ในที่สุดก็ไม่มีพลิก ทั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ กตร. มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบรายชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ ตามรายชื่อที่เสนอโดย นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธาน กตร.โดยตำแหน่ง
ขณะที่คณะรัฐมนตรีก็มีมติเห็นชอบให้ ฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการ สมช. ดำรงตำแหน่งเลขาสมช.คนใหม่ ตามที่ ภูมิธรรม เวชชชัย รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงเสนอ
ทั้งสองตำแหน่งสยบข่าวลือที่มีความพยายามโยงกลับไปยังยุคของ นายกฯปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เคยใช้ตำแหน่งเลขา สมช. แก้ปัญหาตำแหน่ง ผบ.ตร. โดยมีการโยก ถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาสมช. ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. มาดำรงตำแหน่งแทน และขยับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร.แทน
ครั้งนั้นนำไปสู่การที่ ถวิล ฟ้องร้อง นายกฯปู และเป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 วินิจฉัยว่า นายกฯปู ใช้สถานะการเป็นนายกรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่าย แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เพื่อประโยชน์ของตัวเอง และทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง
ครั้งนี้จึงมีความพยายามโยงว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมยืดระยะเวลาการรักษาการ ผบ.ตร.ของ ‘บิ๊กต่าย’ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ออกไป และเตรียมผลักดัน พล.ต.ท.ประจวบวงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่รักษาการ ผบ.ตร.อยู่ ขึ้นดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ก่อน หลังจากนั้นก็จะส่งบิ๊กต่ายไปดำรงตำแหน่งเลขาสมช. และดัน พล.ต.ท.ประจวบ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.แทน
แต่ที่สุดรัฐบาลของ นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ก็เลือกแนวทางการเดินแบบปลอดภัย โดยปล่อยให้ทั้งสองตำแหน่งเป็นไปตามระบบอาวุโส ไม่มีการทวนน้ำ รองต่ายและรองฉัตรชัย ที่ทั้งคู่เป็นรองอาวุโสอันดับหนึ่งของทั้งสองหน่วยงาน จึงเข้าเป้ายเบอร์หนึ่งขององค์กรแบบไม่มีพลิก ก้าวไปถึงฝั่งฝันด้วยกันทั้งคู่
ตำแหน่ง ผบ.ตร.ในปีนี้ และในยุค นายกฯอิ๊งค์ จึงจบลงแบบไร้ข้อครหา จนดูเหมือนคลื่นลมแรงที่เคยกระหน่ำหนักสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.ในยุครัฐบาลเศรษฐา น่าจะสงบลง และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
แต่ภายใต้ความสงบเงียบของการแต่งตั้ง ผบ.ตร. คลื่นใต้น้ำที่กำลังก่อตัว และส่อจะเกิดแรงกระเพื่อมหนักใน สตช. เป็นบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพล ตั้งแต่ตำแหน่งรองผบ.ตร.ลงมาจนถึงระดับผู้บังคับการ
ปัจจัยที่จะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมาจาก 2 ปัจจัยหลัก
หนึ่ง เพราะปีนี้ เมื่อตำแหน่ง **รอง ผบ.ตร.**ขยับขึ้นไปเป็น ผบ.ตร. และบางส่วนเกษียณอายุราชการ ตำแหน่งรองลงมาก็จะขยับทั้งองคาพยพ ทั้งระนาบ ผช.ผบ.ตร. ระนาบ ผบช.กองบัญชาการหลัก อันจะส่งผลต่อเนื่องลงไปถึงระดับกองบังคับการสำคัญๆทั้งประเทศ
อีกหนึ่ง คือ ปีนี้จะเป็นปีแรกในรอบ 10 ปี ที่พรรคเพื่อไทยกลับมากำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติแบบเต็มตัว และทำบัญชีโยกย้ายตำรวจแบบเต็มมืออีกครั้ง หลังถูกรัฐประหารเมื่อปี 2557
แรงกระเพื่อมแรกอันมาจากตำแหน่งสำคัญที่มีการขยับค่อนข้างมาก แน่นอนว่า ระดับรอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยังไม่น่าสนใจเท่า ตำแหน่งผู้บัญชาการหลัก และตำแหน่งผู้บังคับการในพื้นที่ทองคำ
ระดับ รองผบ.ตร.และผช.ผบ.ตร ส่วนใหญ่จะยึดโยงระบบอาวุโส แต่ระดับผู้บัญชาการ และผู้บังคับการ มีสัดส่วนของทั้งพิจารณาจากอาวุโส และพิจารณาจากผลงาน ความสามารถ
ระดับผู้บัญชาการที่กำลังถูกจับตามองมากเรียงตามลำดับ คือ
ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ปีนี้จะว่างลงจากการที่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.คนปัจจุบัน จะขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.
ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ ซึ่ง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ขอโครงการสมัครใจขอลาออกก่อนเกษียณ
ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. เพราะ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ขยับขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร.
ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แทน พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ที่เกษียณอายุ
ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน ที่ พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต เกษียณอายุ
ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ที่ พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก เกษียณอายุ
ตำแหน่ง ผู้บัญชการตำรวจภูธรภาค 2 ที่ พล.ต.ท.สมประสงค เย็นท้วม ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.
ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่ พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี เกษียณอายุ
การขยับอัตโนมัติของผู้บัญชาการหลักถึง 8 กองบัญชาการ ทำให้การทำบัญชีโยกย้ายในระดับกองบัญชาการ สามารถเขย่าใหม่ได้ทั้งหมด ซึ่งนั้นย่อมส่งผลลงมาในระดับกองบังคับการสำคัญๆ ที่จะเขย่าใหม่ได้ทั้งหมดเช่นกัน
ตำแหน่งจำนวนมากที่จะมีการเขย่า ทั้งระดับ รองผบ.ตร.และผู้ช่วยผบ.ตร รวมกัน 10 ตำแหน่ง ระดับผู้บัญชาการถึง 37 ตำแหน่ง และเมื่อรวมตำแหน่งผู้บังคับการในปีนี้ อาจมีการพิจารณาปรับย้ายนายตำรวจระดับนายพลกว่า 200 ตำแหน่ง กำลังเป็นแรงกระเพื่อมแรกภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่น่าจับตายิ่ง
ขณะที่แรงกระเพื่อมที่สอง และเป็นแรงกระเพื่อมหนักที่สุด เพราะการทำบัญชีโยกย้ายปีนี้ เปลี่ยนมือจาก แกนนำ 3 ป. พลิกมาอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย และผู้มีบารมีเหนือพรรค อันทำให้มีเสียงร่ำลือกันว่า วันนี้ถนนสีกากีทุกสายกำลังพุ่งตรงไปยังซอยจรัญสนิทวงศ์ 71 ที่ตั้งของ บ้านจันทร์ส่องหล้า บ้านพักของอดีตนายกรัฐมนตรี ‘ทักษิณ ชินวัตร’
หลัง 9 ปีที่ผ่านมา บ้านป่ารอยต่อ ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นถนนสายหลักของพลพรรคสีกากี ที่เวียนเข้าเวียนออก และคึกคักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ยาวไปจนถึงดึกดื่น
การทำบัญชีโยกย้ายนายตำรวจหลังปี 2557 ช่วง 6-7 ปีแรก ชื่อเสียงของ **บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.**หอมหวนเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเป็นที่รู้กันดีว่า บิ๊กโจ๊ก เป็นลูกรักของลุงแห่งบ้านป่ารอยต่อ และเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีโยกย้ายแทบทั้งหมด
ครั้งที่ บิ๊กโจ๊ก เผชิญมรสุมลูกใหญ่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การทำบัญชีโยกย้ายที่ข้ามจากสายพี่ใหญ่ไปยังน้องเล็ก ทำให้บัญชีโยกย้ายหลักเปลี่ยนมือไปยังสายสีเขียว โดย 2 เสธฯหลัก และมีนายตำรวจสอง ส. เข้ามีส่วนร่วมในการทำบัญชีบางส่วน
ช่วงนั้น บัญชีสาย 2 เสธฯ กับบัญชีสาย 2 ส. เป็นบัญชีหลักที่การันตีความแน่นอนว่า ถ้ามีชื่อในโผ 2 สายนี้ มีโอกาสหลุดยาก แม้กระทั่งสาย ศ.เศรษฐา เมื่อปีที่ผ่านมา ยังรับประกันความชัวร์ไม่ได้
มาปีนี้ เมื่ออำนาจเต็มกลับมาอยู่ในมือ พรรคเพื่อไทย เมื่อการโยกย้ายนายพลตำรวจปีนี้ อาจมีการเขย่ากันกว่า 200 เก้าอี้ แน่นอนว่า ทุกสายตาต่างก็กวาดหาชื่อคนทำบัญชี
ทุกสายตาต่างมุ่งหาบัญชีที่รับประกันได้ เหมือนที่เคยเป็นในยุคพี่ใหญ่และน้องเล็ก
แม้มีเสียงร่ำลือ และมีแนวโน้มจะเป็นไปได้ว่า ถนนทุกสายต้องวิ่งเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 71
แต่การจะต้องพิจารณาทั้ง 200 ตำแหน่ง ที่ต้องดูละเอียด ต้องดูว่า ใครเป็นใคร ใครเติบโตมาในสายไหน ใครมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจเดิม
