สส.ก้าวไกล หนีหมายเรียกปลอม สด. 43

26 เมษายน 2567 - 09:28

deep-space-jirat -thongsuwan-chachoengsao-move-forward-party-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ทันที่ที่สภาผู้แทนราษฎรปิดสมัยประชุม เอกสิทธิ์ของ สส.ก็หยุดลงชั่วคราว

  • สส.ก้าวไกล จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ กลายเป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

  • หมายเรียก อาจจะพัฒนาเป็นหมายจับ หากยังเพิกเฉยต่อไป

สภาผู้แทนราษฎร ปิดสมัยประชุมตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ไปจนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม

ปิดสภาฯ สส.ไม่ต้องมาประชุม แต่ยังได้เงินเดือน 113,560 บาทต่อไปทุกเดือน รวมทั้งสวัสดิการ สิทธิผลประโยชน์ ต่างๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำงาน

สิ่งที่หายไปมีเรื่องเดียวคือ ความคุ้มครองที่จะไม่ถูกดำเนินคดีอาญาในระหว่างสมัยประชุม ตามมาตรา 125 ของรัฐธรรมนูญ 2560 วรรคแรก ที่บัญญัติว่า

‘ในระหว่างสมัยประชุม ห้ามมิให้จับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาไปทำการสอบสวน ในฐานะที่สมาชิกผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก หรือเป็นการจับในขณะกระทำความผิด’

สภาฯปิดสมัยประชุมคราวใด ก็ถึงคิวที่ ตำรวจจะเช็คบิล ตรวจสอบดูว่า มี สส. หรือ สว. คนใด เข้าข่ายต้องถูกดำเนินคดีอาญาบ้าง จะได้ถือโอกาสที่ สภาฯปิดเทอมเคลียร์บิล เรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหา   

ส่วนตัว สส. หรือ สว.ที่ถูกกล่าวหาก็จะต้องหาทางหลบเลี่ยง ไม่มารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหา เพื่อเตะถ่วง ประวิงเวลา ไปให้ถึงเวลาที่สภาฯจะเปิดประชุมสมัยต่อไป จะได้อาศัยอภิสิทธิ์ของผู้แทนราษฎรอยู่เหนือกฎหมายต่อไปได้

สภาฯปิดเทอมคราวนี้ ตำรวจ สน. ประชาชื่น ออกหมายเรียก ‘จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ’ สส.ก้าวไกล  จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือสมญานามในโลกโซเชียล ‘สส. ลักแกง’ มารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาคดีปลอมใบ สด. 43 ในวันที่ 24 เมษายน

คดีนี้พลโท ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มอบอำนาจให้นายทหารพระธรรมนูญแจ้งความดำเนินคดีจิรัฏฐ์ ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ แต่ตำรวจต้องรอให้หมดสมัยประชุมสภาก่อน จึงออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา 

แต่จิรัฏฐ์ไม่มาส่งทนายมาขอเลื่อน โดยอ้างว่าติดธุระ แต่ตำรวจไม่ให้เลื่อนและออกหมายเรียกครั้งที่ 2  ให้มารายงานตัวในวันที่ 8 พฤษภาคม 

คราวนี้ถ้าไม่มาอีก ตำรวจก็สามารถขอศาลให้ออกหมายจับได้ทันที

จิรัฏฐ์ซึ่งมีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น ตามสไตล์ สส. พรรคก้าวไกล ที่ ‘พุ่งชนทำลายล้าง’ เป็นศัตรูกับทุกสถาบันในสังคมไทย ถูก ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ ทำหนังสือร้องเรียนนายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบว่า จิรัฏฐ์ไปเกณฑ์ ทหารและได้ใบ สด. 43  มาถูกต้องหรือไม่ 

แน่นอนว่าจิรัฏฐ์ ต้องปฏิเสธหัวชนฝา พร้อมกับโชว์ใบ สด. 43 เป็นหลักฐาน

ตรงนี้คือ ‘จุดผิดพลาด’ ของจิรัฏฐ์ เพราะไปโชว์ของกลางที่ทางกองทัพ บอกว่าเป็นใบ สด. 43 ปลอม เพราะไม่มีลายเซ็นประธานการตรวจคัดเลือก และชื่อ ‘จิรัฏฐ์’ ในใบ สด. 43 ไม่มีอยู่ในสารบบกองทัพ มีแต่ชื่อ ‘นวรินทร์’ ซึ่งเป็นชื่อเดิม และใบสด. 43 ชื่อ ‘นวรินทร์’ ก็ยังอยู่ครบทั้งต้นขั้ว และใบ สด. 43 อีก 2 ใบ

จึงมีข้อสงสัยว่าใบ สด. 43 ในชื่อ จิรัฏฐ์ ได้มาอย่างไร ใครเป็นคนออกให้

ถ้าจิรัฏฐ์ไม่เอาใบ สด. 43 ออกมาโชว์ ก็คงไม่มีใครเห็นหน้าตาใบ สด. 43  ใบนั้น การจับผิดตั้งข้อสังเกตว่าปลอมตรงไหน ก็คงไม่เกิดขึ้น 

ซ้ำร้ายเมื่อยิ่งแก้ตัว ก็ยิ่งทำให้เห็นข้อพิรุธในการได้มาซี่งใบ สด. 43 โดยเฉพาะ เรื่องที่อ้างว่า หลังจากไปมอบตัว รับทราบข้อกล่าวหาหนีทหารแล้ว ก็ไปจับใบดำใบแดง จับได้ใบดำ และได้ใบ สด. 43 มา 

เพราะการจับใบดำใบแดง ปีหนึ่งมีครั้งเดียว ราวๆต้นเดือนเมษายน พร้อมกันทั่วประเทศ ในสถานที่เปิดเผยเช่น วัด โรงเรียน สถานที่ราชการ มีกรรมการ ญาติพี่น้อง กองเชียร์มาให้กำลังใจ เป็นการเอิกเกริก จึงมีคำถามที่จิรัฏฐ์​ตอบไม่ได้ว่า ‘ไปจับ ใบแดงใบดำ ที่ไหน เมื่อไร จับกับใคร’ 

ท่วงทำนองการชี้แจงของจิรัฏฐ์นั้น  นับว่า เป็น ‘DNA’ ของ สส.พรรคก้าวไกล ที่มีอดีตหัวหน้าพรรคทั้งสองคนเป็นต้นแบบ คือยิ่งแก้ตัว ก็ยิ่งทำให้เห็นพิรุธ เห็นความไม่สมเหตุสมผล ยิ่งแก้ตัว ก็ยิ่งเห็นว่า พูดจริงหรือเท็จ 

เหลือเวลาอีกตั้ง 2 เดือนกว่า สภาฯจะเปิดประชุมอีกครั้ง ในขณะที่กระบวนการสอบสวนของตำรวจเดินหน้าแล้ว ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ไม่มา ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ไม่มาอีก โดนหมายจับทันที

ถ้าจิรัฏฐ์คิดจะหนีหมายเรียก เลี่ยงหมายจับ ก็ต้องหาวิธีซื้อเวลาให้พ้นช่วง 2 เดือนเศษนี้ รอจนสภาฯ เปิดประชุม วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 จะได้ใช้เอกสิทธิ์ คุ้มครองให้อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ต้องถูกดำเนินอาญาในสมัยประชุม

ข่าวที่น่าสนใจ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์