ผ่านไปปีกว่าแล้ว และผ่านจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนมาถึงรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน แต่ปัญหากัญชาเสรีก็ยังไม่จบไม่สิ้นเสียที สุดท้ายให้นำบางส่วนกลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 เหมือนเดิม จึงทำให้พลพรรคสายเขียวออกมาส่งเสียงโอดครวญไปตาม ๆ กัน
มีทั้งกลุ่มที่ ‘เดือดร้อนจริงๆ’ และกลุ่มที่ ‘เดือดร้อนปลอม!!’
หนึ่งใน สว.ตัวตึง ‘สมชาย แสวงการ’ ที่พักเรื่องการตรวจสอบเลือกสว. 200 คน ไม่ชอบ มาให้ข้อมูลเรื่องกัญชา หลังที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีมติให้นำ**‘กัญชาในส่วนที่เป็นดอกและกัญชงที่มีสาร THC เกิน 0.2%**’ กลับไปเป็น **‘ยาเสพติด’**ให้โทษประเภท 5 อีกครั้ง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2568 หลังร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ผ่านกระบวนการต่าง ๆ แล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะนำเสนอผลการประชุมต่อรมว.สาธารณสุข จากนั้น จะเสนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณา
แม้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดจะมีมติไปแล้ว แต่การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จึงยังไม่มีผลทันที เพราะต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน โดยเฉพาะคณะกรรมการ ป.ป.ส.ที่จะเป็นผู้ชี้ขาดด่านสุดท้าย
ถามไถ่จากผู้รู้ที่ติดตามเรื่องกัญชามาตลอดอย่าง สว.สมชาย ที่ให้ ‘นิยาม’ กลุ่มผู้เดือดร้อนไว้ข้างต้น ยืนยันเนื้อหาในร่างประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข ที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้ความเห็นชอบไปในวันก่อน แม้จะกำหนดให้ดอกกัญชาและดอกกัญชงที่มีสาร THC เกิน 0.2% เป็นยาเสพติดประเภท 5 โดยยกเว้น กิ่ง ก้าน ราก ใบ และเมล็ด ไม่ใช่ยาเสพติดก็ตาม
แต่ปัญหาใหญ่คือ ส่วนที่ยกเว้นไว้นั้น นำมาสูบไม่ได้!!
เมื่อนำมาสูบไม่ได้ จึงทำให้ ‘กระทบ’ กับธุรกิจร้านกัญชาที่เปิดกันอยู่มากมายเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร และในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ โดยสว.สมชาย ยืนยันว่ามี ‘สส.บางพรรค’ เปิดร้านกัญชาอยู่ในย่าน ถ.ข้าวสาร เช่นเดียวกับมี ‘เอ็นจีโอ’ บางคนมีร้านขายกัญชาด้วย
สว.สมชาย ย้ำว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวคัดค้านนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเวลานี้ บางคน**‘ไม่ได้ทำกัญชาทางการแพทย์’** แต่เป็นกัญชาเพื่อเสพ ขายให้กับนักท่องเที่ยว
เป็นกลุ่มเดือดร้อนปลอม!!
สว.สมชาย ตำหนิ สส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ไม่สนใจออกกฎหมายมาควบคุมกัญชา หรือแม้แต่การออกกฎกระทรวงมาควบคุมในเบื้องต้นก็ไม่มี จึงทำให้มี ‘กัญชาเสรีแบบไร้ขอบเขต’ แถมยังมีการนำเข้าจากต่างประเทศด้วย
พร้อมกับย้ำข้อเสนอเดิม ๆ ที่ให้ใช้ ‘อัมสเตอร์ดัมโมเดล’ ที่ควบคุมคาเฟ่กัญชามีแค่ 28 ร้าน ควบคุมทั้งการเสพ การซื้อกลับบ้าน ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ โดยมีโทษที่รุนแรงหากฝ่าฝืน
สุดท้ายสำหรับประเทศไทยชั่วโมงนี้ สว.สมชาย ให้เร่งออกกฎกระทรวงมาควบคุมโดยเร็ว ไม่ใช่ปล่อยเสรีแบบ ‘สุดโต่ง’ เหมือนตอนนี้ จากนั้น ให้เร่งออกกฎหมายมาดูแลแบบเดินทางสายกลาง ที่ไม่ใช่ปล่อยฟรีมากไปเหมือนร่างฉบับพรรคภูมิใจไทย ที่ค้างอยู่ในสภาชุดที่ผ่านมา
ต้องปรับใหม่ให้ร้านกัญชา เป็นเหมือนกับร้านขายยา ที่ต้องอยู่ในการควบคุมเท่านั้น
วันนี้ปัญหากัญชาที่กระทบไปถึงกลุ่มเยาวชนลูกหลานไทย ไม่เว้นแม้ในหมู่บ้านตามชนบท แต่รัฐบาลเศรษฐา ยังแก้ปัญหาแบบ ‘มะงุมมะงาหรา’ หาทางออกไม่เจอ จึงไม่ต่างจากรัฐบาลก็ ‘เมา’ กัญชากันเสียเอง
ส่วนการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ก็มีทั้งผู้ที่เดือดร้อนจริงและเดือดร้อนปลอม มี ‘ไผเป็นไผ’บ้างคนในสายเขียวด้วยกันเขารู้กันดี