‘ก้าวไกล’ ได้ลุ้น รอดคดียุบพรรค?

11 เม.ย. 2567 - 08:21

  • ขั้นตอนการยุบพรรคก้าวไกล ก็เดินหน้าต่อไป ไม่อะไรมาสะดุด

  • ไทม์ไลน์การพิจารณาตัดสิน ไม่เกิดขึ้นภายในเดือนเมษายนนี้

  • ก้าวไกล มีโอกาสต่อลมหายใจได้อีกช่วงหนึ่ง และลุ้นรอบสุดท้าย

deep-space-move-forward-signal-disband-party-SPACEBAR-Hero.jpg

ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้เห็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะที่เป็นเบอร์ใหญ่ระดับ ‘ประธานศาลรัฐธรรมนูญ’ ออกมาให้สัมภาษณ์ในเรื่องคดีความสำคัญๆ ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล และอยู่ในความสนใจของผู้คน เพราะมีผลต่อการได้เสียในทางการเมือง

ช่วงบ่ายอ่อนของวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น อันเป็นสถานที่จัดงาน 26 ปี แห่งการสถาปนาศาลรัฐธรรมนูญ ‘นครินทร์ เมฆไตรรัตน์’ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยตอนหนึ่งพูดถึงคดียุบพรรคก้าวไกลเอาไว้น่าสนใจยิ่ง

ประเด็นแรก คดียุบพรรคก้าวไกล จะไม่เกิดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ เพราะยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องพิจารณา ในขณะที่พรรคก้าวไกลเอง ก็ยื่นขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามา ซึ่งเบื้องต้นได้มีการอนุมัติให้ขยายเวลาไป 15 วัน และอาจจะขยายได้อีกตามเหตุสมควร หรือหากจะยื่นพยาน หลักฐาน ก็สามารถทำได้เพื่อให้ที่ประชุมได้พิจารณา

‘ยืนยันว่ากระบวนการวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องยุบพรรคก้าวไกล ยังไม่เกิดเกิดขึ้นภายในเดือนเมษายนนี้ เพราะการขอขยายเวลาจากพรรคก้าวไกลตามกรอบก็เลยเดือน เมษายนแล้ว และยังไม่ทราบว่าจะมีการไต่สวนหรือไม่ หากทางพรรคก้าวไกลขอมาก็จะรับไว้พิจารณาว่าจะต้องไต่สวนเรื่องอะไรและที่ประชุมจะต้องพิจารณา ซึ่งปกติจะมีการไต่สวนเรื่องหลักฐานและบุคคลโดยตุลาการก็พร้อมที่จะรับฟังความเห็น โดยอาจจะให้ผู้รู้ที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างพยานเข้ามาชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษรโดยไม่จำเป็นต้องมาที่ศาลทั้งหมด’

นครินทร์ กล่าวไว้

ประเด็นถัดมา เรื่องที่สังคมให้น้ำหนักไปในทางพรรคก้าวไกลต้อง ‘ถูกยุบแน่ๆ’  เพราะศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยคดีมาตรา 112 ไว้แล้วนั้น 

ประธานศาลรัฐธรรมนูญ มองว่า เป็นการคาดการณ์ แต่ข้อกฎหมายคนละข้อ ซึ่งการตัดสินครั้งที่ผ่านมาเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ส่วนการยุบพรรคเป็นไปตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน 

พร้อมสำทับเพิ่มด้วยว่า คำร้องนี้กับกรณีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ เป็นคำร้องคนละอย่างกัน

‘เวลาที่เราไม่ใช่นักกฎหมาย เราชอบคิดว่าข้อเท็จจริงเหมือนกัน แต่มันไม่เหมือนกันหรอก มันต่างกันมาก แค่ชื่อของตัวแสดงทางการเมืองหรือตัวแสดงในคดีก็ต่างกันอยู่แล้ว ไม่ใช่ตัวแสดงคนเดียวกัน’

ประธานศาลรัฐธรรมนูญว่าไว้แบบนี้

แม้จะเป็นการให้ความเห็นตามหลักการ และไม่ใช่เรื่องใหม่เสียเลยทีเดียว เพราะประเด็นต่างๆ เหล่านี้ ได้มีผู้ให้ความเห็นผ่านทางหน้าสื่อมาบ้างแล้ว แต่ในเมื่อเป็นหลักการที่ ‘ออกจากปาก’ ของผู้เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ประเภทแหล่งข่าวกล่าวว่า 

มันจึงเป็นสิ่งที่ต้องเงี่ยหูฟัง!!

อย่างน้อยก็เป็นการยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า ที่ใครต่อใครประเมินเอาไว้ ‘ก้าวไกล’  จะไม่ได้อยู่รอดยืนยาวพ้นเดือนเมษายนไปนั้น ก็ไม่ใช่อีกต่อไป ซึ่งพอๆ กับที่คาดการณ์กันว่า พลพรรคก้าวไกลอาจจะวืด ไม่มีโอกาสได้อภิปรายทั่วไปรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาด้วยซ้ำ ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน

หรือแม้แต่มุมมองที่ว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ‘มีผลผูกพันทุกองค์กร’  ก็ย่อมหมายรวมถึงศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้น คำวินิจฉัยความผิดคดีมาตรา 112 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ก็ต้องผูกพันถึงคดียุบพรรคก้าวไกลด้วย

มีนักวิชาการบางราย ถึงกับบอกว่าไม่ต้องไปไต่สวนหรือทำอะไรเพิ่มเติมใดๆ อีก เอาคำวินิจฉัยคดีมาตรา 112 มาทาบแล้วตัดสินยุบพรรคได้เลยด้วยซ้ำไป

แต่เมื่อฟังความเห็นและมุมกฎหมายจากประธานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว คงทำให้บรรดาสาวก เหล่าขาเชียร์พรรคสีส้ม เบาใจกันไปเยอะ อย่างน้อยก็เป็นเรื่องที่ต้องมาเริ่มต้นต่อสู้กันใหม่ เพราะเป็นกฎหมายคนละมาตรากัน เรื่องหนึ่งอยู่ในรัฐธรรมนูญ ส่วนอีกเรื่องอยู่ในกฎหมายลูก

แม้กระทั่งนำไปเทียบกับคดียุบพรรคไทยรักษาชาติก็ยังไม่ได้ เพราะชื่อและตัวแสดงทางการเมืองในคดีต่างกัน งานนี้ที่ใครต่อใครมองว่า คดียุบพรรคก้าวไกลเหมือนผีถึงป่าช้า หรือที่เคยคิดว่ามีทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหนนั้น ถึงตอนนี้ชักจะไม่แน่เสียแล้ว ดังนั้น เผื่อๆ เอาไว้บ้างก็น่าจะดี

นี่น่าจะเป็นสัญญาญบวกสำหรับพรรคก้าวไกล แม้จะไม่ได้มาแบบเต็มสี่ขีดเลยก็เถอะ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์