ไขปม โฆษกปชป.ลาออก?!

31 พ.ค. 2567 - 05:15

  • หาเหตุผลโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ลาออก

  • ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงภายในพรรค

  • การเตรียมตัวไปร่วมงานกับพรรคใหม่ที่กำลังฟอร์มทีม

Unraveling the mystery of the Democrat Party spokesperson's resignation-SPACEBAR-Hero.jpg

ขณะที่ เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) อยู่ระหว่างนำคณะลงพื้นที่ชายแดนด้ามขวาน โดยไปพร้อมกับที่ปรึกษาคู่ใจคนใหม่ เต้-มงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ปรากฎว่าที่กรุงเทพฯ กลับมีข่าวการลาออกของโฆษกพรรคฯ ราเมศ รัตนเชวง แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย 

ปชป.ร้าวลึก ‘ราเมศ’ ไขก๊อกพ้นสมาชิกพรรค 

สื่อพากันเสนอข่าวนี้เมื่อวาน โดยราเมศ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิก ปชป.มีผลตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเข้า ‘อุปสมบท’ ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม โดยไม่มีกำหนดจะลาสิกขาในวันไหน

ในขณะที่ตอนท้ายของข่าว ได้ระบุถึงสาเหตุการลาออกที่อ้างบุคคลใกล้ชิดมองว่าน่าจะเกิดจากความ ‘ขัดแย้ง’ กับผู้มีอำนาจบริหารจัดการภายในพรรคบางคน รวมถึงการถูก ‘บีบ’ ให้ช่วยทำคดีของผู้บริหารระดับสำคัญในพรรคบางคนด้วย

การลาออกของราเมศ ที่ตอนนี้คือ ‘รัตนปัญโญ ภิกขุ’ เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผู้บริหารพรรคชุดใหม่ กำลังพยายามกู้ให้เลือดเก่าไหลกลับ  จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เกิดอะไรขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์

แต่ก่อนที่เรื่องจะลุกลามไปไกล ‘พระราเมศ’ ได้สื่อสารผ่านไลน์ทีมงานโฆษก ปชป.โดยชี้แจงเหตุผลการลาออกจากสมาชิกพรรค เพื่อให้งานโฆษกเดินหน้าไปได้ ถ้าช่วงระหว่างบวชยังคงต้องรอพรรคจะเสียหายได้ ยืนยันไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งในการทำงานและพร้อมกลับไปช่วยงานในวันข้างหน้า แม้ไม่มีตำแหน่งก็ทำงานในฐานะสมาชิกพรรคธรรมดา

‘ต้องขอโทษโยมทุกท่านที่ไม่ได้บอกกล่าวลาบวชทุกคน เพราะตั้งใจที่จะบวชให้โยมแม่ที่อายุมากแล้วและผู้มีพระคุณ และตั้งใจบวชเพื่อขอขมากรรมต่อทุกท่านที่ได้ล่วงเกิน อาตมาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้ทำดีทั้งหมดในช่วงเวลาชีวิตที่ผ่านมามีทั้งใช้ชีวิตไปในทางที่ดีและไม่ดี ผิดศีลธรรม ไม่ผิดศีลธรรม การกระทำหลายการกระทำอาจทำให้คนอื่นทุกข์ใจเสียใจก็ต้องขอขมากรรม ขออโหสิกรรม ไว้ ณ ที่นี้’

ข้อความตอนหนึ่งในไลน์ทีมงานปชป.ที่อ้างคำพูดของพระราเมศ

นับเป็นข้อความที่กลับหน้ากลับหลังอยู่บ้าง เพราะโดยทั่วไปการกล่าวคำว่า 

‘กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้ท่านได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย เพื่อความบริสุทธิ์แห่งเพศพรหมจรรย์’ 

ข้อความข้างต้นที่ว่ามักจะบอกกล่าวกันเสียก่อนบวช รวมทั้ง การนำธูปเทียนแพ ไปกราบลาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือด้วย แต่ในกรณีของอดีตโฆษก ปชป.จึงแตกต่างจากคติที่คนไทยถือปฏิบัติกันมา

