กาสิโนไทย ไล่ไม่ทันสิงคโปร์

6 มิ.ย. 2567 - 08:54

  • พรรคเพื่อไทยเร่งผลักดันนโยบายกาสิโนเสรี

  • ทำนโยบายใหม่ ในขณะที่ของเดิมยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่

  • ส่วนเพื่อนบ้านสิงคโปร์ เปิดเฟสสองกาสิโนเรียบร้อยแล้ว

economy-singapore-marina-casino-SPACEBAR-Hero.jpg

ดูเหมือนใกล้ความเป็นจริงไปทุกขณะ สำหรับการผลักดัน ‘กาสิโน’ ถูกกฎหมายขึ้นในไทย ซึ่งจำแลงมาในชื่อของ สถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex ที่จะมีกาสิโนเป็นแม่เหล็กสำคัญ หลังจาก นายกฯเศรษฐา ผ้าขาวม้าหลากสี ตัดสินใจสั่งการให้ รมช.คลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เหยียบคันเร่งเต็มที่ เร่งรัดให้ยกร่าง ‘พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร’  มาเสนอให้ ครม.พิจารณา เพื่อเสนอเป็นกฎหมาย เพราะคงหวังว่าจะเป็น ‘เรือธง’  อีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุน และการท่องเที่ยวจากต่างชาติ

แต่ฝันของนายกฯเศรษฐาจะเป็นจริงได้หรือไม่? ในสายตาของคนภายนอกยังคงมีคำถาม เพราะที่ผ่านมาปฎิเสธไม่ได้ว่าหลายๆโครงการที่เป็น ‘เรือธง’ ที่รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยวาดฝันว่าจะผลักดันให้เป็นผลงานชิ้น ‘โบว์แดง’ กลับไม่สมราคาสโลแกน**‘คิดใหญ่ ทำเป็น’** เพราะไม่ว่าจะเป็น ‘โครงการดิจิตอลวอลเล็ต’ หรือ ‘โครงการแลนด์บริดจ์’  ต่างตกอยู่ในสภาพ ‘ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก’  กลับไม่ได้ไปไม่ถึง 

เพราะเหตุนี้ ทำให้ภาคธุรกิจเอกชนเองก็เริ่มไม่มั่นใจในขีดความสามารถในการบริหารงานของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดนี้ ถึงขั้นดูแคลนว่าเป็นเพียง ‘มือสมัครเล่น’ ที่มีแต่เป้าหมาย เพราะหากเป็นมืออาชีพต้องมีแผนและกระบวนการทำงานที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ชัดเจน ไม่ใช่ต้องเปลี่ยนแผนหรือ ‘เปลี่ยนปก’ กันรายวันอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 

ย้อนกลับมาดูเรื่อง ‘เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์’ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนว่า ทั้งคนคนคิดคนทำยังคงสอบตกซ้ำซากอีกครั้ง ไม่ต่างอะไรกับเรื่องแลนด์บริดจ์ ที่หวังจะไปชิง ‘ธง’ มาจากสิงคโปร์ แต่กลับไม่ทำการบ้าน ศึกษาความเป็นไปได้ในทางธุรกิจให้ครบทุกด้าน นายกฯเศรษฐาอุตส่าห์เดินสาย ‘โรดโชว์’ ไปไม่รู้กี่ประเทศ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับความสนใจล้นหลามอย่างที่คิด 

**ก่อนหน้านี้นายกฯเศรษฐาส่งสัญญาณ ‘ไฟเขียว’  ถึง กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ชุดทีมี รมช.จุลพันธ์เป็นประธาน ให้เร่งส่งผลการศึกษามาให้ ครม.**พิจารณารับทราบเมื่อต้นเดือนเมษายน และในการประชุม ครม.ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายกฯเศรษฐาก็ส่งสัญญาณอีกครั้งว่า ‘เอาจริง’  และสั่งการกระทรวงการคลัง ให้เร่งรัดการดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และจัดทำแผนการออกกฎหมายลำดับรองลงไปที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอ ครม. ในโอกาสต่อไป 

แต่ต้องยอมรับว่า การผลักดันโครงการ เมกะโปรเจกต์ ระดับแสนล้านอย่าง เอนเตอร์เทนเม้นคอมเพล็กซ์ ที่มี กาสิโน เป็นจุดขาย ถึงจะเหยียบคันเร่งสุดแรงขนาดไหน แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเรื่องค่อนข้างอ่อนไหวในเชิงนโยบาย เพราะมีหลายฝ่ายเกรงว่าอาจส่งผลกระทบทางสังคมตามมา หากไม่มีการกำหนดเงื่อนไขที่จะป้องกันไม่ให้คนไทยตกเป็นทาสการพนัน ซึ่งรัฐบาลคงต้องหาแนวทางที่เหมาะสม และอาศัยเวลาในการทำความเข้าใจกับภาคประชาสังคม หากไม่อยากเผชิญกระแสต้านที่อาจทำให้รัฐบาลมีปัญหาหนักกว่าที่เป็นอยู่ 

