หลังจากแผนธุรกิจในการสร้างอาณาจักรของ ดิไอคอน กรุ๊ป ประสบผลสำเร็จเกินความคาดหมายในช่วงสองปีแรก ‘บอสพอล’ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ก็เริ่มแผนการขยายอาณาจักรในขั้นต่อไปของเขา
‘พอล’ ค้นพบ ‘จุดอ่อน’ ของสังคมไทยในยุคที่ผู้คนถูกครอบงำโดยสื่อโซเชียลและเสพติดเรื่องราว ‘ดราม่า’ ของคนขี้อวด ชนิดซึมลึกเข้าเส้นเลือด จนทำให้ขาด ‘ภูมิต้านทาน’ พร้อมที่จะถูกพลานุภาพของขบวนการเล่าเรื่องชนิด ‘พิชิตใจมหาชน’ จนต้องมนต์สะกด ตกเป็นเหยื่อของเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่ลำพังดราม่าชีวิตเคล้าน้ำตาเรื่อง ‘แม่และส้มลูกนั้น’ ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในชีวิต หรือ นิทานเรื่อง ‘มดสองตัว’ กับความพยายาม ‘อีกนิด’ ตลอดจนการโชว์หรูของเขา คงไม่สามารถหากินซ้ำๆไปเรื่อยๆ ทำให้ ‘บอสพอล’ เริ่มคิดถึงการสร้างทีมงาน โดยอาศัยแนวคิดของการมาร่วมเป็น **‘ครอบครัว’**ภายใต้องค์กรธุรกิจที่ทุกคนต่างมีโอกาสเป็น ‘บอส’ ที่มีความสำคัญในองค์กรได้ทุกคน หากโดดเข้ามาร่วมหัวจมท้ายใน ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’
ขบวนการสร้างความน่าเชื่อถือคือหัวใจสำคัญของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ลวงโลก แต่สำหรับ ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ มันอาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นมากกว่านั้น เพราะมันคือ มหกรรมสร้างภาพของอาณาจักร ‘แชร์ลูกโซ่ ลวงโลก’ ที่กล้าประกาศศักดาท้าทายสังคมไทยครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งในเรื่องการสร้างตัวละครและบท รวมทั้งการทำโปรดักชั่นที่สุดอลังการแห่งยุค
‘พอล’ พยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับ ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ โดยทำสัญญาว่าจ้างดาราที่มีคนติดตามในโซเชียลมีเดียหลักล้าน ให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าบางตัว
แต่เป้าหมายจริงๆแล้ว เขาต้องการให้ดาราเหล่านี้เปรียบเสมือน Brand Ambassador ของ ดิไอคอน กรุ๊ปมากกว่าการขายสินค้า เพราะหวังผลในการสร้างเครือข่ายมากกว่า
ขณะเดียวกันเขาเริ่มสร้างทีมงานขาย โดยดึงนักขายระดับ ‘มงกุฎ’ ที่เข้าใจในแผนการตลาดอันแยบยลของเขาเข้ามาช่วย และหนึ่งในนั้นคือ ‘บอสปัน’ ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ที่ต่อมานอกจากเป็นคนสนิทแล้วยังเปรียบเสมือนมือขวาของเขา ถึงขนาดแบ่งหุ้นของ ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ ให้ถึง 4%
มีการะดมทีมงาน 18 มงกุฎ ที่เป็น ‘นักขายตรง’ มือพระกาฬมาเข้าร่วมทีม ด้วยข้อเสนอแสนเย้ายวนจนยากจะปฎิเสธ โดยนอกเหนือจาก ‘บอสปัน’ ยังมี ‘กลด เศรษฐนันท์’ หรือ ‘บอสปีเตอร์’ ที่เปรียบเสมือน ‘มือซ้าย’ หนึ่งในมันสมองในแง่แผนธุรกิจของ ‘บอสพอล’ ในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ ยังมีการดึงนักขายมือดี ที่มีพื้นฐานมาจากหลากหลายวงการเข้ามาร่วมทีม ไล่ตั้งแต่
