เป็นไปตามคาดของนักวิเคราะห์การเมืองทุกค่าย เมื่อผลของ 4 คดีใหญ่ ที่นัดพร้อมกันในวันนี้ (18 มิถุนายน 2567) ไม่มีคดีไหนพลิก ทุกคดีเป็นไปตามการวิเคราะห์ล่วงหน้าแทบทั้งสิ้น
คดีแรก ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการประกันตัวในคดีความผิดมาตรา 112

คดีที่สอง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ.2560
คดีที่สาม คดีที่กกต.ยื่นยุบ พรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญ มีความเห็น 4 ประเด็น คือ
- กำหนดให้บุคคลเสนอบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้ามายังศาลรัฐธรรมนูญตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือจากศาลรัฐธรรมนูญ
- ให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 มารวมในสำนวนคดีเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
- กำหนดนัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันที่ 3 กรกฏาคม 2567
- กำหนดนัดให้คู่กรณีเข้ามาตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 9 กรกฏาคม 2567
ส่วนคดีที่สี่ คดีพิจารณาความเป็นรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นว่า
- ให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็น และจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน
- กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันพุธที่ 10 กรกฏาคม 2567
ทั้ง 4 คดีใหญ่ มีเพียงคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ.2560 เท่านั้น ที่มีข้อยุติ
ส่วนอีก 3 คดียังคงเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีต่อไป
คดีของ “ทักษิณ” ก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีตามปกติ เพียงแต่ “ทักษิณ” ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีอยู่ที่บ้าน แต่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งก็เป็นเงื่อนไขปกติของการให้ประกันตัวในคดีอาญา คดีนี้ยังมีกระบวนการพิจารณาคดีอีกยาวไกล คงยังไม่จบลงในระยะเวลาสั้นๆ

ต่างกับอีก 2 คดี คือ คดียุบ “พรรคก้าวไกล” และคดีของ “เศรษฐา” ที่ทั้ง 2 คดี มีการดึงเวลาออกไป เพื่อเปิดโอกาส และให้โอกาสส่งเอกสารและพยานเพิ่ม เพราะทั้ง 2 คดีแม้จะดึงเวลาการชี้ขาดหรือมีคำวินิจฉัยออกไป แต่ก็คงไม่สามารถยื้อได้มาก คาดว่า ภายในกลางเดือนกรกฏาคม ศาลรัฐธรรมนูญคงต้องมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง
การขยายเวลาออกไป และขอเอกสารพร้อมทั้งพยานเพิ่ม เป็นเพียงการใช้ความรอบคอบที่จะต้องหาเหตุผล และพยานหลักฐานประกอบที่แน่นหนา หากจะมีคำวินิจฉัยออกมาในทิศทางไหน เพราะทั้ง 2 แนวทาง ต่างมีมวลชนที่รอคำอธิบายทั้งสิ้น
ทิศทางการเมืองไทยนับจากนี้จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะกำลังเข้าสู่โหมดการจัดระเบียบอำนาจของประเทศครั้งสำคัญ ทั้งอำนาจทางการเมือง อำนาจทางการทหาร และการจัดระเบียบตำรวจให้กลับเข้าสู่โหมดปกติ
การเมืองไทยนับจาก “ทักษิณ” ได้รับการประกันตัว แม้จะมีคดีมาตรา 112 เป็นชนัก และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ แต่ “ทักษิณ” ก็ยังมีอิสระที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองในนามส่วนตัวได้อย่างเต็มที่

