‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ‘ช้างศึก’ วันที่ 23 สิงหาคม 2564 จนถึง 4 กุมภาพันธ์ 2567 รวม 890 วัน ก่อนอำลาตำแหน่งไปสมัครเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย
890 วันของทีมช้างศึก ภายใต้มาดามแป้ง ทีมชาติไทยเป็นแชมป์อาเซียน 2 สมัย และผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เอเชียนคัพ 2023 ที่การ์ต้า ซึ่งเธอบอกว่า เป็นผลงานรอบแบ่งกลุ่มที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
ทีมช้างศึกยุครุ่งโรจน์ มีผลงานดีที่สุด ตอนที่ ‘ซิโก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นผู้จัดการทีมอยู่ 4 ปีกว่า ในยุคของอดีต นายกสมาคมฯ วรวีร์ มะกูดี คว้าเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งแรกในรอบ 6 ปี ได้ที่4 ในเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เกาหลีใต้ เป็นแชมป์อาเซียนครั้งแรก หลังจากรอคอยมา 12 ปี เข้ารอบ 12 ทีม ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย เป็นแชมป์คิงส์คัพ หลังจากว่างเว้นมาเกือบ10 ปี
ทีมช้างศึกกลายเป็นช้างป่วย ในยุคนายกสมาคมฯ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ซิโก้ ลาออกจากผู้จัดการทีม หลังจากได้ต่อสัญญาไม่ถึงปี ทีมช้างศึกมีผู้จัดการทีมอีก 2-3 คน แต่ก็ไม่ดีขึ้น จนมาดามแป้ง ซึ่งเคยคุมทีมฟุตบอลหญิง เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2 สมัย อาสามารับตำแหน่ง
เทียบฟอร์มกันแล้ว ทีมช้างศึกในยุคซิโก้ ดีกว่าในยุคของมาดามแป้งแน่นอน อาจจะเป็นเพราะ ซิโก้อยู่นานกว่า มีเวลาสร้างผลงานมากกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่ซิโก้มี แต่มาดามแป้งไม่มี คือ ประสบการณ์ในสนามในฐานะนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง และข้างสนาม ในฐานะโค้ช
อีกอย่างหนึ่งคือ ในยุคมาดามแป้ง สโมสร มีอำนาจเหนือสมาคม สโมสรเป็นผู้กำหนดว่า จะปล่อยตัวนักเตะมาเล่นให้ทีมชาติหรือไม่
มาดามแป้งเลือก ‘มาโน่’ อเล็กซานโดร โพลกิ้ง ชาวบราซิล เป็นโค้ชทีมช้างศึก ซึ่งถูกวิจารณ์ว่า มือไม่ถึง แต่งานแรก เขาลบคำสบประมาท พาทีมช้างศึกคว้าแชมป์ อาเซียนหรือซูซูกิคัพ 2020 ได้ และเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในชีวิต ทำให้ มาโน่ ได้เป็นโค้ชช้างศึกต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง ทีมช้างศึกพ่ายจีนคาบ้าน ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก แม้จะชนะสิงคโปร์ แต่วิกฤตศรัทธาได้เกิดขึ้นแล้ว มาดามแป้งจำเป็นต้องปลดมาโน่ และเลือก มาซาทาดะ อิชิอิ มาเป็นโค้ชแทน ในการทำศึกเอเชียนคัพรอบสุดท้าย ที่การ์ต้า ที่ทีมไทยไปได้แค่ รอบ 2
เมื่อโค้ชตัวจริง เสียงจริง ลงสนาม มาดามแป้งก็ต้องเฟดตัวเอง หายไปจากพื้นที่สื่อ ลดบทบาทที่เกินหน้าที่ผู้จัดการทีม แต่ที่ยังคงเส้นคงวา คือ ‘แม่ยก’ ให้เงินอัดฉีดนักฟุตบอลแลกกับชัยชนะ
ตลอด 890 วันของการทำหน้าที่ผู้จัดการทีม มาดามแป้ง หมดเงินไป 55.85 ล้านบาท กับการอัดฉีดทีมช้างศึกเทียบกับผลงานที่ได้ ถือว่า ไม่คุ้มและเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรม ‘เตะเพื่อเงิน’ มากกว่า ‘สู้เพื่อชาติ’ ให้กับแข้งช้างศึกไปแบบไม่รู้ตัว แต่ก็เป็นเรื่องเดียวที่มาดามแป้ง ทำได้ดีกว่าผู้จัดการทีมฟุตบอลทุกคนในโลกนี้
อย่างไรก็ตาม เวลา 890 วัน กับเงินเกือบ 60 ล้านบาทที่ทุ่มเทให้กับทีมช้างศึก ทำให้ชื่อ ‘มาดามแป้ง’ โดดเด่น เป็นที่รู้จัก กล่าวขวัญถึง ไม่เฉพาะคนไทย แต่ลือเลื่องไปถึงแฟนบอลในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม และอินโดนีเซีย จากที่เคยเป็นที่รู้จักเฉพาะในแวดวงธุรกิจ และสังคมไฮโซ
ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับตัวมาดามแป้งเอง และธุรกิจประกันของตระกูล และเป็นบันไดให้เธอก้าวต่อไปในวงการฟุตบอล จากผู้จัดการทีมชาติ เป็นนายกสมาคม และอาจจะไปไกลถึงตำแหน่งในระดับภูมิภาค หรือฟีฟ่า หากยังมุ่งมั่นในเส้นทางนี้