วันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เห็นชอบหลักการการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน โดยแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน ระหว่าง การรถไฟแห่งระเทศไทย (รฟท.) กับ บริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ที่ซีพีถือหุ้นใหญ่
โดยมีเงื่อนไขว่า ภาครัฐไม่เสียประโยชน์ และเอกชนไม่ได้ประโยชน์เกินควร
ขั้นตอนต่อจากนั้นคือ ต้องเสนอให้ครม. เห็นชอบในหลักการแก้ไขสัญญา และตัวร่างแก้ไขสัญญา ซึ่งกพอ .คาดว่าจะผ่าน ครม. และเซ็นสัญญาที่แก้ไขใหม่ได้ในเดือนธันวาคม เพื่อที่เอเชีย เอราวัน จะได้เริ่มลงมือก่อสร้างได้ต้นปีหน้า
หลังจากที่ล่าช้า เซ็นสัญญาไปแล้ว 5 ปีเต็ม ยังไม่ได้ตอกเสาเข็มต้นแรกเลย
แต่ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว จนถึงวันนี้ ‘การแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน’ รถไฟ 3 สนามบิน ยังไม่ได้เข้า ครม. เลย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาล ‘ไม่เห็นด้วย’ กับการแก้ไขสัญญาเพราะ ‘เอื้อประโยชน์’ ให้ เอเชีย เอราวัน เต็มที่
ทั้งยัง เป็นการ ‘ทำลายหลักการ’ ของสัญญาร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับแอกชนหรือ พีพีพี ที่ เอเชีย เอราวัน ต้องสร้างรถไฟความเร็วสูงให้เสร็จ แล้วเปิดบริการจึงจะได้รับเงินอุดหนุนค่าก่อสร้างจากรัฐ ไม่เกิน 149,000 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นงวดรายปี นาน 6 ปี เพื่อเป็นหลักประกันว่า เอเชีย เอราวัน ต้องสร้างให้เสร็จเปิดบริการได้จึงจะได้ ‘ค่าก่อสร้างคืน’
แต่เอเชีย เอราวัน ขอแก้ไขให้รัฐจ่ายเงินหลังเริ่มก่อสร้างเลย โดยจ่ายตามความก้าวหน้าของเนื้องาน ซี่งทำให้ สัญญาแบบพีพีพี กลายเป็นสัญญาจ้างก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง สร้างไป จ่ายไป เอเชีย เอราวัน ไม่ต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินมาก เพราะเบิกค่าก่อสร้างจาก รฟท. ได้เลย ไม่ต้องสร้างเสร็จแล้วเดินรถได้ก่อน จึงได้เงิน
รายงานการตรวจสอบประสิทธิภาพ การดำเนินการโครงการ รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า
“แนวทางการแก้ไขสัญญา ที่ปรับให้รัฐชำระเงินเร็วขึ้น และการแบ่งชำระค่าให้สิทธิร่วมลงทุน ในแอร์พอร์ตลิงค์ มีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อหลักการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนบางส่วน
อีกทั้งจะทำให้ รฟท. และรัฐเสียโอกาสนำเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ เพื่อไปใช้สำหรับบริหารงานหรือดำเนินโครงการอื่นๆที่จำเป็นเร่งด่วน”
‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเป็นกรรมการบริหาร กพอ. ด้วยเคยให้สัมภาษณ์เมื่อปลายเดือนตุลาคมว่า
‘การแก้ไขสัญญา ไม่เอื้อประโยชน์ให้เอกชน รัฐไม่เสียเปรียบ และครม.จะพิจารณาในการประชุมวันที่ 4 พฤศจิกายนหรือสัปดาห์ต่อไป’
แต่การประชุม ครม. วันที่ 4 พฤศจิกายน ‘ไม่มีเรื่องนี้’
ล่าสุดสุริยะบอกว่า การประชุม ครม. นัดหน้าวันที่ 12 พฤศจิกายน ก็ ‘จะไม่มี’ วาระนี้เช่นเดียวกัน เพราะต้องดูรายละเอียดให้รอบคอบก่อน โดยสาเหตุที่ล่าช้าคิดว่าเป็นเพราะการแก้ไขครั้งนี้ ต้องดูว่า ‘ไปเปลี่ยน’ หลักการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชนหรือ พีพีพี. หรือไม่ ต้องไปเช็กดูให้ชัดเจนก่อน และไม่ได้ติดปัญหาความเห็นของพรรคร่วมรัฐบาล
นับเป็นการเปลี่ยนท่าทีแบบกลับหลังหัน 180 องศา ของสุริยะ ซึ่งยืนยันมาตลอดว่า การแก้ไขสัญญา ไม่เอื้อประโยชน์ให้เอกชน รัฐไม่เสียเปรียบ
เป็นสัญญาณชัดเจนว่า อนาคตของรถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบิน จะได้ไปต่อ ในเงื่อนไขที่ รฟท. เปลี่ยนสถานะจากผู้ร่วมลงทุนกับ เอเชีย เอราวัน กลายเป็นผู้ลงทุนจ้าง เอเชียเอราวัน ก่อสร้าง หรือจบแค่นี้เพราะรัฐบาลไม่กล้าฉีกหลักการสำคัญของโครงการที่เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน