เปิด 6 กล่มทุนพนัน สนใจเปิด ‘กาสิโน’ ในไทย

1 พ.ค. 2568 - 10:33

  • เปิดตัว 6 กลุ่มทุนพนันโลกรายใหญ่

  • สนใจลงทุนกาสิโน คอมเพล็กซ์ในประเทศไทย

  • ถามหาความชัดเจนเรื่องกฎระเบียบและการเมืองที่แข็งแรง

deep-space-6-capital-group-gambling-opening-casino-thailand-SPACEBAR-Hero.jpg

เว็บไซด์ Inside Asian Gaming- IAG สื่อออนไลน์ที่เสนอข่าวความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมพนันของเอเชีย เผยแพร่บทความ ‘Inside Thai IRs Brealthough or breakdown?’  เจาะลึก โมเดล Integrated Resorts ของไทย ไปต่อหรือพอแค่นี้... ที่เขียนโดยวิเคราะห์โดย Amdrew W Scott และ Ben Blaschke โดยระบุว่า มีทุนกาสิโนยักษ์ข้ามชาติที่ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คอมเพล็กซ์ ของไทยหลายราย แต่คาดว่ามีเพียง 6 รายที่ให้ความสนใจจริงจัง ในการที่จะเข้ามาลงทุน หากรัฐบาลของ นายกฯ**‘อิ๊งค์’** แพทองธาร ชินวัตร สามารถผลักดันให้ร่าง พรบ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ผ่านออกมาเป็นกฎหมายได้สำเร็จ

ทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย 
กลุ่ม Galaxy Entertainment Group-GEG
กลุ่ม Melco Resorts & Entertainment ของ ลอเรนซ์ โฮ จาก มาเก๊า
กลุ่ม MGM Resorts ผ่าน MGM China ในเครือของมาเก๊า
กลุ่ม Genting Resort and Casino ของมาเลเซีย กลุ่ม
Wynn Resorts
กลุ่ม Hard Rock จากสหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลไทย ที่มี แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของอดีตนายกฯทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการผักดันให้เกิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบ Man-made Destination สร้าง ‘จุดขาย’ ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ได้รับความสนใจจาก บรรดานักลงทุนธุรกิจพนันระดับโลกอย่างมาก โดยได้รับการอธิบายว่า

มันเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นที่สุดในเอเชีย จากขนาดของตลาดการท่องเที่ยวไทยที่มีขนาดใหญ่ระดับ 35-40 ล้านคนต่อปี และมีฐานลูกค้านักพนันในไทยอีกเป็นจำนวนมาก 

แต่จากโครงสร้างพื้นฐานทางการเมืองและสังคมของไทยที่เป็นเมือง ‘พุทธ’  รวมทั้งความซับซ้อนในด้านการเมือง ทำให้แนวคิดที่เคยริเริ่มไว้ตั้งแต่เมื่อ 18 ปีที่แล้ว ของอดีตนายกฯทักษิณยังคงไม่เกิดขึ้นจริง เพิ่งมีการนำกลับมีผลักดันใหม่อีกครั้งในสมัยของลูกสาว นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ซึ่งก็ยังเป็นคำถามว่าจะเดินไปได้จนถึงสุดทางหรือไม่?

แม้จนถึงขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรถูกบรรจุอยู่ในวาระที่จะพิจารณารับหลักการจากสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรก แต่ก็ถูกแรงต้านจากหลายภาคส่วนในสังคมที่หวั่นเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมาจนยากจะเยียวยา และหวั่นเกรงว่ารัฐบาลอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการสนับสนุนให้กลุ่มทุนกาสิโนยักษ์ข้ามชาติที่ใกล้ชิดในการเปิดทางให้เข้ามาลงทุน

ถึงแม้รัฐบาลจะพยายามอธิบายว่า กาสิโน เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่จะเกิดขึ้น โดยจะมีพื้นที่เพียงไม่เกิน 10% และจะมีมาตรการต่างๆที่จะควบคุมและป้องกันไม่ให้นักพนันในประเทศเข้าไปเล่นพนันได้ง่ายๆ แต่สังคมก็ไม่เชื่อว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายได้จริง และมีการเรียกร้องให้มีการทำ ‘ประชามติ’ ในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการปล่อยให้มีกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นในไทย

ในมุมมองของกลุ่มทุนกาสิโนยักษ์ข้ามชาติต่างไม่ปฎิเสธในศักยภาพของไทยที่สามารถยกระดับให้มี สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนระดับโลก แต่โจทย์สำคัญในตอนนี้คือรัฐบาลไทยจะต้องตอบคําถามสําคัญหลายๆ ข้อที่เกี่ยวข้องกับตัวร่างกฎหมายที่จะสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มทุนได้อย่างไรว่าจะคุ้มกับการลงทุนที่ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาล โดยไม่ต้องเผชิญกับ ‘แรงต้าน’ จากสังคม

