แก้รัฐธรรมนูญ ‘แดง-ส้ม’ ไปคนละทาง?!

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ที่ให้เพิ่มหมวด 15/1 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรนูญฉบับใหม่ขึ้น ล่าสุดยังมีเพียงสองร่างเท่านั้น คือ ร่างฉบับพรรคประชาชน ที่เสนอเข้ามาก่อน และร่างของพรรคเพื่อไทย ที่ยื่นประกบในตอนหลัง

แรกๆ ทำเอาคอการเมืองเกิดอาการ ‘เวียนหัว’ บ้างเล็กน้อย เมื่อสื่อบางค่ายเปิดไส้ในฉบับเพื่อไทยออกมา เป็น ‘ก๊อปปี้’ เดียวกับพรรคประชาชน ตั้งแต่การตัดเงื่อนไขการลงมติวาระ 1 และวาระ 3 ที่ริบดาบสว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 มาไว้ในมือสส.แทน ด้วยเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 

ไปจนถึงการตัดเงื่อนไขในวงเล็บ 8 ที่คงไว้เพียงการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในหมวด 15 และการแก้ไขเพื่อนำไปสู่การยกร่างขึ้นใหม่เท่านั้น ที่ต้องทำประชามติ ที่เหลือตัดออกทั้งหมด ไม่เว้นแต่แต่หมวด 1 หมวด 2 

ไหนบอกเพื่อไทย ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 แล้วไงออกมาเป็นแบบนี้ได้?!

หรือแม้แต่ในวงเล็บ 9 ที่แก้ไขจำนวนเสียงสมาชิกรัฐสภาจาก 1 ใน 10 เพิ่มเป็น 1 ใน 5 สำหรับการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็ก๊อปปี้เดียวกับร่างพรรคประชาชน รวมทั้ง จำนวน ส.ส.ร. 200 คน ก็ให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด แยกเป็นเขต 100 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน

สุดท้ายกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ!!

เมื่อ ‘วิสุทธิ์ ไชยณรุณ’ ประธานสส.เพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล ยืนยันร่างของพรรคเพื่อไทย ไม่แก้ไขหมวด 1 หมวด 2 และให้มีการตั้ง ส.ส.ร.เข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะต้องมีการกำกับว่าจะต้องไม่แตะเรื่องหมวด 1 หมวด 2 และไม่แตะต้องเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันโดยเด็ดขาด

วิสุทธิ์ยอมรับว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน โดยหากจะแก้รายมาตราก็มีคนออกมาค้านว่าทำไมไม่แก้ทั้งฉบับ พอจะแก้ทั้งฉบับก็มีคนบอกว่าทำไมไม่แก้รายมาตรา 

‘เป็นปกติที่มีความต่างด้านความคิด แต่สุดท้ายต้องมีทางออกที่เป็นไปได้’

ประธานวิปรัฐบาล ยังพูดทีเล่นทีจริงถึงการไปขอเสียงสนับสนุนจาก สว.ด้วยว่า 

‘เป็นธรรมดา ขอผ่านสื่อก็ได้ ฝากถึงสมาชิกวุฒิสภาทุกท่าน ผมต้องการ 80-90 เสียง หรือจะเทให้ 200 เสียงก็ยินดี’

ทว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ ปัญหาไม่ได้มีเพียงเสียงสว.จะได้ถึง 1 ใน 3 หรือ 67 เสียงหรือไม่เท่านั้น แต่สอบทานดูแล้ว มีปัญหาไปตั้งแต่พรรคการเมืองเลยทีเดียว 

แม้แต่พรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ที่ดูเหมือนจับไม้จับมือกันแบบหลวมๆ เพราะมีความต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ โดยให้มี ส.ส.ร.ขึ้นมาทำหน้าที่ยกร่างเหมือนๆ กัน

แต่เนื้อหาในร่างหลักการไปกันคนละทาง!!

เอาแค่หลักการลงมติในวาระแรกกับวาระสาม ก็ไม่เหมือนกันแล้ว พรรคประชาชนให้ตัดทิ้งอำนาจสว.ที่ต้องเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 มาเป็นให้มีเสียงสส.เห็นชอบไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 แทน ส่วนเพื่อไทย ไม่ซับซ้อนให้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งก็พอ

ที่สำคัญคือ เรื่องหมวด 1 หมวด 2 ร่างของพรรคประชาชน แตะไปตรงๆ เลยที่ยกออกไปทั้งกะบิในวงเล็บ 8 แต่เพื่อไทย ไม่ให้ไปยุ่งกับสองหมวดนี้และที่เกี่ยวกับสถาบันโดยเด็ดขาด

เมื่อเป็นแบบนี้ ถึงเวลาลงมติรับหลักการในวาระแรกจะทำอย่างไร?

พรรคประชาชน อาจจะลงมติรับร่างพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ผ่านเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2-3 ไปด้วยกัน แต่พรรคเพื่อไทย ที่มีจุดยืนต่างจากพรรคประชาชน ประกาศไว้ชัดเจนไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 แล้วจะไปขานคะแนนว่า ‘รับหลักการ’ ร่างของพรรคประชาชนได้อย่างไร

ฟังมาว่าคนในพรรคเพื่อไทยเอง ก็กำลังคิดอ่านหาทางออกกันอยู่ จะให้ลงมติอย่างไรดีในร่างของพรรคประชาชน ที่ขัดกับจุดยืนของพรรค ซึ่งสุดท้ายอาจจะใช้วิธีเปิด ‘ฟรีโหวต’ ให้สมาชิกไปตัดสินใจกันเอง และพรรคประชาชนก็ไปวัดดวงเอาว่าร่างจะผ่านหรือไม่ผ่าน 

เพียงแค่นี้ก็เห็นชัดแล้วว่า ร่างฉบับพรรคประชาชนไม่ผ่านแน่ๆ อย่าว่าแต่พรรคเพื่อไทยไม่เอา พรรคอื่นๆ ที่มีจุดยืนไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ก็ไม่เอา และสว.ก็คงไม่เอาด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ฟันธงไปได้เลยว่าร่างฉบับพรรคประชาชนไม่ผ่านวาระแรกชัวร์

ส่วนร่างของเพื่อไทย ก็ผ่านยากอีกเหมือนกันนั่นแหล่ะ เพราะไป ‘ริบดาบ สว.’ เรื่องเสียงไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ด้วย และไม่มีอะไรไปชดเชยคืนให้

สรุปสุดท้ายทั้งสองร่าง ไม่ว่าสีส้ม สีแดง อาจจะถูก ‘แขวน’ เอาไว้ไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาทั้งคู่ ถ้าเจอด่าน มาตรา 210 (2) มีสส./สว.เข้าชื่อกัน 40 คน ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประมาณว่าขอปลอดภัยไว้ก่อน ก็เป็นไปได้สูง

เพราะหากขืนปล่อยผ่านไปถึงวาระ 2-3 แล้วเกิดปัญหาขึ้น นั่นเท่ากับถลำลึกเป็นความผิดสำเร็จ 

รอลุ้นกันเอาเองว่าในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ร่าง ‘แดง-ส้ม’ ที่ไปคนละทาง ท้ายสุดจะถูกแขวนไว้ด้วยกันทั้งคู่หรือไม่?!