‘ฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ’ หรือ บอสหมอเอก
‘นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์’ บอสสวย
‘ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์’ บอสโซดา
‘นันท์ธรัฐ เชาวนปรีชา’ บอสโอม
‘ธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์’ บอสวิน
‘หัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์’ บอสป๊อบ
‘วิไลลักษณ์ เจ็งสุวรรณ’ บอสจอย
‘ธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์’ บอสอ๊อฟ
‘เชษฐ์ณภัฎ อภิพัฒนากานต์’ บอสทอมมี่
‘เสาวภา วงษ์สาขา’ บอสอูมมี่
‘กนกธร ปูรณะสุคนธ์’ บอสแม่หญิง
‘จิรวัฒน์ แสงภักดี’ โค้ชแล็ป มือทำงานด้านเทคนิค
บอสเหล่านี้ ‘พอล’ อาศัยผลประโยชน์ผ่าน Business Model ที่แยบยลและสูงยั่วใจที่ทำให้ บรรดาบอสเหล่านี้เห็นช่องทางในการสร้างรายได้ได้สูงกว่าการเป็นตัวแทนขายตรงอยู่ในบริษัทเดิมหลายเท่าตัว ชนิดทำให้กลายร่างเป็นมนุษย์ทองคำได้ในชั่วพริบตา
บรรดาบอสเหล่านี้นอกเหนือจะมี ‘ส่วนแบ่งรายได้’ จากการหาตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ให้เข้ามาติดกับดักวงจรอุบาว์ของ ดิไอคอน กรุ๊ป เปิดบิล เพื่อซื้อสินค้าตั้งแต่ระดับแค่ 2,500 บาท และค่อยๆขยับขึ้นไปเป็น 2.5 หมื่นบาท 5 หมื่นบาท และ 2.5 แสนบาท
รายได้จากอีกสองทางหลัก ที่บรรดาบอสจะได้รับคือ ‘รายได้จากการเปิดสอนคอร์สออนไลน์’ รายละ 98 บาท ที่ใช้อ่อยเหยื่อ ให้คนสนใจเข้ามาซึ่งดูอาจจะไม่มากนัก แต่อาศัยจำนวนและความถี่ก็สามารถสร้างรายได้หลักแสนในแต่ละเดือนได้อย่างสบาย
รายได้อีกช่องทางจะมาจาการทำเงินจากเม็ดเงินที่บีบให้ตัวแทนจำหน่ายต้องใช้เม็ดเงินในการ ‘ยิงแอด’ เพื่อหาลูกค้า ซึ่งเชื่อกันว่าอาจจะเป็นรายได้ที่บรรดาบอสสำหรับทำเงินกันได้มหาศาลไม่น้อยไปกว่าส่วนแบ่งรายได้จากการหว่านล้อมให้ ‘เหยื่อ’ เปิดบิลเป็น ‘ตัวแทนจำหน่าย’
ทุกอย่างดำเนินต่อมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จากแผนการตลาดแบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาอย่างแยบยล ทำให้อาณาจักรของ ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ เติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลาย 2-3 ร้อยล้านบาทในระยะเวลาเพียง 3 ปี และเกิด ‘บูม’ สุดขีด ในช่วงที่ทั้งโลกรวมทั้งประเทศไทย เผชิญกับวิกฤตการณ์ โควิด-19 ที่ทำให้ในปี 2564 บริษัทสามารถทำรายได้สูงถึง 4,949 ล้านบาท และมีกำไรในทางบัญชีถึงกว่า 813 ล้านบาท
ในช่วงโควิด-19 เป็นช่วงที่ธุรกิจออนไลน์ในไทยเติบโตสูงสุด เพราะผู้คนไปมาหาสู่กันไม่ได้เหมือนปกติ ทำให้คนจำนวนมากตกงาน และเป็นโอกาสทองของการทำธุรกิจขายของออนไลน์ เพื่อหารายได้
