หลายคนคงเคยเห็นข้อความที่ติดตามท้ายรถที่ว่า รถคันนี้สีขาว สีเทา สีเหลือง สีฟ้า ฯลฯ ซึ่งสีที่บอกไว้นั้น เป็นคนละสีกับสีของรถ ไม่แน่ใจจุดประสงค์เจ้าของต้องการบอกถึงอะไรกัน เป็นแฟชั่นหรือเป็นการแก้เคล็ดกันแน่
ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ว่ากันไปตามสะดวกเถอะ เพราะคงไม่ไป ‘หนักอวัยวะ’ ส่วนไหนของใครเข้า
แต่ที่คงจะปล่อยผ่านไปไม่ได้ คือ การที่นักการเมืองกลุ่มหนึ่ง กำลังจะยัดเยียดแขวนป้ายประเทศไทย ให้เป็น ‘ประเทศนี้สีเทา’ ทั้งๆ ที่ดินแดนขวานทองตรงนี้ ได้ชื่อเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม เป็นธานีแห่งแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง มีทรัพย์ในดินสินในน้ำ เป็นสยามเมืองยิ้ม ที่ภาคภูมิใจสืบต่อกันมานานหลายชั่วอายุคน
มาถึง พ.ศ.นี้ ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ที่ต้องการ ‘ปั้น’ ตัวเลข GDP ด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากต่างประเทศ และการยอมจำนนต่อการบังคับใช้กฎหมายที่เกิดช่องโหว่ช่องว่างมากมาย จากการทุจริตคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงนำไปสู่การเกิดธุรกิจสีเทาขึ้นในแทบจะทุกหย่อมหญ้า
แทบจะกลายเป็นสีเทากันทั้งแผ่นดิน
ด้วยเหตุนี้ จึงนำไปสู่การผ่อนคลายในหลายๆ เรื่อง เพื่อนำสิ่งที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาไว้บนดินกันให้หมด ทำนองว่าไหนๆ ห้ามไม่ได้แล้ว ก็ทำเสียให้ถูกต้องจะได้เก็บภาษีรายได้เข้าหลวง เงินทองจะได้ไม่ไหลออกไปนอกประเทศแต่ละปีจำนวนมหาศาล ประมาณนั้น
หรือไม่ก็มาในนามของความขึงขัง ไม่ต้องการให้เป็นสังคมแบบอีแอบอีกต่อไป
ปฐมบทของสังคมไทย ที่ยอมเปิดทางให้สิ่งผิดกฎหมายมาเป็นถูกกฎหมาย เริ่มจากการผ่อนคลายในเรื่องของกัญชา ‘เพื่อการรักษา’ จนถูกฝ่ายการเมืองนำไปละเลงให้เป็นพืชเศรษฐกิจ อนุญาตให้ปลูกกันบ้านละไม่เกิน 6 ต้น แล้วจะร่ำรวยมีรายได้กันถ้วนหน้า
จนสุดท้ายกลายเป็น ‘กัญชาเสรี’ ที่สร้างปัญหาไม่รู้จบมาถึงวันนี้
ในขณะที่นโยบายกัญชา เพื่อการรักษาทางการแพทย์ ยังกลับไปกลับมาระหว่างจะให้นำกลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม หรือจะตีกรอบผ่อนปรนกันมากน้อยขนาดไหน กฎหมายที่จะเสนอเข้าสภาใหม่ก็ยังไม่รู้อยู่ที่ไหน
ทุกวันนี้เลยมีร้านสายเขียวกระจายไปทั่วทุกหัวระแหงให้ปู้น ปู้น ปู้น กันบันเทิงเริงใจยิ่งกว่ายุคสมัยใด
จากเรื่องกัญชา แถมใบกระท่อม ยังจัดระเบียบกันไม่เสร็จ ก็มาถึง**‘บ่อนคาสิโน’** ที่มาในเสื้อคลุมของสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่เพิ่งผ่านครม.ไปหมาดๆ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา
โดยอ้างอิงผลศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภา ที่มาพร้อมกับตัวเลขรายได้มากมาย และอีกสาระพัดเหตุผล ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ แก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายสารพัด
ทั้งหมดที่ว่ามานั้น ต้องตราเป็น พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรก่อน ซึ่งกว่าจะนำเข้าสภาและผ่านออกมาบังคับใช้ได้คงใช้เวลาอีกนาน โดยตั้งเป้าเปิดผ้าแพรกันโน่นในปี 2572
แต่ที่ลัดคิวปาดหน้ามาก่อน คือ ‘พนันออนไลน์’ ถูกกฎหมาย มาเร็วเคลมเร็วไม่ต้องออกกฎหมายใหม่ให้เสียเวลา แค่ออกกฎกระทรวงมารองรับ ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น ก็นำพนันออนไลน์ที่อยู่ใต้ดินทั้งหมดขึ้นมาไว้บนดินได้