จากการประมาณการของ IAG มีผู้ประกอบการ 15 รายทั่วโลกที่แสดงท่าทีสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย แต่หลังจากมีการศึกษาความเป็นไปได้แล้วหลายรายตัดสินใจถอนตัว เหลือเพียง 6 รายที่สนใจและอยู่ระหว่างการรอบทสรุปสุดท้ายว่าจะมีกติกาและรายละเอียดอย่างไรในการขอใบอนุญาตและเข้ามาลงทุนในไทย

ตามร่าง พ.ร.บ.ที่รอพิจารณาอยู่ในรัฐสภา มีเงื่อนไขหลายอย่างที่สร้าง ‘ความกังวล’ ให้กับกลุ่มทุนกาสิโนข้ามชาติ เนื่องจากอาจจะไม่คุ้มการลงทุนที่ต้องมีขนาดการลงทุนหลักแสนล้านบาท และต้องจดทะเบียนมีทุนชำระไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท โดยใบอนุญาตมีอายุเพียง 30 ปี และสามารถขยายเวลาได้ครั้งละ 10 ปี 

ตามร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรที่มีการแก้ไขโดยกฤษฎีกา โดยมองที่วัตถุประสงค์ในเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้มุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก จึงมีการกำหนดค่าธรรมเนียมในการเข้าไปเล่นพนันในกาสิโน ‘ค่อนข้างสูง’ คือครั้งละ 5 พันบาท และยังกำหนดให้ผู้เล่นพนันหากเป็นคนไทยต้องมี ‘บัญชีเงินฝากประจำ’ ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ทำให้กลุ่มทุนกาสิโนข้ามชาติส่วนใหญ่มองว่ากลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้มีความเสี่ยงที่จะมีนักพนันเข้ามาเล่นพนันไม่ถึงจุดคุ้มการลงทุน

ยิ่งไปกว่านั้น ‘ความไม่ชัดเจน’ ว่าจะเปิดให้มีใบอนุญาตจำนวนกี่ใบ กี่แห่ง และปริศนาสำคัญคือสถานที่ตั้งว่าจะอยู่ในจังหวัดใดบ้างก็ยิ่งทำให้กลุ่มทุนข้ามชาติยากที่จะตัดสินใจ ถึงแม้จะมีการระบุทำเลที่ตั้งบางพื้นที่ เช่น บริเวณที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่คลองเตย หนองจอก มีนบุรี หรือ เมืองการบิน ระยอง-พัทยา รวมทั้ง เชียงใหม่ และภูเก็ต 

ซีอีโอ ของ กลุ่ม Galaxy Entertainment Group (GEG) ‘เควิน เคลย์ตัน’ มีความเห็นว่า ไม่ควรมีการกำหนดค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโนแพงจนเกินไป เพราะลูกค้าจำนวนมากที่เข้าไปกาสิโนไม่ใช่นักพนัน คนจำนวนมากเพียงต้องการเยี่ยมชมเป็นครั้งคราว เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นของกาสิโนหลัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโอกาสความบันเทิงโดยรวมของ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คอมเพล็กซ์  แต่ลูกค้าหลายล้านคนใช้เงินเพียงเล็กน้อยกับกาสิโน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ นอกเหนือจากการรับประทานอาหาร ช้อปปิ้ง เข้าพัก ดู และเล่น

ในเรื่องสถานที่ตั้ง ทุนกาสิโนยักษ์ข้ามชาติส่วนใหญ่ให้ความสนใจ พื้นที่บริเวณ ‘ท่าเรือคลองเตย’ ที่อยู่ใกล้เมืองทำให้เหมาะในการพัฒนาโครงการแบบผสมผสานที่ประกอบด้วย กาสิโน โรงแรมระดับห้าดาว ร้านค้าปลีกและร้านอาหารชั้นเลิศ ศูนย์การแพทย์ สนามม้า สนามกอล์ฟมาตรฐาน PGA สนามมวย สวนสนุก หรือ สวนน้ำ รวมถึง คอนเสิร์ตฮอลล์ แต่ปัญหาใหญ่ ก็คือ หากจะใช้พื้นที่ดังกล่าวอาจจะต้องใช้เวลาหลายทศวรรษในการเคลียร์พื้นที่

ขนาดของการลงทุน เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คอมเพล็กซ์แต่ละแห่งคาดว่าจะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท หากไม่มั่นใจว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากเพียงพอจึงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากในสายตาของกลุ่มทุน ทำเลที่ตั้งโครงการจึงมีความสำคัญมาก เพราะต้องอยู่ใกล้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ 

ในร่างพ.ร.บ. ที่มีการแก้ไขโดยกำหนดให้นักพนันชาวไทยที่จะเข้าไปเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากประจําไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งมี ‘คนไทยที่มีคุณสมบัติเพียงไม่ถึงหมื่นราย’ ถึงแม้รัฐบาลระบุว่าอาจจะมีการแก้ไขในชั้นกรรมาธิการ แต่ก็กลายเป็นความเสี่ยงในสายตาของกลุ่มทุนยักษ์ข้ามชาติ 

