ผ่านมาสามวันแล้ว เรื่อง ‘อีแอบการเมือง’ ที่ออกจากปากของ ทักษิณ ชินวัตร ในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่ชายทะเลหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ยังเป็นคำถามวนเวียนอยู่บนหน้าสื่อ
โดยมี ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตกเป็นเป้าหมู่บ้านกระสุนตก เพราะเพิ่งถูกทักษิณ กัดแบบแรงๆ กรณีรีบหล่อที่ออกมาขวางการแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลาโหม ของสส.เพื่อไทย ฐานออกตัวเร็วเกินไป
แถมก่อนหน้านั้น ยังมีปม ‘ขบเหลี่ยม’ กันอีกหลายเรื่อง ตั้งแต่การแก้ไขกฎหมายประชามติ ชอบกินไวไวไม่กินมาม่า จนมาถึงการสังหาร ‘สจ.โต้ง’ ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ที่กำลังจะให้ภรรยาใส่เสื้อเพื่อไทยลงสมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี
แต่ สจ.โต้ง มาถูกสังหารในบ้าน ‘โกทร’ สุนทร วิลาวัลย์ เสียก่อน!!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทักษิณถึงกับออกอาการควันออกหู ประกาศจะจัดการกับผู้มีอิทธิพลใน จ.ปราจีนบุรี ให้สิ้นซาก ทั้งยังสำทับเมื่อเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลต้องไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้น การไปพูดจาแสดงความเป็นเจ้าของรัฐบาล ออกปาก**‘ตะเพิด’**ไล่บางพรรคออกจากการร่วมรัฐบาล ฐานทำตัวเป็นอีแอบ ไม่มีความเป็นครม.เลือดสุพพรรณ แบบไปไหนไปกัน จึงทำให้ทุกสายตาเพ่งมองไปที่พรรคภูมิใจไทย เพราะในการประชุมครม.เจ้าปัญหานัดนั้น มีรัฐมนตรีภูมิใจไทยพร้อมใจกันลาประชุมถึง 3 คน
ล่าสุด ‘เสี่ยหนู-อนุทิน’ ซึ่งปฏิเสธเรื่องนี้มาตั้งแต่วันแรก ก็ยังถูกสื่อตั้งคำถามซ้ำๆ แบบรายวันอยู่ ทั้งๆ ที่มีชื่อร่วมคณะไปเยือนมาเลเซียกับนายกรัฐมนตรีในช่วงบ่ายเมื่อวาน(15 ธันวาคม 2567) จึงต้องสาธยายปฏิเสธเสียงแข็งอีกรอบว่า
‘ไม่ใช่หมายถึงผมแน่ๆ ก็แล้วกัน แต่หมายถึงใครก็ต้องไปถามท่านดู เพราะท่านเป็นผู้พูด และท่านไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่เรารู้ว่าไม่ใช่เรา เพราะท่านหมายถึงคนที่ไม่ได้ไปร่วมประชุมครม.แต่ผมไปมันก็จบ ผู้สื่อข่าวก็เห็น คนที่ยืนถัดจากนายกฯ ก็คือผมในการแถลงข่าวหลังการประชุมครม.ขอย้ำว่าอย่าไปใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หยุมหยิม ’
แถมอนุทินยังมีลูกจากก่อนเดินออกวงสัมภาษณ์ด้วยว่า ‘วันนี้หล่อหรือยัง’ อันบ่งบอกถึงความมั่นใจและผ่อนคลายลงอย่างมาก ที่ตัวเองไม่ได้เป็นอีแอบการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีการพูดถึง
ในเมื่อทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาล ต่างออกมาปัดกันพัลวันว่าไม่ใช่พรรคของตัวเอง แล้วจะเป็นพรรคไหนละที่ถูกทักษิณคาดโทษถึงสองครั้งสองหนบนเวทีในวันนั้น
หากดูจาก 7 รายชื่อรัฐมนตรี ที่ยื่นใบลาประชุมครม.ในนัดที่ถูกพูดถึง ได้แก่
1.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย
2.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน
3.นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ
4.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย
5.นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
6.นายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ
7.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์
ดูจากรายชื่อทั้งหมดแล้ว เมื่อตัดพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย ออกไป ก็จะเหลือเพียงสองพรรคเท่านั้น คือ รวมไทยสร้างชาติ กับพรรคกล้าธรรม ซึ่งพรรคการเมืองหลังก็ไม่น่าจะใช่ เพราะ ‘ผู้กอง’ ร..อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เปรียบเสมือนไม่มือซ้ายก็มือขวาของทักษิณ
เมื่อร่อนตะแกรงออกมาแบบนี้แล้ว ก็เหลืออยู่พรรคเดียว คือ รวมไทยสร้างชาติ?!
