ภาพ “บิ๊กโจ๊ก” พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งปรากฏตัวที่จังหวัดเชียงใหม่ ในคณะที่รอต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเดินทางไปเยี่ยมบ้าน
ภาพ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ยังยิ้มร่า ขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ขณะร่วมงานรวมพลังสตรีขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวหน้า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งสองภาพ ไม่เหมือนนายตำรวจยศพลตำรวจเอกที่ถูกกล่าวหาพาดพิงว่า เกี่ยวพันกับเว็บพนันถึงสองคดี

บรรยากาศทั้งสองงานที่ไม่แสดงถึงความเครียด และท่าทีที่แสดงชัดถึงความนอบน้อม ขณะเดินเข้าไปพบนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของนายทักษิณ
ทั้งสองอากัปกริยา บ่งบอกถึงความมั่นใจบางอย่าง และบ่งบอกถึงสัญญาณสงครามสีกากีที่กำลังจะลั่นกลองรบกันอีกครั้ง
ไม่นับการให้สัมภาษณ์ของทีมทนายที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์มอบหมายให้แถลงข่าวแทน และดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกับ “บิ๊กเต่า” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
เมื่อหนึ่งในทีมทนาย เรียกร้องให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินบางเส้นทางที่เกี่ยวพันกับใครบางคน และเป็นเส้นทางการเงินที่มีปริมาณมากกว่าเส้นเงินที่วิ่งไปยังคนใกล้ชิด “บิ๊กโจ๊ก”
อะไรเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” มั่นใจ และมีทีท่าที่สบายใจเช่นนั้น
อะไรที่ยังทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” ยังมีเวลาพอที่จะเคลื่อนไหวไปได้ในทุกที่ และยังมีอารมณ์เดินทางไปรอต้อนรับนายทักษิณถึงเชียงใหม่
ทั้งๆ ที่สถานการณ์ในวันนี้ “บิ๊กโจ๊ก” เต็มไปด้วยศึกรอบด้าน

ปัจจัยแรก จะมาจากเหตุที่ยังกุมความลับของใครบางคนเอาไว้ จริงหรือ
หรือปัจจัยที่สอง มั่นใจในความเป็นคนในของบ้านจันทร์ส่องหล้า
หรือปัจจัยที่สาม มั่นใจในหลักฐานว่า เส้นเงินที่มีการกล่าวถึง ทำได้แค่ระคายผิว ไม่มีประจักษ์พยาน และหลักฐานใดที่สาวมาถึงตัวโดยตรง
หรือทั้งสามปัจจัยอาจประกอบกัน จนทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” เชื่อว่า เดี๋ยวก็น่าจะเคลียร์กันได้
ทั้งหมดก็ต้องรอดูว่า ประเด็นร้อนล่าสุดจะจบลงตรงไหน แบบเลือดท่วมท้องทุ่งปทุมวัน หรือแบบต่างคนต่างถอย
แต่ที่น่าจับตามอง และต้องสแกนกรรมออกมาให้ชัด คือเกิดอะไรขึ้นกับคดีรอบใหม่ ทั้งที่ก่อนนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติเห็นชอบที่จะรับคดีเส้นเงินที่เกี่ยวพันระหว่างทีมงาน “บิ๊กโจ๊ก” และเว็บพนันมินนี่ ไว้ดำเนินการเอง ซึ่งก็น่าได้ข้อยุติในสงครามตัวแทนระหว่างสองขั้ว คือ “บิ๊กโจ๊ก” และ “บิ๊กเต่า” ลงไปได้แล้ว
รอเพียงเผือกร้อนในมือ ป.ป.ช.ว่า จะพิจารณาคดีออกมาในรูปแบบไหน
ส่วนท่าทีที่ออกมาตอบโต้กันผ่านสื่อก็ถูกหย่าศึก โดยคำสั่งของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สั่งห้ามนายตำรวจระดับสูงให้สัมภาษณ์สื่อโดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาก่อน

แต่จู่ๆ เมื่อมีการเปิดประเด็นใหม่ และเป็นการเปิดประเด็นมาจากพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลที่มอบหมายให้ พลตำรวจตรีทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. เดินทางมายื่นคำร้อง ขอออกหมายจับกลุ่ม “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมพวก ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินและ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกันตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 10
พร้อมระบุว่า พบเส้นเงินเชื่อมจากคดีที่ สน.เตาปูน ได้เคยขออนุมัติหมายจับ คดีเว็บการพนัน BNK Master
การเปิดประเด็นใหม่รอบนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า ยังเป็นการเปิดประเด็นจาก “บิ๊กเต่า” คนเดิม หรือมีตัวละครใหม่ ตัวละครที่ได้รับผลกระทบจากสงครามอำนาจ ตัวละครที่แผลยังสดๆ และเป็นแผลจำที่ไม่มีวันลืมหรือไม่
โดยเฉพาะตัวละครในศึกสรรหา กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. ที่ผ่านมา เมื่อมีหนึ่งคนที่ได้รับการโหวตจากวุฒิสภาให้ผ่านการสรรหาอย่างท่วมท้น
ขณะที่อีกหนึ่งคน ได้รับเสียงโหวตไม่ถึงกึ่งหนึ่งของวุฒิสภา จนไม่ผ่านการสรรหาในรอบสุดท้าย ด้วยประเด็นคุณสมบัติไม่ครบ ทั้งที่ก่อนนี้ในคณะกรรมการสรรหา มีการถกเถียงกันจนจบแล้ว
เพราะส่วนหนึ่งหากถูกจุดพลุมาจากประเด็นนี้ นั่นหมายถึง “ศึกขยี้โจ๊ก” รอบนี้ เป้าหมายไม่ใช่แค่สกัด “บิ๊กโจ๊ก” เท่านั้น แต่ยังเป็นเกมอำนาจที่ผูกโยงไปถึงกลุ่มอำนาจที่ทะมึนอยู่เบื้องหลัง “บิ๊กโจ๊ก” อีกด้วย
ส่วนเกมสกัดจะเป็นอย่างไร เกมอำนาจที่จะลากไปถึงซุ้มอำนาจใหญ่ จะหมายถึงซุ้มพี่ ป.ใหญ่ หรือจะเป็นเพียงวิบากกรรม และเจ้ากรรมนายเวร “บิ๊กโจ๊ก” เท่านั้น
โปรดติดตามใน EP. ต่อไป