นอกเหนือจากการกำหนดเงื่อนไข และข้อกฎหมายที่จะต้องหาจุดร่วมกับภาคประชาสังคมให้ได้แล้ว การกำหนดเงื่อนไขที่จะเปิดให้กลุ่มทุนจากต่างชาติและคนไทยเข้ามาลงทุนในโครงการ รวมทั้งสถานที่ตั้งก็ยังเป็นอีกจุดเสี่ยงของรัฐบาล เพราะสุ่มเสี่ยงที่ นายกฯเศรษฐา ที่อาจถูกโจมตีว่าเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่บางกลุ่มที่ใกล้ชิดรัฐบาล

เมื่อดูตามภาพรวมแบบนี้ คงต้องยอมรับว่า ถึงแม้นายกฯเศรษฐาจะอยากเร่งให้เกิดกาสิโน หรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ในไทยมากสักแค่ไหน แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องที่จะผลักดันให้สำเร็จได้ในระยะเวลาสั้นๆ ที่อาจจะทำให้กว่าจะไปถึงจุดนั้น กลุ่มทุนกาสิโนรายใหญ่อาจจะหมดความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนก็เป็นได้ เพราะต้องยอมรับว่า ณ จุดนี้ สิงคโปร์ คู่แข่งสำคัญของเรา ก้าวนำหน้าไปไกลสุดกู่แล้ว

ก่อนหน้านี้ในยุคของ “ ลี เซียนลุง” สิงคโปร์ ตัดสินใจเปลี่ยนโฉมประเทศ โดยส่งเสริมให้มีการลงทุน กาสิโนและสถานบันเทิงครบวงจรถึงสองแห่ง คือ “มารีนา เบย์ แซนด์ส”  ที่มีกลุ่มทุนกาสิโนรายใหญ่ของโลก คือกลุ่มแซนด์สจากลาสเวกัส และ_“ รีสอร์ต เวิรลด์ เซนโตซา”_ ของกลุ่มเกนติ้งมาเลเซีย เพื่อสร้างจุดขายใหม่ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับสิงคโปร์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยกาสิโนทั้งสอง แห่งสามารถสร้างรายยได้จากการท่องเที่ยวให้สิงคโปร์คิดเป็นสัดส่วนราว  1- 2%  ของ GDP และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าเป็น 19.1 ล้านคน ภายในในระยะเวลา 10 ปี 

ล่าสุดหลังจาก “ลอว์เรนซ์ หว่อง” ก้าวขึ้นเป็นผู้นำของ สิงคโปร์ เมื่อเดือนที่แล้ว โครงการคาสิโนรีสอร์ท ทั้งสองแห่งกำลังเปิดฉาก การพัฒนาระยะที่สอง ซึ่งจะเป็นส่วนขยายขนาดใหญ่ของโครงการแรก ด้วยมูลค่าการลงทุนร่วมๆ 10,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือราว7,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยกว่า 2.72 แสนล้านบาท

มารีนา เบย์ แซนด์ส ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากอาคารสามหลังที่มีสวนอยู่บนดาดฟ้ารูปร่างคล้ายเรือ จะลงทุนสร้าง “อาคารที่สี่” ซึ่งเป็นโรงแรมในเดือนกรกฎาคมปีหน้า พร้อมทั้งสนามกีฬาใหม่มีความจุถึง 15,000 ที่นั่ง เพื่อใช้จัดงานอีเวนท์ใหญ่ๆ และจะมีพื้นที่กาสิโนเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ตร.ม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคม ปี 2029

ในขณะที่ รีสอร์ต เวิร์ล์ด เซนโตซา  บนเกาะเซนโตซาจะลงทุนเพิ่มจำนวนห้องพักของโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 700 ห้อง โดยจะมีพื้นที่กาสิโน เพิ่มขึ้นอีก 500 ตร.ม.

ทั้งหมดคือ แผนเดิมที่รัฐบาลสิงคโปร์ได้อนุมัติแผนไว้ตั้งแต่ปี 2562 แต่การดำเนินการล่าช้าไป เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่า ถึงแม้รัฐบาลของนายกฯเศรษฐา จะเหยียบคันเร่งผลักดันโครงการกาสิโน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ได้สำเร็จ เมื่อถึงจุดนั้น กลุ่มทุนกาสิโนระดับ “บิ๊กเนม” ของโลกจะยังสนใจเข้ามาลงทุนในไทยอีกหรือไม่

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์