คดีมาตรา 112 ถ้าเปรียบ “ทักษิณ” เป็น “ซุนหงอคง” มาตรา 112 ก็ไม่ต่างจากห่วงที่สวมหัวซุนหงอคง พร้อมคาถาศักดิ์สิทธิ์ ให้พระถังซำจั๋ง สวดเพื่อกำกับไม่ให้ “ซุนหงอคง” ดื้อทำอะไรตามใจตัวเอง เพราะที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวบางอย่างของ “ทักษิณ” อาจก้าวข้ามบางเส้นของข้อตกลงบางข้อที่เคยพูดคุยกัน
การมีห่วงสวมศีรษะพร้อมคาถากำกับไว้บ้าง ก็น่าจะทำให้การพูดคุย และการทำงานร่วมกับคุณทักษิณทำได้สะดวกมากขึ้น…
ทิศทางนับจากนี้ต้องดูว่า “ทักษิณ” จะเดินเกมจัดระเบียบอำนาจการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยมที่มี “พรรคเพื่อไทย” เป็นแกนนำ ฝ่าด่านพลังสีส้มที่นับวันจะยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นได้หรือไม่ หลังจากพลังเครื่องจักรสีแดงฝั่งของ “ทักษิณ” อ่อนล้าและโรยราลงทุกวัน
ช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา หลัง “ทักษิณ” ออกจากชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ และได้รับการพักโทษมาควบคุมตัวนอกสถานที่ “ทักษิณ” ก็เริ่มเคลื่อนไหว และเดินเกมการเมืองสำคัญๆ หลายเรื่อง โดยเฉพาะการลงพื้นที่ไปในจังหวัดต่างๆ และเดินสายไปพบกลุ่มบ้านใหญ่ในหลายพื้นที่ ทั้งกลุ่มของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่โคราช, กลุ่มบ้านใหญ่ปทุมธานี, นนทบุรี และมีคิวจะไปพบกลุ่มสะสมทรัพย์ที่จังหวัดนครปฐม และเชื่อว่ายังมีบ้านใหญ่อีกหลายแห่ง ที่มีคิวจะไปพบเพื่อพูดคุยด้วย

เกมการเมืองบ้านใหญ่ที่ “ทักษิณ” กำลังทำอยู่ มองผิวเผิน เหมือนกำลังจะย้ำรอยเก่า และย่ำอยู่กับการเมืองแบบเดิมๆ
ดูผาดๆ เหมือน “ทักษิณ” หยิบเอาความสำเร็จที่ “พรรคไทยรักไทย” เคยทำสำเร็จมาแล้ว ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ อันเป็นเกมการเมืองแบบโบราณ ซึ่งได้พิสูจน์ทราบจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาไปแล้วว่า “ล้มเหลว” เพราะหลายเมืองใหญ่ถูก “พรรคก้าวไกล” ทะลวงเจาะพื้นที่ จนบ้านใหญ่พ่ายแพ้แบบราบคาบมาแล้ว

จะดูอีกกี่ครั้ง หลายคนก็มองว่า การเมืองรูปแบบใหม่ของ “พรรคก้าวไกล” วันนี้ เดินหน้าไปไกลแล้ว ไปไกลกว่าการหาเสียงแบบเดิมๆ การใช้หัวคะแนน ใช้อิทธิพลท้องถิ่น และฐานคะแนนของบ้านใหญ่จะเดินตามเกมการเมืองแบบใหม่ได้ทัน
แต่เสือก็คือ “เสือ” นักการเมืองแบบ “ทักษิณ” อายุเป็นเพียงตัวเลข นักการเมืองไม่ใช่นักกีฬา ที่อายุมากแล้วจะเล่นไม่ได้
ศัพท์ “ยิ่งแก่ ยิ่งเก๋า” อาจดูโบราณ แต่เกมของ “ทักษิณ” ที่กำลังเดินอยู่
หากได้รับแรงหนุนจากบ้านใหญ่ หากได้ไฟเขียวจากผู้มีอำนาจตัวจริง
หาก “ทักษิณ” ไม่ดึงดันที่จะเล่นเกินเกม เล่นบทหนุมานเหาะเหินเกินลงกา
เกมการเมืองรอบนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนของการจัดระเบียบทางการเมืองครั้งสำคัญอีกครั้ง
EP.ถัดไป จะขยายความ เกมการเมืองของ “ทักษิณ” และการจัดอำนาจกองทัพ การจัดระเบียบตำรวจ เพื่อร่วมสร้างเสถียรภาพทางอำนาจและเสถียรภาพทางการเมือง
รวมทั้งแผนการสร้างฝายชะลออำนาจ ชะลอการเติบโตของ “พรรคก้าวไกล” เพื่อให้เห็นภาพการเมืองไทยที่ชัดขึ้นนับจากนี้