เอาเถอะ จารีตที่ว่าคงไม่ต้องยึดตรงตามนั้นทั้งหมด เพราะในรายของท่านอาจต้องการบวชแบบเงียบๆ หรือจะปัจจุบันทันด่วนอย่างไรก็สุดแท้แต่ ก็คงเป็นเหตุผลของท่าน และเมื่อเห็นมีข่าวเกิดขึ้นก็เลยต้องออกมาชี้แจง พร้อมถือโอกาสแสดงเจตนาข้างต้นเสียในคราวเดียวกัน

แต่สิ่งที่ทั้งคนใน ปชป.และคนนอกพรรคสงสัยคือ มีอะไรที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคของอดีตโฆษก ปชป.เพราะดูแล้วการบวชทดแทนพระคุณ อย่างมากสุดก็น่าจะสักหนึ่งพรรษา คงไม่ถึงกับอุทิศชีวิตให้พระศาสนาแบบบวชไม่สึกแน่ๆ

เรื่องนี้ถามไถ่จากคนใน ปชป.แล้ว ก็พอได้เห็นที่มาที่ไปอยู่บ้าง อย่างแรกเลย คือ การกลับมาเป็นโฆษก ปชป.อีกสมัยจากการเสนอชื่อของหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันนั้น จนถึงวันนี้คนในพรรคยังสงสัยกันไม่หาย ถึงการตัดสินใจของเฉลิมชัย เพราะเป็นที่รู้กันว่ารราเมศ (พระ) คือลูกศิษย์ก้นกุฏิของ ‘ชวน หลีกภัย ’ 

แม้เฉลิมชัย จะบอกกับใครบางคนในเวลาต่อมา ที่แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ในงานสัมมนาพรรคกึ่งสังสรรค์ช่วงต้นปีว่า ‘ราเมศมาขอโทษแล้ว’ แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

อย่างที่สองหลัง ‘ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์’ รองหัวหน้าภาค กทม.ได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลงานในกทม.อย่างเต็มตัว เคยพูดกับราเมศว่า ต่อไปจะแถลงอะไรที่เกี่ยวกับพื้นที่ กทม.ขอให้มาคุยกันก่อน

ล่าสุดการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของเฉลิมชัย ตามคำแนะนำของที่ปรึกษาป้ายแดง ‘เต้-พระราม 7’ พร้อมกับหอบหิ้วกันไปโดยที่ไม่มีโฆษกพรรคร่วมคณะไปด้วย น่าจะเป็นฟางอีกเส้นของปัญหาที่สุมไว้ในอก

สุดท้ายน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญระดับ 5 ดาวเลยก็ว่าได้ คือ 

การแต่งตัวเตรียมไปอยู่กับพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งมีทั้งที่เป็นพรรคใหม่จริงๆ ที่คนใน ปชป.อีกปีกกำลังตั้งไข่กันอยู่ ส่วนอีกพรรคเป็นพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้ว แต่มีปัญหากันภายในชนิดที่ต่างฝ่ายต่างส้องสุมกำลัง รอรวบหัวรวบหางหวังยึดพรรคเอาไว้เอง

แหล่งข่าวระดับวงในยืนยันว่า หากจะไปอยู่กับพรรคการเมืองหลังนี้ ราเมศ (พระ) น่าจะได้รับการชักชวนจาก ‘รัฐมนตรีหญิง’ คนหนึ่งที่มีความ ‘คุ้นเคย’ กันมาก่อน

ทั้งหมดที่ว่าน่าจะเป็นที่มาของสาเหตุการลาออกจากสมาชิกพรรคของโฆษก ปชป.ที่ตอนนี้เป็นอดีตไปแล้ว และสถานภาพ ณ เวลานี้ คือ รัตนปัญโญ ภิกขุ 

ส่วนเรื่องราวในอนาคตต้องรอดูหลังวันที่ ‘พี่ทิด’ สึกออกมาแล้ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์