เมื่อคนเหล่านี้แห่เข้ามาเขา ‘คอร์สออนไลน์’ สอนยิงแอด เพื่อทำการตลาดแบบตรงหรือออนไลน์แล้ว จะต้องเจอกับบรรดาบอสที่เป็นนักขายในคราบนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ที่มีภาพลักษณ์ของเศรษฐีใหม่ ขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม มาโน้มน้าวขายฝันเสนอความรวยแบบชั่วพริบตา
ความคิดของ ‘เหยื่อ’ ที่ตอนแรกอาจจะเพียงอยากจะมีอาชีพที่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัวเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน ทะยานอยากที่จะประสบความสำเร็จมีชีวิตเหมือนดั่งภาพฝันที่ ‘บอสพอล’ ออกแบบให้บอสทุกคนเป็นสูตรสำเร็จไว้ให้เดินตาม
ในเวลาเดียวกันการหว่านเม็ดเงินในการซื้อภาพลักษณ์ ทุ่มงบโฆษณาส่วนใหญ่ โดยการทุ่มทุนซื้อป้ายโฆษณาคัตเอ้าท์ขนาดใหญ่ ทั้งริมถนน บนตัวตึก กลางกรุงฯและเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ที่มีภาพของบรรดาบอสดาราดัง เพื่อกลายเป็นจุดสนใจที่ทำให้ผู้คนรู้จัก ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ ยังคงดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ยังมีการทุ่มงบโฆษณาแบบ ‘เจาะ’ ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ให้บรรดาบอสที่เป็นนักเล่านิทานขายฝัน ไปเดินสายออกรายการประเภทสร้างแรงบันดาลใจ อย่างรายการ ‘ทูเดย์โชว์’ ของ **‘น้าต๋อย’**ไตรภพ ลิมปพัทธ์ หรือ ‘อายุน้อยร้อยล้าน’ ของ ‘ก้อง’ อรรฆรัตน์ นิติพน เพื่อดึงให้คนหลงเข้ามาสู่ ‘คอร์สอนออนไลน์’ ราคาถูก ที่เป็นบันไดขั้นแรกของการลวงเหยื่อ ก่อนจะถูกจูงเข้าสู่หลักประหาร
ในปีนั้น ดิไอคอน กรุ๊ป เกิดกระแส ‘บูม’ สุดๆ ทำให้ยอดเหยื่อหลงเข้าไปติดกับ ทั้งเข้าไปเรียนคอร์สออนไลน์ และหลวมตัวเปิดบิลเป็นตัวแทนจำหน่ายกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยนอกจากจะหวังรวย ยังได้มีโอกาสไปเที่ยวในทริปหรูในฝัน ได้ตะโกนประกาศความสำเร็จในชีวิตกันจนฉ่ำโซเชียล และกลายเป็นภาพฝันที่เป็นจริง ที่ตอกย้ำและดึงดูดให้มีเหยื่อตกเข้าไปสู่กับดักแห่งความโลภมากขึ้นและมากขึ้น
ความสำเร็จที่ทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็วราวน้ำป่า ทำให้ยอดการเปิดบิล เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายเติบโตอย่างรวดเร็ว จนยอดทะลุไปถึงกว่า 3.68 แสนราย และมี Dealer ระดับ 2.5 แสนบาท จำนวนถึงเกือบ 3.2 หมื่นราย และมีตัวแทนจำหน่ายระดับขายปลีก Distributor ถึงกว่า 2.85 แสนราย
หลังโควิด-19 ธุรกิจกลับเข้าสู่สภาวะปกติ การตลาดออนไลน์เริ่มชลอตัวลง เมื่อมีคนเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายมากมายขนาดนี้ ตลาดก็เริ่มถึงจุด ‘อิ่มตัว’ อยู่ในสภาพมีแต่ผู้ขายแต่ไม่มีผู้ซื้อ เพราะบริษัทเองก็ไม่ได้เน้นในการขายสินค้ามาตั้งแต่แรก
ทุกคนต่างต้องพยายามหาทางดิ้นรนในการระบายสินค้าในสต็อคของตัวเองออกไป แต่กลับถูกบรรดาบอสหว่านล้อมให้เดินลงเหว โดยการ ‘ยิงแอด’ ไปดึงคนเข้าคอร์สออนไลน์ เพื่อหาคนมาเปิดบิล เป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีก หลายคนเริ่ม ‘เจ๊ง’ สต็อกเริ่มล้น มีแต่สินค้าติดมือแต่ขายไม่ออก
