ใครจะเป็นนายกฯคนต่อไป ‘ชัยเกษม’ ตัวจริงหรือแค่ล่อเป้า?

15 ส.ค. 2567 - 03:30

  • เศรษฐา ทวีสินจบเส้นทางชีวิตการเมือง

  • เพื่อไทยชิงลงมือเร็ว ก่อนเกิดแรงกระเพื่อม

  • ชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ ถูกปล่อยออกมาทดสอบกระแส

313-deep-space-phuethai-chaikasem-SPACEBAR-Hero.jpg

หลัง เศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ไปแบบบอบช้ำที่สุดในชีวิต จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในวันพุธที่ 14 สิงหาคม ที่เต็มไปด้วยถ้อยคำภาษาที่หนักหน่วง รุนแรงและดุดัน

ถือเป็นการปิดฉากชีวิตการเมืองของ ‘นายกฯ เซลล์แมน’ ประเทศไทยลงอย่างถาวร เพราะในคำวินิจฉัยที่ให้พ้นจากตำแหน่งนั้น นอกจากจะมีปัญหา ‘ขาดความซื่อสัตย์สุจริต’ ที่ประจักษ์แล้ว ยังมีพฤติกรรมฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง ‘จริยธรรม’ อย่างร้ายแรงด้วย

อันเท่ากับเป็นการถูกตัดสิทธิ์ห้ามกลับเข้าสู่การเมืองตลอดไป

เศรษฐา จึงน่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่อยู่ในตำแหน่งได้ไม่ถึงหนึ่งปี โดยหย่อนไป 8 วัน แต่เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้ว กลายเป็น ‘บุคคลต้องห้าม’ ไม่ให้กลับเข้าสู่การเมืองอีก หากเปรียบเป็นพระสงฆ์ ก็เท่ากับต้องอาบัติปาราชิก ไม่สามารถกลับมาบวชอีกได้

แถมน่าจะอยู่ในข่ายที่เรียกว่า ‘ห้ามสวรรค์-ห้ามนิพพาน’ ด้วยซ้ำ!!

เพราะการที่ไม่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ได้อีกตลอดไปนั้น หากยึดตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับเป็น ‘บุคคลล้มละลาย’ ทางความน่าเชื่อถือ ไม่เฉพาะแวดวงการเมืองอย่างเดียว แต่ในวงการไหนๆ ก็ไม่ควรแก่การคบหาทั้งสิ้น

จึงเป็นการปิดฉากนายกฯ ถุงเท้าแดง ผ้าขาวม้าหลากสีไปแบบนิรันดร์

ทันทีที่เศรษฐาหลุดจากตำแหน่ง ขั้วการเมืองที่เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ ก็เดินเกมเร็วไม่รอช้า ทำให้ถนนทุกสายของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ต่างมุ่งหน้าสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ที่อยู่ใน ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 ทันทีในค่ำวันเดียวกัน โดยไม่ได้ ‘แยแส’ ต่อสายตาผู้คนที่ยังมองว่า คนที่กำลังแห่แหนกันไปพบนั้น 

มีสถานะเป็นนักโทษที่ยังอยู่ระหว่างการพักโทษ

หลังการหารือผ่านไปไม่นาน ก็ส่งสัญญาณให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือด่วนที่สุดถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมพิเศษเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ ในวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 น.

เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของประเทศไทยต่อไป

ขณะที่ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกฯ คนที่หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็เรียกประชุม ครม.ชุดรักษาการ นัดพิเศษขึ้นในเวลาบ่ายสองโมงวันนี้(15 สิงหาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังถูกเรียกตัวให้บินด่วนกลับจากคาซัคสถาน มาถึงไทยในช่วงสายวันนี้

การ ‘เล่นเกมเร็ว’ ของขั้วรัฐบาลเดิมหนนี้ คงอารมณ์เดียวกับอดีตพรรคก้าวไกล ที่ย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ในเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง เพื่อป้องกัน 143 สส.ไม่ให้แตกแถว เช่นเดียวกันพรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลรักษาการ ก็คงไม่ต้องการให้เกิดแรง ‘กระเพื่อม’ ขึ้นเช่นกัน

และที่สำคัญ คงเตรียมการรับมือสถานการณ์กันมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะการพบปะสังสรรค์ในช่วงที่ผ่านมาในนามของ**‘ปฏิญญาเขาใหญ่-สัญญารักปากช่อง’** ที่ตกเป็นข่าวครึกโครมก่อนหน้านี้

เอาเป็นว่า ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ถ้าเรียงตามจำนวนเสียงสส.ที่แต่ละพรรคมีอยู่เวลานี้ โดยตัดพรรคประชาชนทิ้งไป เพราะบัญชีนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงพร้อมกับพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบ ก็จะเหลือแคนดิเดทอยู่ 7 คน ตามที่สื่อนำเสนอกันไป

โดยเป็นพรรคเพื่อไทย 2 คน คือ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ และ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ 3. ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ พรรคภูมิใจไทย 4. ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ พรรคพลังประชารัฐ 5. ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ 6. ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ พรรครวมไทยสร้างชาติ 7. จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์

แต่ร่อนตะแกรงดูแล้ว ความเป็นได้จะมีไม่เกิน 3 คนเท่านั้น คือ แพทองธาร ชินวัตร อนุทิน ชาญวีรกูล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขึ้นอยู่กับความลงตัวในเชิงอำนาจว่า จะให้ใครเป็นหวยล็อค?!

