มันเป็นยิ่งกว่า ‘ปรากฎการณ์’ หรือ Phenomenom ที่ MV ล่าสุด #ROCKSTAR ของ ‘ลิซ่า’ Black Pink หรือ ‘ลลิษา มโนบาล’ สามารถทำลายสถิติผู้เข้าชมทะลุ 1 ล้านวิว!! อย่างรวดเร็วในเวลาแค่ 30 นาที และ 2 ล้านวิวใน 1 ชั่วโมง!!
เร็วจน YouTube ต้องตก ‘ตะลึง’ เพราะไม่เคยเจอปรากฎการณ์แบบนี้มาก่อน และไม่ถึงครึ่งวันยอดผู้ชมทะลุ 10 ล้านคนไปอย่างง่ายดายกลายเป็นกระแส ‘ไวรัล’ ไปทั่วโลก
มาถึงจุดนี้ต้องยอมรับว่า ลูกสาวแห่งชาติ ‘ลิซ่า’ จากค่าย LLOUD ที่เธอเป็นเจ้าของเอง และมีผู้คนทั่วโลกและสาวก BLINK เฝ้าจับตามองหลายล้านคน สามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นศิลปิน**‘ระดับโลก’** อย่างเต็มตัว และสามารถเดินออกจาก ‘เงา’ ของการเป็นศิลปินเพลงในแนว K POP ก้าวไปสู่ความเป็นสากลได้เรียบร้อยแล้ว
ลองคิดง่ายๆว่า เพียงแค่การปล่อย Teaser ตัวอย่างสั้นๆ แค่ 10 วินาที ยังทำให้สถานที่หรือ Location ถ่ายทำที่ลิซ่าไปยืนกลางแยก ‘เฉลิมบุรี’ บนถนนเยาวราช กลางแสงสียามค่ำคืน กลายเป็นหมุดหมายที่บรรดานักท่องเที่ยวและสาวกของเธอให้ความสนใจค้นหาและอยากมาสัมผัส
นี่แหละคือ ‘Soft Power’ ของจริงที่ไม่จำเป็นต้อง ‘ยัดเยียด’ แต่มันคือกลวิธีที่จะสอดแทรกย่านเยาวราชสู่สายตาชาวโลก พร้อมกับสอดแทรกความเป็นวิถีชีวิตแบบไทยที่จับต้องได้ในแบบเหนือชั้น ผ่านทั้งภาพและเนื้อหาที่ ‘ลิซ่า’ เชื่อว่ากรุงเทพฯ คือเมืองสุดเจ๋งในสายตาของเธอ
‘I'm stealing diamonds make them chase me for the thrill been my BKK so pretty that I go my city’
แต่พอตัดภาพกลับมาในวันเดียวกัน ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีการจัดงาน THACCA SPLASH เพื่อเปิดตัวและตอกย้ำนโยบาย Soft Power ที่หวังจะเป็นผลงานสร้างชื่อของ ว่าที่นายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ที่มีน้อยคนที่จะสนใจ เพราะยังคงสับสนกับแนวคิดและวิธีการ จนทำให้เต็มไปด้วยคำถามว่าจะส่งเสริม Soft Power ของไทยอย่างไรกันแน่
มันจึงดูจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อยว่าทำไมรัฐบาลกลับมองข้าม และไม่เห็นถึงพลานุภาพของ Super Soft Power ตัวแม่ที่มีความพร้อมในทุกด้านอย่างลิซ่า ทั้งๆที่จังหวะเวลาในตอนนี้เป็นโอกาสทองที่จะพยายามโน้มน้าวและดึงให้ ลิซ่า มาช่วยในการส่งเสริมเรื่อง Soft Power ที่รัฐบาลหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นอีกโครงการ ‘เรือธง’
รัฐบาลของนายกฯเศรษฐา น่าจะใช้โอกาสนี้ในการติดต่อ และเสนอให้ ลิซ่า เป็น ‘ทูตพิเศษทางวัฒนธรรมของไทย’ ซึ่งหากดูจากกรอบความคิดที่ผ่านมาของ ลิซ่าก็น่าจะพิสูจน์ได้เพียงพอแล้วว่า เธอที่ ‘สำนึกของความเป็นไทย’ มากขนาดไหน หากดูจากผลงานและกิจกรรมหลายอย่างที่ผ่านมา ที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นในสายตาของต่างชาติในหลายๆด้าน ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร และเรื่องของวิถีชีวิต
แทนที่ นายกฯเศรษฐา จะมัวแต่ ‘หมกมุ่น’ กับศิลปินอเมริกันอย่าง Taylor Swift และใฝ่ฝันที่อยากจะดึงมาจัด ‘คอนเสิร์ต’ ในไทย เพื่อเอาชนะสิงคโปร์ ทำไมไม่หันกลับมามอง ‘ลูกสาวแห่งชาติ’ อย่างลิซ่า ที่เชื่อว่ามีแฟนเพลงไม่ได้น้อยไปกว่าอย่างแน่นอน
มาถึงวันนี้เชื่ได้เลยว่า ชื่อเสียง หรือ เงินทอง ไม่ใช่ประเด็น แต่การ ‘ให้เกียรติ’ และแต่งตั้งให้ ลิซ่า เป็นทูตพิเศษทางวัฒนธรรม เธอน่าจะรับตำแหน่งด้วยความยินดี และด้วยสำนึกที่มาจากตัวตนของเธอที่ไม่เคยลืมความเป็นไทย เชื่อได้เลยว่า เธอจะสามารถนำเสนอโดยสอดแทรกความเป็นไทยในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร แฟชั่น กีฬา(มวยไทย) และแม้แต่แนวเพลงไทยที่เป็นสากล สู่สายตาชาวโลกได้อย่างเหนือชั้น
ในเวลาเดียวกันการกลับมาของลิซ่าใน MV ล่าสุดอย่าง ROCKSTAR ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถสร้างแรง ‘กระเพื่อม’ ให้เยาวราชและน่าจะช่วยให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักในช่วง Low Season แบบนี้
ก็น่าจะเป็นจังหวะที่ดีผู้ว่ากทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่กำลังพยายามหาผลงานเพื่อดึงคะแนนคนกรุงเทพฯ น่าจะใช้เป็นโอกาสปลุกเยาวราชให้กลับมาเป็น Walking Street เพื่อให้เป็นอีก Land Mark สำคัญของกรุงเทพฯ ที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดกับการมาเดินเที่ยว เดินชิม เดินช้อปท่ามกลางแสงสีของย่านนี้ ท่ามกลางกลิ่นอายบรรยากาศของย่าน ‘ไชน่าทาวน์’ ที่มีเสนห์น่าค้นหาและสัมผัส
ยิ่งไปกว่านั้นไม่อยากนึกภาพว่า หากสามารถดึงให้ ลิซ่า มาจัดคอนเสิร์ตกลางแจ้งบนถนนเยาวราช แถววงเวียน ‘โอเดียน’ ที่ตั้งอยู่หัวถนนเยาวราช ที่เคยเป็นศูนย์รวมสถานบันเทิงในอดีต และเป็นที่ตั้งของ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา จะสร้าง ‘อิมแพค’ ให้กับประเทศไทยในสายตาชาวโลกขนาดไหน
มีคำกล่าวว่า ‘โอกาส นั้นมาเข้ามาเสมอ เพียงแต่เรามองหาและไขว่คว้ามัน ไม่ใช่เฝ้ารอ’ มาถึงบรรทัดนี้ก็คงต้องถามใจรัฐบาลว่า ถ้าอยากจะส่งเสริม Soft Power จริงๆจะต้องรอไปถึงกี่โมง...