สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังพัดเร็วและแรงเข้ากระหน่ำตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนดูยากจะต้านทาน ดั่งภาษิตจีน ‘ท่ามกลางสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง บางคนสร้างกำแพง บางคนสร้างกังหัน’
การเข้ามาของกรรมการใหม่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในสัดส่วนของ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ) จำนวน 3 คน ที่มีชื่อของ พิชัย ชุณหวชิร และ กรรมการใหม่ อีกสองคน คือ คมกฤช เกียรติดุรยกุล และ รวินท์ บุญญานุสาสน์ ทำให้ผู้คนในตึกตลาดหลักทรัพย์ฯที่รัชดา ต้องสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายที่ดูจะกลายเป็นจริง และเริ่มตระหนักว่า ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงกำลังมาถึงแล้ว และคงยากที่จะสร้างกำแพงเพื่อปกป้องตัวเองเอาไว้
ยุคสมัยของ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯคนก่อน คือ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กำลังจะสิ้นสุดลง และฝ่ายการเมืองวางตัว พิชัย ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ ตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ ภากร ปีตธวัชชัย ที่อยู่ในตำแหน่งนี่มากว่า 6 ปี ก็ถูกฝ่ายการเมืองของพรรคเพื่อไทย ‘ล็อค’ เป้าคนที่มีแนวโน้มจะมานั่งในตำแหน่งนี้แทนเอาไว้แล้ว
ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ โต้ง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษาของนายกฯเศรษฐา ซึ่งเคยเป็นเอ็มดีตลาดหลักทรัพย์ฯมาก่อน มองว่าผลงานที่ผ่านมาของ ภากร ไม่เข้าตา และยังล้มเหลวในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน และการปกป้องนักลงทุน จนมีเรื่องอื้อฉาวในตลาดหุ้นหลายๆกรณี โดยเฉพาะล่าสุด กรณีที่ไม่แก้ไขปัญหาเรื่อง การยืมหุ้นมาขายหรือ ชอร์ตเซลล์ โดยอาศัย โปรแกรมเทรด เป็นเครื่องมือในการทุบราคาหุ้น จนนักลงทุนรายย่อย และบริษัทจดทะเบียนหลายรายต้องถูกผลกระทบเสียหาย
ชื่อของ วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ถูกนำเสนอขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเลือกที่ดูจะเข้าตาฝ่ายการเมืองของพรรคเพื่อไทยเป็นยิ่งนัก เมื่อเทียบกับตัวเลือกที่เป็นคนในบางคนที่มีกระแสข่าวว่าอยากขยับตำแหน่งขึ้น
หากไปพลิกดูโปรไฟล์ ของ วิทัย ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ธรรมดาและเหมาะกับตำแหน่งนี้มากพอสมควร เพราะอายุเพียงราว 52 ปี เป็นคนหนุ่มที่ครบเครื่องทั้งชาติวุฒิและคุณวุฒิ ชนิดสอบผ่านได้สบาย เนื่องจากเคยนั่งในตำแหน่งสำคัญๆ ของสถาบันการเงินกึ่งรัฐ-เอกชน มาแล้วหลายแห่ง
วิทัย จบการศึกษาปริญญาตรีทางเศรษฐศาสตร์ จากธรรมศาสตร์ และไปต่อปริญญาโท ด้านการเงิน ที่ Drexel University ที่สหรัฐฯ ก่อนจะกลับมาทำงานที่ บล.ภัทร
วิทัยเป็นลูกชาย ของ ศิริลักษณ์ รัตนากร เอ็มดีหญิงคนแรกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ในช่วงเรียนที่ธรรมศาสตร์ เขามีโอกาสได้ไปฝึกงานที่ บริษัทหลักทรัพย์ไทยค้า ทำให้มีพื้นความรู้เรื่องตลาดทุนมาตั้งแต่สมัยเรียน และเริ่มทำงานในหน่วยงานวิจัยที่ บล.ภัทร ในราวปี 2535 และต่อมาได้เข้าไปดูแลบริหารพอร์ตการลงทุนให้กับ กบข.หรือสำนักงานคณะกรรมการบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ
เชื่อกันว่า เหตุผลหนึ่งที่วิทัยน่าจะสนใจตำแหน่งนี้ก็เพราะ เขาเองก็มีแรงบันดาลใจที่อยากเดินตามรอยเท้า เพื่อสืบทอดความสำเร็จของผู้เป็นแม่ที่เคยนั่งในตำแหน่งใหญ่ของตลาดหลักทรัพย์ฯมาก่อน
ผลงานที่โดดเด่นคือ การเข้าไปช่วยฟื้นฟูกิจการของ นกแอร์ ในช่วงที่มีปัญหาจนสามารถกลับมาทำกำไร และนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2556 และต่อมาเขาก็ถูกดึงตัวไปนั่งเป็น CFO ดูแลด้านการเงินให้กับธนาคารออมสิน ยังถูกดึงให้เข้าไปช่วยฟื้นฟูกิจการของธนาคารอิสลามหรือ I Bank ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนที่ 5
ต่อมาเขาสมัครสรรหาและเข้าไปนั่งในตำแหน่ง เลขาธิการ กบข. ในปี 2561 และหลังจากครบเทอมที่ กบข. ก็มาย้อนกลับมาสมัครเป็น ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2563
ธนาคารออมสินในยุคของวิทัย ไม่เน้นการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สร้างภาพลักษณ์องค์กร และผู้บริหาร แต่ให้ความสำคัญกับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์ บริการ สำหรับผู้ประกอบการระดับฐานราก
วิทัย มีแคแรคเตอร์ของ คนหนุ่มที่มีแนวคิดนอกกรอบ และเขาจำกัดความตัวเองว่าเป็น Change Leader ผู้นำที่กล้าเปลี่ยนแปลง ชอบความท้าทาย ซึ่งสะท้อนจากผลงานในช่วงไม่กี่ปีที่เขามานั่งในตำแหน่ง ผู้อำนวยการออมสิน เขาริเริ่มโครงการใหม่ๆหลายเรื่อง ตั้งแต่ โครงการปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายย่อย-ร้านค้ารถเข็น โครงการเงินสดทันใจ-รับจำนำทะเบียนรถ โครงการ SME มีที่มีเงิน –รับขายฝากที่ดิน และล่าสุดเตรียมที่จะทำโครงการ JV-AMC บริหารสินทรัพย์จากหนี้เสีย
มีกระแสข่าวว่า ในระหว่างที่จะมีการสรรหาเอ็มดีตลาดหลักทรัพย์ฯคนใหม่ จะมีการแต่งตั้งให้ ‘พี่จาว ’ โสภาวดีเลิศมนัสชัย กรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ และเคยเป็นอดีตรองกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯมานั่งรักษาการชั่วคราว และหากไม่มีอุบัติเหตุใดๆ ชื่อของ วิทัย รัตนากร ก็น่าจะขึ้นเป็น กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนที่ 14 ในราวกลางปีนี้