เมื่องานเลี้ยงเลิกรา หุ้น ‘MGI’ ก็ไปต่อไม่ไหว

11 มี.ค. 2567 - 08:54

  • หุ้น MGI ช่วงหลังกำลังปรับตัว ให้ตรงกับมูลค่าที่แท้จริงตามพื้นฐาน

  • กลยุทธ์การสร้างเรื่องราวในหุ้น MGI เป็นไปตามเป้าหมาย

  • แต่อาการช่วงหลังของเจ้ามืออย่าง ณวัฒน์ ทำให้ผู้ถือหุ้นตัดสินใจถอยเช่นกัน

deep-space-mgi-fall-stock-boss-nawat-itsaragrisil-SPACEBAR-Hero.jpg

ถึงวันนี้ ‘บอส’ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล คงได้รับบทเรียนจากอาการ ‘เจ้าคลั่งหุ้น’ ชนิดที่ประกาศว่า ใครขายหุ้น = ฆาตกร ที่กลายเป็นเหมือน ‘หอก’ ที่กลับมาปักอกตัวเองชนิดเลือดสาด

หลังจาก MGI กลายเป็นหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดแห่งปี พุ่งขึ้นจากราคา IPO เพียงแค่ หุ้นละ 4.95 บาท ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ราคาหุ้นละ 65.25 บาท โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม แม้แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯที่ต้องออกมาทั้งเตือน สั่งพักการซื้อขายถึง 3 ครั้งก็ยังหยุดความร้อนแรงไม่ได้ง่ายๆ แต่จู่ๆอาการสะดุดก็เริ่มเกิดขึ้นเร็วกว่าที่หลายๆคนคาด

ราคาหุ้นในวันแรกหลังจากปลดเครื่องหมาย  ‘P’  พักการซื้อขายครั้งล่าสุด ราคาไม่ได้ทะยานขึ้นเหมือนที่ผ่านมา แต่กลับมีแรงเทขายออกมาจนทำให้ราคาร่วงติดฟลอร์ 30% ที่ทำให้บางคนเกิดอาการคลั่ง และเกิด ‘มโน’ ไปเองว่า หุ้นถูกทำ Naked Short ยืมหุ้นไปขาย ถึงขนาดเรียกร้องให้ตลาดฯเข้ามาตรวจสอบ

ถึงแม้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยืนยันว่าหุ้นของ MGI ยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเปิดให้ทำยืมหุ้นไปขาย หรือทำ ‘ชอร์ตเซล’ ได้ แต่ณวัฒน์ ก็ยังประกาศจะปิดบัญชีผู้ถือหุ้นชนิดวันต่อวัน ในช่วงวันที่ 4-6 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อจะจับผิดว่ามีการทำชอร์ตเซล หรือเทขายออกมาจากบรรดาผู้ถือหุ้นระดับ VIP ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นไปในช่วงก่อนเข้าตลาดหรือไม่ ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่ไม่เคยพบเจอสำหรับ VIP มือเทรดหุ้นขาใหญ่ในวงการสักเท่าไร

เพราะเหตุนี้จึงทำให้งาน ‘ปาร์ตี้หุ้น MGI’ ของณวัฒน์ กลายเป็น ‘งานกร่อย’ เมื่อบรรดา VIP ที่ได้รับเชิญไปร่วมงานต่างเริ่มขอตัวกลับ เพราะเห็นว่าได้เวลาอันสมควร และเริ่มทยอยเทขายหุ้นเพื่อทำกำไร ในขณะที่บรรดานักลงทุนรายย่อยก็เริ่มออกอาการ ‘แหยง’  เมื่อเห็นราคาเริ่มปักหัวลง 

ราคาของหุ้นนางงาม MGI เริ่มหมดมนต์เสน่ห์ ราคาค่อยๆไถลลง โดยราคาล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ (11 มีนาคม 2567) ลงมายืนที่ระดับหุ้นละ 36.25 บาท เท่ากับราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 หากสังเกตให้ดีจะพบว่า กลยุทธ์การสร้างธุรกิจของณวัฒน์ นอกเหนือจากการสร้างมิสแกรนด์โดยใช้หลัก 3 C คือ ‘Contest -Content-Commerce’  โดยอาศัยตัว นางงามสร้างรายได้จากการประกวด ยังถูกใช้เป็น KOL และเป็นศิลปินนักร้อง นักแสดง ในการสร้างรายได้จากกากรขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างภาพลักษณ์เพื่อชักจูงให้ บรรดาแฟนคลับนางงาม ให้มีความรู้สึกในการเป็นเจ้าของ และเข้ามาซื้อหุ้น MGI ควบคู่ไปด้วย