เรื่องพนันออนไลน์ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ พูดไว้บนเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย เมื่อไม่กี่วันก่อน และถัดมาวันรุ่งขึ้น ‘ประเสริฐ จันทรรวงทอง’ รองนายกฯ และรมว.ดีอี ก็ขานรับว่าได้ศึกษาเรื่องนี้มานานร่วมสองเดือนแล้ว
และที่ ‘ช๊อกซีเนมา’ ตาค้างกันเป็นแถว ก็ช่วงสายวานนี้(14 มกราคม 2568) เมื่อรองนายกฯ ประเสริฐ ออกมาบอกว่า ที่ประชุมครม.วันที่ 13 มกราคม มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอแนะของกระทรวงดีอี เรื่องการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับพนันออนไลน์แล้ว
เมื่อถูกนักข่าวซักว่า เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมถึงไม่แถลงเป็นมติครม.แต่ประชาชนกลับทราบข้อมูลผ่านนายทักษิณ ที่พูดในงานดินเนอร์ทอล์ค ช่วงค่ำวันที่ 13 มกราคม คำตอบที่ได้จากรองนายกฯ ประเสริฐ คือ
‘เมื่อวาน (13 มกราคม ) ก็มีการพูดถึงเรื่องนี้บ้าง แต่สังคมไปสนใจเรื่องร่างพ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์มากกว่า’
ตกลงสังคมไปสนใจเรื่องอื่น หรือมีการ ‘สับขาหลอก’ เพราะในวันเดียวกัน รองนายกฯ ประเสริฐ ก็พูดถึงเรื่องพนันออนไลน์ด้วย แต่บอกว่ายังอยู่ระหว่างให้ 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงดีอี กระทรวงมหาดไทยและกฤษฎีกา ไปดูรายละเอียด ไม่มีการพูดถึงเรื่องนำเข้าที่ประชุมครม.สักแอ๊ะ
เอาเป็นว่า พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ได้ผ่านความเห็นชอบของครม.ไปแล้ว วันเดียวกับเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรหรือคาสิโนถูกกฎหมาย ส่วนจะเป็นการลักไก่ หรือลักหลับ ตามความถนัดของรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ก็ตาม
วันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หากการแก้ไขกฎหมายลำดับรองที่ว่าแล้วเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นพระราชกฤษฎีกาหรือกฎกระทรวงก็ตาม โดยเฉพาะถ้าเป็นเพียงการแก้ไขกฎกระทรวงอย่างที่ท่านว่า ก็ไม่ต้องนำเข้าครม.อีก
‘เรื่องนี้เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่เสนอแล้ว ก็สามารถดำเนินการได้ทันที’
รองนายกฯ ประเสริฐว่าเอาไว้อย่างนั้น พร้อมกับขยายความพนันออนไลน์จะมีอะไรบ้างนั้น ได้ยกตัวอย่างการพนันฟุตบอล และการพนันอื่นๆ ที่อยู่ในออนไลน์ จะถูกนำมาทำเป็นกฎหมายทั้งหมด
‘จะนำของที่เป็นใต้ดินขึ้นมาไว้บนดินทั้งหมด และหากสื่อสารกับประชาชนแบบง่ายๆ ก็คือเอาเงินที่ไม่ถูกต้องขึ้นมาข้างบน’
รองนายกฯ ประเสริฐย้ำไว้ชัดๆ
เรื่องเอาการพนันมาไว้บนดิน โดยเฉพาะพนันออนไลน์ มีทั้งคนที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย แม้จะมีผลประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีโทษมหันต์ เพราะตลาดใหญ่คือกลุ่มเยาวชนในประเทศ ดังนั้น ผลกระทบที่จะเกิดตามมา จึงไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเลขได้ นัยว่ามากกว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้เป็นร้อยเท่าพันทวีด้วยซ้ำ
นี่คือการ ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’ รากฐานของสังคมขนานแท้ และจะทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศสีเทา เหมือนสติ๊กเกอร์ท้ายรถที่ถูกยัดเยียดสีให้ แล้วเราจะอยู่กันอย่างนี้หรือ?!