ตอนหลัง ‘เสี่ยตุ๋ย-พีระพันธุ์’ ออกมาเล่นบทพระเอก ขวางทางปืนนโยบายด้านพลังงานรัฐบาลอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าการระงับสัญญา กฟผ.เรื่องจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินเหมืองแม่เมาะ เบรกตั้งกรรมการสรรหาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) การเก็บภาษี Carbon Tax และระงับประมูลรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน
การเล่นบทพระเอกแบบหล่อไม่เสร็จของ ‘เสี่ยตุ๋ย’ ยิ่งนานวันจะยิ่งเพิ่มอารมณ์หมั่นไส้ให้กับท่านผู้นำเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่นานวันยิ่งรวมกันไม่ติดหลังไม่มี ‘ลุงตู่’ และวันนี้น่าจะถูกผู้สนับสนุนหลักตัดสายสะดือทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำ
การออกมาสบถกึ่งออกปากไล่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคของทักษิณในวันก่อน น่าจะเป็นการเริ่มวางบิล ให้สัญญาณ ‘เขี่ย’ บางคนหรือบางพรรคออกจากการร่วมรัฐนาวาอิ๊งค์ ไม่ช้าก็เร็วต่อจากนี้
ฟังมาว่า ถ้าเมตตาหน่อยก็ให้อยู่ร่วมรัฐนาวาต่อ แต่ปรับเก้าอี้แบบลดชั้นให้ไปอยู่กระทรวงอื่นที่ไม่ใช่กระทรวงพลังงานแทน รับได้ก็อยู่ รับไม่ได้ก็ไป กึ่งบีบกึ่งถีบออกไปในตัว ประมาณนั้น
ขณะที่อีกด้าน กำลังมีคนคิดถึงสูตร ‘กล้าธรรมโมเดล’ ที่ถูกสร้างขึ้นไว้รองรับสส.กลุ่มผู้กองธรรมนัส ก่อนถูกพรรคพลังประชารัฐ ขับออกแบบจากกันด้วยดีในเวลาต่อมา หลัง ‘ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พ่ายกลศึก ‘ไร่ภูนับดาว’
เอาเป็นว่า การดำรงอยู่ของรวมไทยสร้างชาติ ณ เวลานี้ ถี่ห่างไม่ต่างจากพรรคพลังประชารัฐสักเท่าไหร่นัก เพียงแต่ยังเก็บอาการได้ ไม่ถึงขั้นประกาศตัวชัดเจนเหมือนกลุ่มผู้กอง แต่ก็ซุ่มออกแบบเตรียมใช้สูตรผู้กองมาเป็นโมเดลการเมืองอยู่ด้วย
ไม่ว่าจะยังให้รวมไทยสร้างชาติ อยู่ร่วมรัฐนาวาต่อไป แต่ ‘เสี่ยตุ๋ย’ ไม่ได้นั่งเก้าอี้ใหญ่รองก้นเหมือนทุกวันนี้ หรืออาจต้องหาทางจากกันด้วยดี ให้บางกลุ่มออกจากรวมไทยสร้างชาติไปก่อนเวลาอันควร ส่วนจะไปที่ ‘พรรคโอกาสใหม่’ หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต
แต่โมเดลกล้าธรรม ที่ถูกนำมาสนทนาในพรรครวมไทยสร้างชาติเวลานี้ จาก ‘ธรรมนัส’ ถึง ‘พีระพันธุ์’ ความเหมือนและความต่างอยู่ตรงที่ ผู้กองธรรมนัส เป็นคนออกแบบให้ตัวเอง แต่กรณีของ ‘พีระพันธุ์’ มีคนออกแบบให้ เพื่อต้องการให้ไปเสียพ้นๆ ทาง
การออกมาโชว์พาวของทักษิณเที่ยวนี้ ไม่ว่าจะใช้กระสุนนัดเดียวได้นกกี่ตัวก็ตาม แต่หนึ่งในนั้นคือ ‘เสี่ยตุ๋ย’ ที่ทำตัวเป็นพระเอกหล่อไม่เสร็จ คือเป้าสังหาร ส่วนจะอยู่หรือไปจากครม.พ่อลูกตอนกี่โมง
อีกไม่นานคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในสูตรเดียวกับกล้าธรรมโมเดลนั่นแหล่ะ!!