เพราะเหตุนี้ ณวัฒน์จึงต้องพยายามสร้างความเชื่อว่าหุ้น MGI เป็นหุ้นที่มีอนาคตจะเป็น ‘ยูนิคอร์น’ ตัวใหม่ที่หวังไกลถึงขนาดจะผลักดันไปเข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก  ขณะเดียวกันก็ต้องขยันสร้าง 

‘สตอรี่’ ใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อดันราคาให้ขึ้นไปเรื่อยๆ จน MGI ดำรงสถานะเป็นหุ้นขวัญใจมหาชน ชนิดที่ใครก็แตะต้องไม่ได้ แม้แต่เจ้าของตลาดที่เป็นผู้คุมกฎอย่าง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

การวางหมากกลที่จะช่วยผลักดันราคาให้เป็นที่น่าสนใจในช่วงแรก จึงจำเป็นต้องอาศัยพลังจากก นักลงทุนรายใหญ่ระดับ VIP ตัวพ่อที่จะช่วยลากราคาขึ้นไป จนทำให้นักลงทุนรายย่อยและบรรดาแฟนคลับนางงามถูกหว่านล้อมและแห่เข้าไปเก็งกำไร จนราคาวิ่งขึ้นไปจนเกินจินตนาการ ชนิดห่างไกลพื้นฐานรองรับ 

แต่พลันที่ราคาเริ่มปรับตัวลง เพื่อกลับไปสู่ปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ณวัฒน์กลับเก็บอาการไม่อยู่ ถึงขนาดจะปิดบัญชีผู้ถือหุ้นรายวันเพื่อขึงพืดประสานว่าใครเป็นคนเทขายหุ้นออกมา ซึ่งแน่นอนว่าย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดา VIP ที่ไม่ชอบการตรวจสอบ และเกิดคำถามว่า MGI คือ ‘หุ้นที่ซื้อได้แต่ห้ามขายหรือไม่’  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่มีใครกล้าเข้าไปลงทุน ต่อให้ธุรกิจดีแค่ไหนก็ตาม และนำไปสู่บรรยากาศงานเลี้ยงที่กำลังจะต้องเลิกรา 

ความจริงมาตรการดับร้อน โดยการขึ้นเครื่องหมาย  ‘P’  พักการซื้อขายหุ้น 1 วันอาจจะไม่ถึงขนาดดับความร้อนแรงของหุ้น MGI ได้ง่ายๆ แต่การพุ่งขึ้นของราคาที่ขึ้นไปสูงสุดที่ระดับราคาหุ้นละ 65.25 บาทนั้น ก็ทำให้รายย่อยเริ่มหวั่นไหวไม่กล้าโหนเกาะรถไฟเหาะเส้นทางไปสู่มรณะสายนี้เท่าไรอยู่แล้ว  

 ที่สำคัญบรรดา VIP นักลงทุนรายใหญ่ก็มองว่า  อาจได้เวลาขายหุ้นทำกำไร จึงเริ่มเทขายหุ้นออกมาบ้าง แต่เมื่อเจอกับมาตรการจากณวัฒน์ ที่สวมบทเจ้าของและเจ้ามือ ถึงขนาดปิดบัญชีผู้ถือหุ้นเพื่อเช็คว่าใครขายหุ้นบ้าง ก็ยิ่งทำให้เกิดสภาพ ‘วงแตก’ เร็วขึ้น เกมลากราคาหุ้น MGI จึงใกล้จะถูกปิดฉากลง 

อาจจะยังไม่สายเกินไป หากดูจากโมเดลทางธุรกิจของ MGI ที่มีโอกาสเติบโตไปได้หาก ณวัฒน์หันกลับไปทำงานเป็นหลัก ไม่ต้อง ‘หมกหมุ่น’  กับราคาหุ้นมากนัก เพราะในที่สุดผลประกอบการและกำไรจะเป็นตัวกำหนดราคาหุ้นที่เหมาะสมเอง 

เพราะธรรมชาติของบรรดา VIP หรือกองเชียร์คนเลี้ยงลิงทั้งหลาย เมื่อได้เวลางานเลี้ยงต้องเลิกรา พวกเขาก็จะเริ่มมองหาลิงตัวใหม่ต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์