กลุ่มทุนฯบางรายถึงขนาดระบุว่า ข้อกำหนดเรื่อง 50 ล้านบาท คือ ‘ตัวทําลายอย่างแท้จริง’ เพราะจะทําให้ต้องพึ่งลูกค้าหลักคือตลาดชาวต่างชาติที่จะทำให้จำนวนของลูกค้าไม่ใหญ่พอ หรือพูดง่ายๆว่า ความน่าสนใจในการลงทุนนอกเหนือจากนักพนันต่างชาติแล้ว นักพนันคนไทยก็เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของกาสิโน 

อีกประเด็นที่ยังไม่มีความชัดเจนคือ ความเป็นเจ้าของเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการถือครองที่ดิน และสัดส่วนการถือหุ้นที่ประเทศไทยกำหนดไว้ไม่ให้ต่างชาติถือหุ้นเกิน 50% ที่อาจทำให้ไม่คุ้มการลงทุน และยังจำเป็นต้องหาพันธมิตรกลุ่มทุนในประเทศเข้ามาร่วมลงทุน

ความเสี่ยงที่อาจกลายเป็นภัยคุกคามที่สำคัญในสายตาของนักลงทุน คือ ‘ความไม่แน่นอนทางการเมือง’ ของไทย ที่หากมีการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหารที่เข้ามามีอำนาจ อาจจะมีแนวนโยบายที่ไม่ตรงกับรัฐบาลชุดเดิม ที่อาจจะมีแนวคิดในเชิงอนุรักษ์ และไม่สนับสนุนแนวคิดการเปิดกาสิโนแบบถูกกฎหมาย 

แนวคิดที่อาจจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า คือ การเข้ามาร่วมลงทุนกับทุนใหญ่ในไทย ที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องสายสัมพันธ์กับการเมือง และมีความเชี่ยวชาญในด้านกิจการ โรงแรม ค้าปลีก การประชุม และสวนสนุก ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งในเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยกลุ่มทุนกาสิโนอาจจะเข้ามาร่วมลงทุนเช่าที่ดินในส่วนของกาสิโน และบริหารพื้นที่ทั้งหมดร่วมกัน 

ในการค้นคว้าข้อมูลเชิงลึก IAG ระบุว่าได้สอบถาม กลุ่มทุนกาสิโนข้ามชาติจำนวน 15 รายที่แสดงความสนใจในการเข้ามาลงทุนในไทย ประกอบด้วย 

ผู้รับสัมปทานในมาเก๊า GEG, Melco Resorts & Entertainment และ SJM Resorts ผู้ประกอบการที่เชื่อมโยงกับสหรัฐฯ 3 แห่งของมาเก๊าคือ Sands China /Las Vegas Sands, MGM China/MGM Resorts และ Wynn Macau/Wynn Resorts Bloomberry Resorts Corp และ Newport World Resorts ของมะนิลา 

หน่วยงานเก็นติ้งสองแห่งในเก็นติ้งสิงคโปร์และเก็นติ้งมาเลเซีย
คราวน์รีสอร์ทของออสเตรเลีย
ผู้ประกอบการชนเผ่าสหรัฐฯ Hard Rock International และ Mohegan 
นักลงทุนคาสิโนสหรัฐฯ Bally's 
Peermont ของแอฟริกาใต้ 

แต่คาดว่ากลุ่มทุนกาสิโนยักษ์ใหญ่ที่แสดงความสนใจจริงจัง และมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มทุนการเมืองในประเทศ ที่ทำให้มีโอกาสที่จะได้ใบอนุญาตน่าจะมีเพียง 6 กลุ่ม

กลุ่มที่ดูจะมีแต้มต่อมากที่สุดน่าจะเป็น กลุ่มทุนจากมาเก๊า ‘เมลโก้ รีสอร์ท แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์’  ของ ลอเรนซ์ โฮ ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับฝ่ายการเมืองของไทย และมีการจัดตั้งสํานักงานแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมการสําหรับการประมูล รอเพียงความชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายของไทย เนื่องจากมองเห็นโอกาสที่ไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในอันดับ 8 ของโลก จากจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคน 

กลุ่ม ‘Galaxy Entertainment Group (GEG)’  เป็นอีกกลุ่มที่เห็นโอกาสและเข้ามาเปิดสํานักงานในกรุงเทพฯ เพื่อประเมินตลาดเช่นเดียวกับ กลุ่ม ‘ฮาร์ดร็อค’ ผู้ประกอบการรีสอร์ทคาสิโนประมาณ 20 แห่งในสหรัฐฯ ที่ให้ความสนใจลงทุนทั้งใน กรุงเทพฯ และภูเก็ต 

บทสรุป IAG วิเคราะห์ว่า บรรดากลุ่มทุนกาสิโนยักษ์ใหญ่ให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนใน โครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คอมเพล็กซ์ ในไทยโดยเชื่อว่า โอกาสมีจริง แต่ความจริงก็คือ ‘ปีศาจอยู่ในรายละเอียด’ ที่ขึ้นอยู่ว่ากฎกติกาของเกมที่จะออกมาจะเป็นอย่างไร...

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์