมัติโควตานำเข้าปุ๋ยแต่อย่างใด
ตัวตนของเฮียเก้านั้น นักธุรกิจที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยรายหนึ่งบอกว่า มักจะแสดงตัวว่า สามารถประสานงานกับข้าราชการระดับสูงในไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในไทย

เฮียเก้ายังมีโกดังหลายแห่งย่านพระราม 2 ซึ่งเป็นย่านที่มีนักธุรกิจจีนมาลงทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เช่าเก็บสินค้า
แต่อีกข้อมูลที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ เฮียเก้ามักจะเดินทางไปปอยเปตบ่อยครั้ง และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายตำรวจใหญ่รายหนึ่ง ถึงขั้นอาจมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมออนไลน์บางอย่าง
เรื่องราวของ หลี่ เซิ่งเจียว หรือ “เฮียเก้า” ยังมีข้อมูลน่าสนใจอีกเยอะ ต้องรอดีเอสไอสาวเส้นทางการเงินให้ครบ
ส่วนความจริงจะเป็นเช่นใด ขึ้นอยู่กับว่า ดีเอสไอจะสาวต่อ หรือพอแค่นั้น