เพราะหากเป็นคนจากพรรคเพื่อไทย ก็ต้องมีรายจ่ายที่สูงลิ่วให้กับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะภูมิใจไทยที่เป็นพรรคอันดับสอง คงได้รับความสำคัญพอๆ กับตอน ‘ฉีกขั้ว’ จากเพื่อไทยมาตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต อยากได้กระทรวงไหนก็ต้องประเคนให้หมด

แต่หากพรรคเพื่อไทย ยอมปล่อยมือให้ภูมิใจไทยที่เป็นพรรคอันดับสอง แรงกดดันต่างๆ ก็จะลดลง แต่เพื่อไทยก็จะสูญเสียสถานะความเป็นพรรคแกนนำไป ไม่สามารถนำนโยบายหลักๆ ที่หาเสียงไว้มาเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลได้ ทั้งดิจิทัลวอลเล็ต ที่ยังลูกผีลูกคน เคว้งคว้างอยู่ หรือซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งหลาย ก็คงสะดุดตามไปด้วย

โดยอย่างมากสุด ผู้นำจิตวิญญาณของเพื่อไทย คงส่ง ‘อุ๊งอิ๊ง’ คนที่หน้าเหมือนตัวเอง มาฝึกงานปั่นโปรไฟล์ทางการเมือง ร่วมอยู่ใน ครม.ชุดใหม่ เพื่อรอวันเติบใหญ่และนำทัพเพื่อไทยสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

สุดท้าย ‘ลุงตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีกระแสโหยหาอยู่ช่วงหนึ่ง คงยากที่จะกลับมา และอีกอย่างเวลาการดำรงตำแหน่งเหลืออยู่เพียงสั้นๆ เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาได้ใช้ไปเกือบเต็มแม๊ค 8 ปีแล้ว โอกาสที่จะหวนคืนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้งจึงมีน้อยมาก

สุดท้ายการเมืองแบบไทยๆ ที่ไม่ได้มีเฉพาะหมากที่เห็นบนกระดาน แต่ยังมีหมากนอกกระดานด้วย จึงทำให้เพื่อไทยแม้จะมีจำนวนสส.มากถึง 141 เสียง แต่เสียงคงไม่ดังพอจะตัดสินใจเองได้ทั้งหมด

เพราะหากคนชื่อ ‘ทักษิณ’ คอนโทรลสถานการณ์ได้เองจริง ชะตากรรม ‘เศรษฐา’ คงไม่จบลงแบบที่สร้างปัญหาให้กับเพื่อไทยอย่างที่เห็นในชั่วโมงนี้

การโยนชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ ออกมาอยู่เต็มหราบนหน้าสื่อเวลานี้ จึงน่าจะเป็น ‘เป้าล่อ’ เพื่อรักษาหน้า หรือรักษาหลักการ ในฐานะพรรคใหญ่อันดับหนึ่งในขั้วรัฐบาลเดิมมากกว่า เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นใจให้เพื่อไทยมาเป็นแกนนำรัฐบาลต่อ ทั้งเรื่องตัวบุคคล ‘ชัยเกษม-แพทองธาร’ ต่างมีปัญหาทั้งคู่

ขณะที่ในรอบ 11 เดือนเศษที่ผ่านมา รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย สถานการณ์มีแต่ ‘ทรงกับทรุด’ หากขืนยังให้ถือธงนำต่อก็จะกลายเป็นภาวะถดถอยทางการเมือง และเป็นรัฐบาลที่อายุสั้นกว่ารัฐบาลเศรษฐาด้วยซ้ำ

ส่วนถ้าเปลี่ยนเป็น อนุทิน ชาญวีรกูล แม้จะเป็นการหนีเสือปะจระเข้ แต่ก็จะทำให้รัฐบาลใหม่อยู่ได้ยืดยาวมากกว่า เพราะอย่างน้อย ‘เสี่ยหนู’ ก็ไม่ได้ทำตัวเป็นสายล่อฟ้าเหมือนคนบ้านจันทร์ส่องหล้า

จริงเท็จอย่างไร รอดูก่อนประชุมสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 10 โมงเช้าวันพรุ่งนี้ จะมีการ ‘เปลี่ยนตัวสลับร่าง’ สร้างชาติหรือไม่ 

‘ชัยเกษม’ จะมาเปิดตำนานถุงขนมภาคสอง หรือมาแค่เป็นเป้าล่อ อีกไม่กี่ชั่วโมงคงได้เห็นกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์