เพราะเหตุนี้ทำให้ยอดขายในปีถัดมาหลังปี 2564 ตกฮวบลงเหลือ 3 พันกว่าล้านบาทในปี 2565 และ เหลือเพียง 1.89 พันล้านบาท ในปีที่แล้ว
กลยุทธ์ขายดรามาชีวิตของบรรดาบอสเริ่มไม่ได้ผล ทำให้ ‘บอสพอล’ ต้องพยายามที่จะต่ออายุของตัวเองให้เดินหน้าต่อไป โดยพยายามพลิกเกมโดยอาศัย ‘ดารา’ มาเป็นลมใต้ปีกเพื่อช่วยพยุงธุรกิจในอีกรูปแบบหนึ่งนอกเหนือจากการเป็น พรีเซ็นเตอร์
ดาราคนแรกๆเลยก็คือ ‘กันต์ กันตถาวร’ ซึ่งในตอนแรกกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์ แต่รู้จักดิไอคอน กรุ๊ป ผ่านทางภรรยาและเกิดความสนใจ เพราะมีภูมิต้านทาน ‘ความรวย’ ต่ำ เสพติดสังคมระดับ ‘ไฮโซ’ ชอบมีชีวิตติด ‘แกลม’ มีความสุขกับการ ‘ตะโกน’ อยู่ในโลกโซเชียลมีเดียให้ทั้งโลกรับรู้
ทั้งกันต์ กันตถาวร, ‘มิน’ พีชญา วัฒนามนตรี และ ‘แซม’ ยุรนันนท์ ภมรมนตรี คือ ดารา ที่ ‘บอสพอล’ ใช้เป็นเครื่องมือโดยให้ผลประโยชน์ล่อใจ ถึงขนาดยอมให้มานั่งแท่นบริหารใส่คำว่า ‘บอส’ นำหน้าชื่อ เพื่อให้คนเข้าใจว่าดาราเหล่านี้ มั่นใจในธุรกิจของบริษัทและกล้าเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร และยังมีการเสนอส่วนแบ่งรายได้ และสิ่งยั่วใจทั้งข้าวของเงินทอง ชนิดผู้คนเหล่านี้ยากจะปฎิเสธ
ดาราระดับนี้ เหมือนเครื่องมือชั้นดีที่จะช่วยการันตีว่าบริษัททำธุรกิจถูกต้อง โปร่งใส ถึงขนาดทำให้พิธีกรระดับประเทศยังมาร่วมทำงานด้วย และเชื่อว่าการมี ‘ดาราพารวย’ จะทำให้สินค้าขายได้
หลังปรับแผนการตลาด ‘บอสพอล’ ย้ายที่ตั้งสำนักงานใหม่มาที่รามอินทรา และพยายามสร้างภาพลักษณ์ โดยเน้นการนำรถหรู Super car มาจอดเหมือนโชว์รูมที่ด้านหน้าออฟฟิศเพื่อให้มีคนมาถ่ายภาพไปโพสต์สร้างกระแสในโลกโซเชียลมีเดีย ตรงตามคอนเซ็ปต์ ขยันผิดที่ 10 ปี ก็ไม่รวย ต้องมาทำงานที่ ดิไอคอน กรุ๊ป
แต่เมื่อมนต์สะกดเริ่มคลายความขลัง ผู้คนเริ่มเริ่มตื่นรู้ บรรดาตัวแทนจำหน่าย เริ่มตีบตัน สู้ไม่ไหวกับต้นทุนค่ายิงแอดที่แพงขึ้นเรื่อยๆ และดูจะไม่มีวันจบสิ้น การหาคนมาเข้าคอร์สออนไลน์ และชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยากขึ้น หลายคนจึงยอม ‘เจ็บแต่จบ’ ถอยออกมา ยอมกลืนเลือดหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั
หลังจากนั้นความวิบัติที่แท้จริงของ อาณาจักร ดิไอคอน กรุ๊ป จึงบังเกิด เพราะเริ่ม ‘ควบคุม’ ทิศทางไม่ได้ บอสหลายๆคนเริ่มคอนโทรลลูกทีมไม่ได้ เรื่องในแง่ลบๆเริ่มถูกเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ จนนำไปสู่จุดจบในเวลานี้
ดิไอคอน กรุ๊ป อาจจะเกิดและเติบโตมา มีรายได้นับหมื่นล้านบาทในช่วงไม่ถึง 6 ปี เพราะการใช้จุดแข็งของการทำการตลาดแบบออนไลน์และการใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างกระบวนการสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ก็ต้องล่มสลายเพราะสิ่งเดียวกัน...
ติดตามตอนต่อไป
การล่มสลายของ ดิไอคอน กรุ๊ป