ใครไว้ใจได้ ใครไว้ใจไม่ได้ ใครทำงานได้ ใครทำงานไม่ได้ ใครใจถึงกล้าทำงานยาก ใครใจเสาะไม่รับงานใหญ่…ทั้งหมดล้วนต้องมีคนมาคอยสแกน
แน่ล่ะ ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ,ผช.ผบ.ตร. และ ผบช.หลัก ที่มีไม่ถึง 50 ตำแหน่ง นายใหญ่คงต้องผ่านตาทั้งหมด แต่อีกเกือบ 200 ตำแหน่ง จำเป็นต้องมีตัวช่วย จำเป็นต้องมีคนทำ และคนทำต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ มั่นใจได้ว่า ไม่มีการยัดไส้ ไม่มีการวางยา
ยามนี้แม้จะมีอดีตบิ๊กสีกากีอยู่เคียงข้าง มีนายตำรวจใหญ่ในปัจจุบันอยู่เคียงข้าง แต่ก็ต้องมีมือทำงานที่มีประสบการณ์การทำบัญชีโยกย้ายมาคอยเป็นมือเป็นไม้ มือทำงานที่รู้ตื้นลึก หนาบาง ในแวดวงสีกากีทั้งหมด เพราะยังต้องระวังบัญชีแทรกจากคนใกล้ชิด บัญชีที่เกิดจากมือดีไปคอยตั้งโต๊ะเรียกนายตำรวจที่ต้องการเติบโตเข้าไปหา บัญชีตีกินที่คอยแอบอ้าง
หลักการ Put the right man on the right job หรือการเลือกคนให้เหมาะสมกับงาน และคนนั้นต้องไว้ใจได้ กำลังเป็นหลักการที่คนวงในบอกว่า คนที่คร่ำหวอดในวงการสีกากี และวงการการเมือง อย่างนายใหญ่ กำลังตัดสินใจว่า จะหันไปหยิบตัวละครเดิม ตัวเล่นเดิม อันเป็นผู้เล่นที่ไว้ใจได้ เพราะใกล้ชิดกับคนในบ้าน กลับมาใช้อีกครั้ง
ชื่อของ บิ๊กโจ๊ก ถูกพูดถึงขึ้นมาอีกครั้ง…
เพราะ บิ๊กโจ๊ก น่าจะเป็นคนไม่กี่คนที่มีคุณสมบัติครบ ทั้งรู้ลึกเรื่องตำรวจทุกตำแหน่ง รู้จักนายตำรวจระดับนายพลแทบทั้งหมด เพราะได้รับมอบหมายให้ทำบัญชีโยกย้ายมาหลายปี
ประการสำคัญ แม้จะย้ายข้ามไปรับใช้ลุงแห่งบ้านป่ารอยต่อมานาน แต่รอยเจ็บช้ำที่เกิดขึ้นในห้วงเวลา 2-3 ปีหลัง ที่เจ็บถึงขั้นถูกออกจากราชการ โดยไม่มีใครปกป้อง น่าจะทำให้ บิ๊กโจ๊ก หันหลังให้กับขั้วอำนาจเก่าแบบเต็มตัว
บิ๊กโจ๊ก แมวเก้าชีวิต วันนี้แม้จะอยู่ในห้วงเวลาที่หนักที่สุด นับจากเผชิญกับมรสุมใหญ่มาทุกลูก แต่กลับมิได้จมดิ่งอยู่กับเกลียวคลื่นที่โถมเข้าใส่
ตรงข้ามวันนี้ บิ๊กโจ๊ก กลับเลือกเดินหน้าทำงานในตำแหน่งนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ที่ยึดโยงกับคนใต้ทั่วประเทศ เลือกไปเรียนต่อจนจบปริญญาโทอีก 2 ใบใน 2 สถาบัน
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ก็ขยับเข้าใกล้บ้านใหญ่ ที่เคยเป็นที่พึ่งพิงมาตั้งแต่รุ่นพ่อ แต่ครั้งนี้เปลี่ยนรุ่นจากรุ่นพ่อ ที่มีคำกล่าวว่า มีเสมอต้องมีไสว มาเป็นรุ่นหลาน ที่ยามนี้ แม้จะไม่มีปรากฏภาพออกมาให้เห็นมากนัก แต่เป็นที่รู้กันว่า บิ๊กโจ๊ก ได้รับความไว้วางใจให้คอยประกบใกล้ชิดดูแล โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร หลานชายหัวแก้ว หัวแหวนของคุณตา พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ แบบไม่ห่าง
ไม่เพียงการคอยดูแล โอ๊ค เท่านั้น ว่ากันว่า นายตำรวจคนดังยังทำงานทางลับบางงานให้กับนายใหญ่ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง อีกด้วย
ท่าทีการขับเคลื่อน ที่เนียนตายิ่งของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ในวันนี้ จึงยากปฏิเสธว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก หากนายใหญ่จะหยิบมาใช้งาน สแกนบางเก้าอี้ บางตำแหน่ง ในบัญชีโยกย้ายครั้งนี้
ในวันที่บ้านจันทร์ กลับมาส่องหล้า ด้วยลำแสงที่เจิดจ้าเช่นนี้
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน ถ้าจะต้องจับตา ความเคลื่อนไหวของ บิ๊กโจ๊ก ว่า กำลังจะใช้ชีวิตที่เท่าไหร่ ในการกลับมาคืนชีพอีกครั้ง…
พร้อมๆกับอาการเสียวสันหลัง ของ นรต.บางรุ่น ที่จ่อจะเติบโตบนบัญชีโยกย้ายนายพลตำรวจปีนี้…!!!