ครม.เศรษฐา 1/1 อวสานตั้งแต่เริ่มต้น

29 เม.ย. 2567 - 08:48

  • บันทึกในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย

  • ประกาศปรับคณะรัฐมนตรี พร้อมการลาออกของรัฐมนตรี

  • ส่วนรัฐมนตรีที่ถุกปรับออก และปรับเปลี่ยน ก็ยังมีคลื่นใต้น้ำตามมา

Deep Space-Setta+Pranpre-SPACEBAR-Hero.jpg

ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้เห็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผู้ได้รับการโปรดเกล้าฯ ยื่นหนังสือลาออกแบบสวนควันปืน ชนิดที่ประกาศแต่งตั้งปุ๊บ ก็ร่างหนังสือลาออกกันเลยในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงถัดมา

เหตุผลของการลาออก ‘ปานปรีย์ พหิทธานุกร’ เจ้าของใบลาร้อนที่เป็นข่าวบนหน้าสื่อก่อนถึงมือ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี ได้ให้รายละเอียดไว้อย่างแจ่มชัดแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาแปลไทยเป็นไทยอีก

แน่นอนการลาออกในลักษณะนี้ ย่อมเป็นการแสดงออกถึงการ ‘ประท้วงขั้นสูงสุด’ ด้วยการไม่ขออยู่ร่วมสังฆกรรมในรัฐนาวาด้วยอีกต่อไป ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความไม่ลงตัวในการปรับครม. และที่สำคัญคือ การลดความขลังของนายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทยลง 

ไม่ได้ชี้ไม้เป็นนก ชี้นกเป็นไม้อีกต่อไป

และไม่เฉพาะรายของปานปรีย์ แต่ยังมี ‘นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว’ อดีตแม่ทัพเพื่อไทย ที่นำพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง แถมต้องมาแบกหน้ารับเสียงก่นด่าจากรอบทิศเรื่อง ‘ตระบัตสัตย์’ กลืนน้ำลาย ฉีกขั้วเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคสองลุง

หมอชลน่าน น่าจะชีช้ำมากกว่าใคร ในวันที่ต้องอยู่ในภาวะของ ‘เสร็จนาฆ่าโค’

เมื่อต้องพ้นจากตำแหน่งไป หลังได้รับการปูนบำเหน็จให้อยู่ในตำแหน่งเสนาบดีเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งไม่รู้จะคุ้มกับชื่อเสียงทางการเมือง ‘รางวัลคนดีศรีสภา’ ที่สั่งสมมาตลอดทั้งชีวิตของการทำงานการเมืองในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาหรือไม่

คำตอบน่าจะดูได้จากข้อความบนเพจ หมอชลน่าน FC ไม่มีดราม่า ซึ่งเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นภาพหมอชลน่าน ถูกเหยียบย่ำด้วยเท้าหลายเท้า พร้อมข้อความว่า 

‘ชลน่านพลีชีพโดดเดี่ยวโดนกระทืบ
ผู้คนหนีเข้าซอกหลืบหบลมุมไหน
พอผ่านพ้นผู้คนตะเกียกตะกาย
เหยียบย่ำแย่งเป็นใหญ่ไร้ยางอาย’

การปรับครม.เศรษฐา 1/1 แบบเล่นซ่อนหา สับขาหลอกกันไปมาหลายเที่ยว จนสื่อเองชักจะไม่มั่นใจกับคำว่าแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ จะยังมีความน่าเชื่อถืออยู่ต่อไปอีกหรือไม่ แต่สุดท้าย ครม.เศรษฐา 1/1 ก็ปรากฎโฉมให้เห็น ซึ่งแทบจะไม่มีตรงไหนที่ผิดเพี้ยนไปจากหน้าสื่อ จึงทำให้คำว่า แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ยังคงมีความน่าเชื่อถือได้อยู่ต่อไป

เพียงแต่ความน่าเชื่อถือ ความขลังของนายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย ที่ชินกับการปรับครม.แบบถี่ๆ บนเนื้อหาของ ‘เสนาบดีต่างตอบแทน’ และ ‘สมบัติผลัดกันชม’ วันนี้เริ่มไม่ขลังเหมือนเดิม และเกิดเป็นบาดแผลเล็กๆ ที่อาจลุกลามเป็นแผลขนาดใหญ่ได้หากไม่รีบรักษา

การปรับครม.หนนี้ จึงไม่ต่างกับมีรอยรั่วขึ้นในรัฐนาวา ที่มีโอกาสเกิดเป็นสนิมขึ้น เพราะไม่เพียงเพื่อไทยที่มีแรงกระเพื่อม พรรคสองลุง ‘พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ’ ที่ดูเหมือนไร้ปัญหา แต่ใต้ผิวน้ำลงไปเริ่มมีการก่อตัวของคลื่นขนาดใหญ่จากการปรับ ครม. เที่ยวนี้ด้วย

โดยพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ กล้าหัก ‘ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยการเปลี่ยนรายชื่อจาก ‘อนันต์ ผลอำนวย’ สส.กำแพงเพชร ที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกของพรรคเพียงรายชื่อเดียว และยัดรายชื่อ ‘อรรถกร ศิริลัทธยากร’ สส.ฉะเชิงเทรา เข้าไปแทน จึงเท่ากับไม่ไว้หน้า พล.อ.ประวิตร ทำให้ลุงต้องสูญเสียเครดิตอย่างมาก

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มาป่วนเอาในนาทีสุดท้าย และท้ายสุดแม้จะถอดชนวนได้ด้วยเหตุผลของการรักษาภาพลักษณ์รัฐบาลเอาไว้ ไม่ให้อัปลักษณ์ไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ทำให้ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ จึงยังได้นั่งอยู่ในเก้าอี้เดิม และปรับเปลี่ยนแบบเข้าหนึ่ง ออกหนึ่งเท่านั้น 

แต่ต่อจากนี้ สายสัมพันธ์ระหว่าง ‘ขิง’ เอกนัฐ พร้อมพันธ์ ที่มีบ้านใหญ่ปักษ์ใต้เป็นหลังพิง กับ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ คงไม่เหมือนเดิม และยากจะอยู่ในถ้ำเดียวกันได้อีกต่อไป

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากจะเป็นการฉีกหน้านายกฯ เศรษฐา ไม่ไว้หน้านายใหญ่แล้ว น่าจะเป็นสัญญาณรอยร้าวใน ครม.เศรษฐา 1/1 ตั้งแต่วันแรกที่รายชื่อคลอดออกมาก็ ‘เสียศูนย์ น็อตหลวม’ เสียแล้ว

อีกไม่กี่วันจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2568 หากปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าใครจะรบกับใครก็ตาม ถ้าล้างใจกันไม่ทัน รัฐนาวาเศรษฐา ก็มีสิทธิล่มก่อนเวลาอันควร

อวสานครม.เศรษฐา 1/1 รูดม่านปิดฉากลงตั้งแต่วันแรกที่คลอด ไม่ทันได้ตัดสายสะดือด้วยซ้ำ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์